ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 24 ร้านขายของชำของซูเถา
ตอนที่ 24 ร้านขายของชำของซูเถา
ตอนที่ 24 ร้านขายของชำของซูเถา
ตอนนั้นเองที่ดูเหมือนว่าซูเถาจะเข้าใจขึ้นมาทันที
เซี่ยงปินคนนี้จำเธอได้และรู้ว่าเธอเป็นศัตรูกับครอบครัวซู เขาจึงเลี่ยงเธอและมาหาจวงหว่านเป็นการส่วนตัวแทน
แต่จวงหว่านเป็นคนค่อนข้างเรียบง่ายและตรงไปตรงมา เธอจึงเลือกที่จะโทรศัพท์ไปหาผู้ที่ต้องการเช่าและตัดสินใจด้วยตัวเอง
ใบหน้าของซูเถามืดมน “พี่ทำถูกต้องแล้วค่ะ ถ้าใครบอกพี่ว่าคนนั้นดีคนนี้ดี ก็ใช่ว่าเราต้องเชื่อไปเสียทั้งหมด พี่ต้องดูด้วยตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจ แล้วก็คนที่นำของขวัญมามอบให้ พี่ก็อย่าเพิ่งเห็นว่ามันน่าสนใจแล้วรับของมา พี่แค่บอกฉันว่าพี่ชอบอะไร ฉันจะหามาให้พี่เอง”
คำพูดของซูเถาทำให้จวงหว่านรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ดังนั้นจึงขอตัวไปทำงานต่ออย่างมีความสุข
ซูเถาเริ่มมีความคิดบางอย่างกับคนที่ชื่อเซี่ยงปิน ในอนาคตถ้ามีโอกาสก็คงจะไล่เขาออกเร็วขึ้น เพราะการที่เขาอยู่ในเถาหยางก็เท่ากับว่าเป็นตัวสร้างปัญหาเช่นกัน
คิดจะสับขาหลอกเธอโดยการไปเข้าทางคนอื่นเหรอ ฝันไปเถอะ!
สองวันต่อมา ผู้เช่าทั้งสี่คนที่มีความต้องการเช่าห้องชุด 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นก็ได้รับการสรุป คู่แรกเป็นคู่แต่งงานซึ่งเป็นทหาร และคู่ที่สองเป็นบ่าวสาวที่ทำงานในหน่วยงานการเกษตร พวกเขาดูเหมือนจะเป็นผู้เช่าในอุดมคติของซูเถา เปี่ยมไปด้วยความเมตตาต่อผู้อื่น
จวงหว่านเริ่มต้นจัดการต้อนรับผู้เข้าพักใหม่และเช็คอินทั้งสี่คนอย่างชำนาญ เธอพาผู้เช่าใหม่เยี่ยมชมและแนะนำเถาหยาง พร้อมเน้นย้ำเรื่องข้อตกลงต่าง ๆ
ต่างฝ่ายต่างพอใจมากโดยเฉพาะเมื่อเห็นห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามที่ทำให้ละสายตาไม่ได้
หลังจากถ่ายภาพแล้ว ก็อวดภาพลงในกลุ่มเพื่อน ซึ่งทำให้คนอิจฉาเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าซูเจิ้งชิงก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ
“พ่อ พ่อบอกว่ามีเพื่อนที่สามารถติดต่อเจ้าของเถาหยางได้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมครั้งนี้ถึงยังไม่มีรายชื่อของพวกเราล่ะหรือว่าของขวัญที่ส่งไปมันไม่มากพอ พ่อช่วยผมคิดหาวิธีหน่อยได้ไหม ไม่งั้นผมกับชิวเสียคงได้เลิกรากันแน่”
ซูเจี้ยนหมิงเงียบไปพักใหญ่ “โธ่ลูก หรือว่าช่างมันไปเถอะ ที่ตงหยางแค่ใช้เงินและเวลามากขึ้นหน่อยก็สามารถหาบ้านพักที่ไม่เลวได้เหมือนกัน”
ซูเจิ้งชิงรู้สึกตกตะลึง “ทำไมล่ะ ตอนนี้ตงหยางเต็มไปด้วยซอมบี้แล้วก็ไม่มีกำแพงลวดหนามไฟฟ้าเหมือนที่เถาหยาง ไม่ใช่ว่าพ่อเคยเห็นรูปที่ส่งให้แล้วไม่ใช่เหรอ พ่อลองหาแบบบ้านที่ตกแต่งอย่างดีในตงหยางแล้วราคาเท่า ๆ กับที่เถาหยางดูสิว่ามีไหม มันเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”
ซูเจี้ยนหมิงก็โกรธเช่นกัน “เหล่าเซี่ยงพูดถูก! มีลูกชายก็เหมือนมีเวรมีกรรม! งั้นถ้ามีเรื่องอะไรก็ไปพูดกับแม่ของนายแล้วกัน ให้แม่ของนายทำให้นายได้เข้าไปอยู่ในเถาหยาง ไปซะ แล้วช่วงนี้อย่ามาให้ฉันเห็นหน้า”
ซูเจิ้งชิงกำลังจะตายด้วยความโกรธ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าไปแล้วปิดประตูด้วยความโกรธ
ซูเจี้ยนหมิงนอนอยู่บนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง จ้องมองเพดานและคิดว่าสิ่งเดียวที่มีค่าในชีวิตของเขาคือบ้าน ลูก ๆ ของเขาก็แค่มาอาศัยบ้านของเขาเท่านั้น ไม่มีใครเลยที่จะสนว่าเขาจะอยู่หรือตาย
ตอนนั้นเองที่เขาตัดสินใจโทรหาเซี่ยงปิน “เหล่าเซี่ยง แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่นายพูด แต่ถ้าเป็นไปได้ ให้ฉันได้พบกับเธอได้ไหม?”
