ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 236 ชินชิลล่าตั้งท้อง
ตอนที่ 236 ชินชิลล่าตั้งท้อง
ตอนที่ 236 ชินชิลล่าตั้งท้อง
เจียงจิ่นเวยเดินกลับไปอย่างกระเซอะกระเซิง เมื่อเธอกลับไปก็โผเข้ากอดและร้องไห้กับจั๋วเอ่อร์เฉิง และเล่าถึงการกลั่นแกล้งที่เธอเพิ่งได้รับในเถาหยาง
เมื่อเห็นผมยุ่งเหยิงและรอยฟกช้ำตามร่างกายของเธอ สีหน้าจั๋วเอ่อร์เฉิงก็เข้มขึ้น
แม้ว่าเจียงจิ่นเวยจะไม่ใช่ผู้หญิงคนโปรดของเขาแต่เธอก็ยังเป็นคนของเขา การถูกปฏิบัติเช่นนี้เท่ากับเหยียบหน้าเขา
“คุณแน่ใจเหรอว่าคนของเถาหยางตั้งใจขัดขวางคุณ” เขาถามอย่างเย็นชา
เจียงจิ่นเวยร้องไห้ “ฉันแน่ใจ เห็นได้ชัดว่าทุกคนสามารถเข้าไปหาคนรู้จักข้างในได้ แต่เจิ้งหลันและฉันทำไม่ได้ เอ่อร์เฉิง คุณไม่เห็นสายตาของหญิงชราคนนั้นมองมาที่ฉัน ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าซูเถาไปพูดอะไรในเถาหยาง พูดเรื่องไม่ดีกับฉันมากมายจนคนเหล่านี้ไม่ชอบฉันมากหรือเปล่า”
“โชคดีที่ฉันยังคิดถึงเธออยู่ ฉันเลยให้ส่งสตรอว์เบอร์รีหนึ่งกล่องไปให้เธอ ทั้ง ๆ ที่ตัวฉันเองก็ได้กินไม่เท่าไหร่”
จั๋วเอ่อร์เฉิงลูบหลังเธอและปลอบโยนเธอ “โอเค ผมเข้าใจแล้ว เรื่องนี้คุณไม่ได้รับความเป็นธรรม ถ้างั้นผมอยากให้คุณมาดูของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผมเตรียมเอาไว้ให้คุณ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ให้ลูกน้องเข้ามาพร้อมกรงเล็กๆ
“เมี๊ยว”
แมวขนยาวในกรงแยกเขี้ยวส่งเสียงร้อง มันเอนตัวลง มองคนในห้องอย่างระแวดระวัง แล้วถอนหายใจ
เจียงจิ่นเวยผู้ซึ่งไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน จึงคิดเพียงว่าลูกแมวกำลังวาดกลัว ดังนั้นเธอจึงเดินไปอย่างตื่นเต้นและพูดว่า
“มาถึงแล้วเหรอ เร็วจังเลย ฉันนึกว่าต้องรออีกสองวัน ขนปุกปุยตัวใหญ่และสวยมาก แถมอุ้งเท้าเล็ก ๆ ก็น่ารัก”
เธอตื่นเต้นที่จะเปิดกรงและพาลูกแมวออกมาเพื่อปลอบโยนมัน แต่ทันทีที่มือของเธอแตะกรง ลูกแมวตัวนั้นก็ข่วนเธอทันที
เจียงจิ่นเวยกรีดร้อง และหดมือที่เปื้อนเลือดเข้าหาตัวเองพร้อมกับถอยหลังไปสองก้าวด้วยความตกใจ
จั๋วเอ่อร์เฉิงขมวดคิ้วด้วยความตกใจ และรีบก้าวไปตรวจดูบาดแผลของเธอ
บาดแผลไม่เล็ก มีรอยข่วนยาวสองฝ่ามือ เนื้อถูกเปิดออก เขารู้สึกขนลุกเล็กน้อยเมื่อเห็นบาดแผลนั่น
เจียงจิ่นเวยร้องไห้ยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าเธอจะทำแผลเสร็จแล้ว แต่ความตื่นตกใจก็ยังไม่ลดลงเลย เธอกลัวมากเมื่อเห็นลูกแมวตาโตและจมูกสีชมพูอยู่ในกรง
เธอได้ยินว่าหญิงมีฐานะบางคนในฉางจิงเรียนรู้จากผู้คนก่อนวันสิ้นโลกให้เลี้ยงแมวและสุนัขไว้ที่บ้านเพื่อฆ่าเวลา
แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าแมวนั้นอันตรายและสามารถข่วนคนจนเลือดออกได้
จั๋วเอ่อร์เฉิงไม่คาดคิดเช่นกันและเริ่มหาผู้รับผิดชอบเรื่องนี้
ลูกน้องของเขาที่ดูแลการให้อาหารลูกแมวชั่วคราวกล่าวด้วยความกังวลใจ
“คุณจั๋ว ไม่ใช่แมวทุกตัวที่เป็นมิตร แมวบางตัวมีบุคลิกแบบนี้ พวกมันระแวดระวังและก้าวร้าว คุณไม่ควรวิตกกังวลเกินไป นี่เป็นการพบกันครั้งแนก คุณอาจต้องใช้เวลา นอกจากนี้มันเพิ่งตั้งท้องและได้เข้าสู่สภาพแวดล้อมใหม่ มันจึงเกิดความเครียดเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ … ”
จู่ ๆ เจียงจิ่นเวยก็ปฏิเสธ “นายหมายความว่าฉันสมควรได้รับมันเพราะใจร้อนไปเองเหรอ? แมวดีๆ ที่หญิงมีฐานะฉางจิงเลี้ยงไว้ล้วนน่ารัก นี่พวกนายไปเก็บแมวนี้มาจากที่ไหนกันแน่ พวกมันดุร้ายมาก!”
ลูกน้องของเขาไม่พอใจเมื่อเธอกล่าวโทษพวกเขา จึงโต้กลับด้วยเสียงต่ำ
“แมวตัวนี้นี่แหละที่เราตามหามานาน ชินชิลล่าสีเงิน…”
เจียงจิ่นเวยไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นเธอจึงกอดจั๋วเอ่อร์เฉิงและสะอื้น
“เอ่อร์เฉิง ฉันพูดคำเดียว พวกเขาสวนกลับมาเป็นสิบคำ แต่แมวตัวนี้ ต่อให้ได้มันมาแพงแค่ไหน ฉันก็ไม่ต้องการมัน คุณหาตัวอื่นให้ฉันได้ไหม”
จั๋วเอ่อร์เฉิงก็ไม่ชอบแมวดุมากนัก ดังนั้นเขาจึงโบกมือให้ลูกน้องของเขาไปจัดการเรื่องนี้
“ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปหาตัวใหม่แล้วกัน”
ผู้ใต้บังคับบัญชาเหลือบมองชินชิลล่าในกรงแล้วถามว่า “แล้วมันล่ะ…?”
จั๋วเอ่อร์เฉิงโบกมืออย่างเฉยเมย “เอาไปขาย”
ลูกน้องของเขาตอบรับ พลางลอบถอนหายใจ
ชินชิลล่าตัวนี้ถูกซื้อมาในราคามหาศาล
แต่ใครจะรู้ว่าภายในไม่กี่วันหลังจากซื้อมา บุคลิกของแมวเปลี่ยนไปอย่างมาก มันข่วนและกัดคนโดยไม่คิด จึงต้องขังมันไว้ในกรง
ระหว่างทางไปตงหยางก็พบว่ามันท้อง
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาเดินกลับมาพร้อมกับกรง มองชินชิลล่าที่ยังคงยิ้มและอดกังวลไม่ได้
แมวดุร้ายแบบนี้คงไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงอยากจะซื้อ
การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในวันสิ้นโลกไม่เพียงเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องเป็นคนที่เหลือกินเหลือใช้จึงสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของพวกเขา
ผู้หญิงบางคนอาจไม่ชอบสัตว์เลี้ยงมากนัก เธอแค่ซื้อมันเพื่อความสนุกและหน้าตาน่าเอ็นดู แน่นอนว่าตัวที่เชื่อฟังและประพฤติตัวดีคือตัวเลือกแรก ใครจะอยากได้แมวที่ดุร้ายกลับไปเลี้ยง
เจียงจิ่นเวยได้รับคำสัญญาว่าจะหาตัวใหม่มาทดแทน อารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นมาก เธอต้องการที่จะเกาะจั๋วเอ่อร์เฉิง และแสดงท่าทางยั่วยวนสักพัก เธอจึงได้ยินเขาพูดว่า
“อีกสองสามวันผมจะออกจากตงหยางเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสุดยอดพันธมิตรที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงครึ่งเดือน ไว้ผมจะช่วยดูเรื่องน้องสาวของคุณให้ ก่อนที่ผมจะไป ผมจะส่งคนไปที่เถาหยางเพื่อคุยกับจวงหว่าน ผู้จัดการใหญ่ของเถาหยาง แล้วผมจะอธิบายให้คุณฟังทีหลัง”
เจียงจิ่นเวยอยากไปกับเขา แต่เพียงแค่จะเปิดปากพูด และเห็นดวงตาของเขา เธอก็กลืนคำนั้นลงไปอีกครั้ง
“โอเค เดินทางปลอดภัยนะ”
จั๋วเอ่อร์เฉิงยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน และลูบผมของเธออย่างอ่อนโยน “ฉันจะกลับมารับคุณ ไม่ต้องกังวล”