……
หลังจากปล่อยเช่าห้องชุดสองห้อง สินทรัพย์รวมของซูเถาเพิ่มขึ้นถึง 260,000 เหลียนปัง นี่เป็นเงินก้อนโตสำหรับซูเถาที่เธอตามหามาอย่างยากลำบากตลอด
เงินจำนวนมากขนาดนี้ทำให้เธอไม่รู้ว่าควรจะใช้มันไปกับอะไรดี
แต่ในไม่ช้าเธอก็ตระหนักว่าการอัปเกรดเป็นเลเวล 4 นั้นต้องใช้เงิน 200,000 เหลียนปัง และต้องมีห้องทั้งหมดถึง 50 ห้อง ซึ่งมันก็ต้องใช้เงิน เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่ใช้เงินออกไป
เงิน ไม่เคยมีคำว่ามากเกินไป
นอกจากนี้ยังมีร้านค้าทั่วไปที่ขายของจำเป็นในชีวิตประจำวันที่เพิ่งปลดล็อกข้าวของในนั้นทำให้ซูเถารู้สึกคันไม้คันมือ
ส่วนใหญ่แล้วเธอมองเห็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันที่ผู้คนต้องการก่อนวันสิ้นโลกบนอินเทอร์เน็ต เช่น แชมพู เจลอาบน้ำ ผ้าอนามัย แม้กระทั่งผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอางและอื่น ๆ
แต่ที่นี่ไม่มีร้านค้าปลีก เช่นเดียวกับร้านขายอาหาร พวกเขาขายผลิตภัณฑ์หลายอย่างพร้อมกันด้วยเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ
ซูเถาจินตนาการไปถึงเครื่องจำหน่ายของใช้สตรีครบวงจรทันที มันมีทั้งผ้าอนามัยมากกว่า 10 ชนิด แบบกลางวันแบบกลางคืน แผ่นอนามัย แบบกางเกงนอน ซึ่งหลาย ๆ อย่างซูเถาไม่เคยเห็นมาก่อน
เธอโตขนาดนี้แล้ว แต่ซูเถาไม่เคยใช้ผ้าอนามัยเลย เธอใช้ผ้าอนามัยแบบผ้าที่เวลาใช้เสร็จก็ต้องเอาไปซัก
หลังจากวันสิ้นโลก อุตสาหกรรมจำนวนมากที่ผลิตผลิตภัณฑ์ใช้แล้วทิ้งได้หายไป
นอกจากนี้ เครื่องนี้ยังมีน้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ทิชชูเปียก และแม้แต่น้ำยาซักชุดชั้นใน
ของที่ขายก็ไม่ได้แพง ผ้าอนามัยห่อหนึ่งมีราคาเพียง 50-60 เหลียนปัง ซึ่งถือว่าไม่แพงเลยสำหรับผู้เช่าที่สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้
แต่ถ้าอยู่นอกเขตเถาหยาง มีเงินก็อาจไม่สามารถซื้อของสิ่งนี้ได้
ซูเถาสั่งซื้อเครื่องอัตโนมัตินี้มาสามเครื่องอย่างรวดเร็ว เครื่องหนึ่งไว้ที่ห้องน้ำของเธอเองและอีกสองเครื่องเธอกะไว้ว่าจะวางไว้ที่พื้นที่ส่วนกลาง แต่เมื่อมองพื้นที่ส่วนกลางแล้วก็ไม่รู้ว่าจะวางเครื่องนี้ไว้ตรงไหน
ดังนั้นเธอจึงใช้มือเล็ก ๆ ปัดแล้วใช้เงิน 1,000 เหลียนปังเพื่อเปิดห้องเดี่ยว และตั้งค่าเป็นพื้นที่ส่วนกลาง
ในอนาคตห้องนี้จะเปลี่ยนเป็นร้านขายของชำ
ซูเถาวางเครื่องจำหน่ายของใช้สตรีสองเครื่องไว้ในร้านขายของชำ
และอดไม่ได้ที่จะสั่งซื้อเครื่องจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและผิวกายอีกสองเครื่อง พวกแชมพูและเจลอาบน้ำที่ใช้กันทั่วไป แม้แต่ครีมหมักผม เครื่องทั้งสองนี้จะถูกนำไปไว้ในร้านขายของชำ
แบบนี้การอาบน้ำในอนาคตของทุกคนจะไม่ใช่แค่การชำระล้างแบบแห้ง แต่ยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย
จากนั้นก็กลับไปที่โรงอาหารเล็ก ๆ จากนั้นเพิ่มเครื่องจำหน่ายกระดาษเช็ดหน้าอัตโนมัติขนาดเล็กถัดจากเครื่องจำหน่ายอาหารเช้า และต้องใช้เงิน 5 เหลียนปังสำหรับกระดาษหนึ่งห่อ
เครื่องจักรห้าเครื่องข้างต้นพร้อมกับสินค้าที่ซื้อมีราคารวม 9,000 เหลียนปังซึ่งถือว่าไม่แพง แต่ช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้เช่าได้อย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้นซูเถายังสามารถเพิ่มรายได้พิเศษประมาณ 2,000-3,000 ต่อวันซึ่งเรียกได้ว่าเป็นที่น่าพอใจมาก
เมื่อเห็นว่ายังมีเงินออมมากกว่า 200,000 เหลียนปังอยู่ในมือ ซูเถาถอนหายใจด้วยความพอใจ ความสุขในใจของเธอก็แทบจะเอ่อล้นออกมาจากอก
เธอวางแผนที่จะยังไม่เปิดห้องใหม่ให้เช่าในอนาคตอันใกล้ อันดับแรกเธอต้องการเก็บเงินไว้ใช้เล่นสักพัก และอย่างที่สองเธออยากมีเวลาพักผ่อนสบาย ๆ ยิ่งคนเยอะเกินไป การจัดการก็ยิ่งยากขึ้น
ประเด็นที่สามและสำคัญที่สุดคือฐานตงหยางไม่ปลอดภัย และการสรรหาผู้เช่ารายใหม่ก็มีความเสี่ยง
กลางเดือนสามอากาศค่อย ๆ อุ่นขึ้น เมื่อผู้เช่าตื่นขึ้นในตอนเช้าพวกเขาก็เห็นห้องส่วนกลางใหม่ พวกเขาทั้งหมดจึงกรูเข้าไปอย่างอยากรู้อยากเห็น
ทุกครั้งที่มีอะไรใหม่ ๆ จะต้องเป็นเถ้าแก่ซูที่เป็นผู้เพิ่มผลประโยชน์ให้กับทุกคน!
มันต้องเป็นของดี ๆ ก่อนวันสิ้นโลกแน่!
ช่วงนี้สิงซูอวี่ไม่ค่อยได้กลับมาที่เถาหยางเพราะว่าที่ฐานหลักมีเรื่องยุ่ง ๆ แต่เมื่อเธอลุกขึ้นจากที่นอนก็พบว่าประจำเดือนของเธอมา
เธอรีบค้นหาบางอย่างในกระเป๋าถือ หากแต่ก็ไม่พบ เธอจึงรีบออกไปหาผู้เช่าหญิงรายอื่นเพื่อขอหยิบยืมผ้าอนามัย
ผู้เช่าหญิงชี้ไปที่ห้องห้องหนึ่งแล้วพูดว่า “นั่นไง รีบไปซื้อที่นั่นสิ เถ้าแก่ซูเตรียมผลิตภัณฑ์สำหรับผู้เช่าหญิงไว้ให้และราคาก็ไม่แพง รีบไปซื้อเข้า ก่อนที่จะขายหมด”
สิงซูอวี่เดินหนีบขาไปและเห็นเครื่องจักรที่วางเรียงกันอย่างเรียบร้อยทั้งสี่เครื่อง เธอรู้สึกว่าเธอไม่รู้จักเถาหยางอีกแล้ว
เธอไม่ได้กลับมาสองสามวัน ซูเถาไปเอาสินค้าดี ๆ เหล่านี้มาจากไหน?
เธอรีบกวาดผ้าอนามัยที่เหลืออยู่ทั้งหมดไปโดยไม่คิด
ผู้เช่าหญิงที่อยู่ด้านหลังและยังไม่ทันได้ซื้ออะไรก็กล่าวด้วยความขุ่นเคือง “มีมารยาทบ้างหรือเปล่า คุณกว้านซื้อไปหมด แล้วคนที่อยู่ข้างหลังจะซื้ออะไร”