กลับมาที่บ้านครอบครัวซู ถังโต้วพยายามที่จะกระโดดออกจากแขนของหลี่หรงเหลียนเมื่อเธอเห็นเจียงจิ่นเวย พร้อมกับตะโกนเรียกเธอขณะวิ่งไปหา
“แม่ แม่ แม่”
เจียงจิ่นเวยไม่ต้องการกอดเธอมากนัก จึงยืนนิ่งอยู่กับที่
ถังโต้วกอดขาของเธอและเรียกว่าแม่ซ้ำ ๆ
หลี่หรงเหลียนรู้สึกเป็นทุกข์เมื่อเห็นมัน และวิ่งไปหาหลานสาวตัวน้อยของเธอ พร้อมกับตำหนิลูกสาวเล็กน้อย
“เธอควรกอดลูกหน่อย”
เจียงจิ่นเวยอารมณ์ไม่ดีและไม่สนใจคนอื่น เธอไปนั่งบนโซฟาของตัวเอง นอนราบลงและมองไปที่การตกแต่งบ้าน ไม่ว่าเธอจะมองอย่างไร เธอก็รู้สึกถึงความทรุดโทรม
เธออาศัยอยู่ในบ้านเส็งเคร็งนี้มาหลายปีแล้ว
เธอยังทะเลาะกับซูเถาเพื่อเล่นตลกในห้องที่เหมือนเล้าไก่นั่น
มันน่าเบื่อ!
เอ่อร์เฉิงซื้อบ้านให้เธอในซินตู พร้อมมีการตกแต่งอย่างดี หน้าต่างฝรั่งเศสบานใหญ่ และมีพี่เลี้ยงดูแลเธอ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอจึงเรียกหาซูเจิ้งหลันเพื่อให้นำอาหารและเครื่องดื่มมาให้
ซูเจิ้งหลันรีบไป
หลี่หรงเหลียนกล่อมถังโต้วอยู่พักหนึ่ง และเมื่อลูกสาวของเธออารมณ์ดีขึ้น เธอก็พูดด้วยความลังเลว่า
“จิ่นเวย ปีนี้ถังโต้วอายุสี่ขวบ พร้อมจะเข้าโรงเรียนแล้ว”
เจียงจิ่นเวยพยักหน้าอย่างเฉยเมย “ก็ส่งไปสิ ต้องการเงินเหรอ? เท่าไหร่?”
หลี่หรงเหลียนลำบากใจก่อนที่จะพูดว่า “…6,000 เหลียนปังต่อเดือน”
จากนั้นเจียงจิ่นเวยก็จริงจังขึ้น หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็พยักหน้าและตกลง “ตกลง ฉันจะโอนเงินเข้าบัญชีของแม่เมื่อถึงเวลา”
หลี่หรงเหลียนขยับริมฝีปากราวกับว่าเธอยังพูดไม่จบ
เจียงจิ่นเวยเริ่มใจร้อนเล็กน้อย “แม่ มีอะไรจะพูดก็รีบพูด”
หลี่หรงเหลียนรีบพูด “ตอนนี้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตงหยาง ไม่เพียงแต่มีค่าใช้จ่ายสูงเท่านั้น แต่ต้องมีโควตา แม่อยากให้ลูกลองคุยกับเอ่อร์เฉิง ให้ถังโต้ว…”
เจียงจิ่นเวยรีบลุกขึ้นนั่ง “โควตาอะไร? ฉันจำได้ว่าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสามารถเข้าเรียนได้ก็ต่อเมื่อมีเงินเท่านั้น เรื่องนี้ไม่ต้องรบกวนเอ่อร์เฉิงหรอก”
ซูเจิ้งหลันกล่าวเพิ่มเติมว่า
“ผมได้ยินมาว่าเถาหยางได้ครอบครองศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และข้างในก็เหมือนกับเถาหยาง สภาพแวดล้อมดีมากและมีการสร้างโดมป้องกันแบบนั้นด้วย ไม่ต้องกลัวภัยธรรมชาติหรือภัยที่มนุษย์สร้างขึ้น ตอนนี้มีคนมากมายที่ยอมกัดฟันส่งบุตรหลานเข้าไปอยู่ในสถานที่นี้”