ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 241 ให้เธอได้กำไร
ตอนที่ 241 ให้เธอได้กำไร
ตอนที่ 241 ให้เธอได้กำไร
เจียงจิ่นเวยส่งสตรอว์เบอร์รีให้ซูเถา เพื่อให้รู้ว่าตอนนี้เธอสามารถกินของดี ๆ ได้แล้ว! แต่ซูเถาส่งสตรอว์เบอร์รีกลับมาให้ตนเองสองตะกร้า มันหมายความว่ายังไง?
เจียงจิ่นเวยรู้สึกว่าในที่สุดความรู้สึกที่เหนือกว่าที่เธอได้รับ ก็ถูกตีกลับมาถูกบดขยี้ด้วยสตรอว์เบอร์รีสองตะกร้านี้
เธอขอสตรอว์เบอร์รีจากเอ่อร์เฉิงตั้งนานกว่าจะได้มันมา คิดไม่ถึงว่าซูเถาจะไม่สนใจเลย ทั้งยังส่งตะกร้าคืนให้เธอมากเป็นพิเศษอีก
ตอนนี้เถาหยางสามารถซื้อสตรอว์เบอร์รีสีขาวได้ตามใจเหรอ?
หลี่หรงเหลียนรู้สึกว่าเธอสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผล
“น้องสาวของลูกส่งของมาเพื่อเป็นการไถ่โทษ ทำไมลูกถึง…ไม่ให้อภัย”
เจียงจิ่นเวยจ้องมองเธอ “แม่! ตอนนี้แม่อยู่ข้างซูเถาแล้วเหรอ ใครกันที่ทิ้งแม่ และใครกันที่กลับมาช่วยแม่ขึ้นจากหล่มเมื่อตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด! แต่ตอนนี้แม่กลับพูดแทนเธออย่างนั้นเหรอ?!”
หลี่หรงเหลียนพูดไม่ออก
ถังโต้วดูดนิ้วของตัวเอง ดวงตากลมโตจ้องมองสตรอว์เบอร์รีบนโต๊ะโดยไม่กะพริบตา เธออยากกินแต่ไม่กล้ายื่นมือออกไป จึงได้แต่จ้องตาไม่กะพริบ
เจียงจิ่นเวยโกรธมากยิ่งขึ้น และใช้มือทุบสตรอว์เบอร์รีในตะกร้าสองใบที่อยู่บนโต๊ะ จนแหลกคามือ
“ห้ามใครกินเด็ดขาด!”
หลี่หรงเหลียนและคนอื่น ๆ ตกตะลึง
ถังโต้วก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอมองลงไปที่สตรอว์เบอร์รีที่ได้รับความเสียหาย แล้วเปิดปากร้องไห้เสียงดัง
……
หลังจากอู๋เจิ้นยืนยันว่าสตรอว์เบอร์รีชุดนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ เขาก็พร้อมที่จะเริ่มปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่
ผู้เช่าของเถาหยางมองไปที่ไร่อย่างใจจดใจจ่อหลังจากได้ยินแบบนั้น
พวกเขาทุกคนได้ยินมาว่าสตรอว์เบอร์รีสีขาวในไร่นั้นหวานและอร่อยมาก พวกเขาจึงรอผลสตรอว์เบอร์รีชุดแรก และเข้าคิวรอข้ามคืนเพื่อซื้อ
แม้แต่คนภายนอกก็เคยได้ยินเรื่องนี้ และพวกเขารู้สึกว่าในยุคสุดท้าย คนส่วนใหญ่มีกินไม่อิ่ม และเถาหยางกำลังจะบรรลุอิสรภาพด้านผลไม้
ซูเถาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ เธอกังวลเกี่ยวกับการคาดเดาเรื่องของหลิวพ่านพ่านและโบนวิงส์
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงโทรหาอดีตผู้นำกองทัพเพื่อถามเกี่ยวกับสถานการณ์พวกของสือจื่อจิ้นตอนพบโบนวิงส์ในโรงรถใต้ดินของภูเขาผานหลิว
แม้ว่าอดีตผู้นำกองทัพจะประหลาดใจเมื่อเธอถามเรื่องนี้ แต่ก็ยังคงตอบคำถามเธอ
“เด็กชายอายุสามสี่ขวบเหรอ แต่ตอนนี้อายุจริงของเขาน่าจะมากกว่านั้นสักหน่อย ฉันได้ยินมาจากจื่อจิ้นว่า ตอนที่พวกเขาพบมัน มันก็ได้ฆ่าทุกคนรอบตัวเขาไปแล้ว มันเอาแต่พูดว่ามีคนต้องการทอดทิ้งเขา”
รูม่านตาของซูเถาหรี่ลง
ภาพที่เธอเห็น โบนวิงส์ก็พูดกับหลิวพ่านพ่านว่าเธอต้องการที่จะทอดทิ้งมัน
อดีตผู้นำกองทัพถอนหายใจ “สิ่งที่ยากที่สุดในการจัดการกับซอมบี้กลายพันธุ์ก็คือมันมีไอคิวและอีคิวเทียบเท่ามนุษย์ เมื่อเราทำการวิจัยโบนวิงส์ เรารู้สึกว่ามันอาจจะถูกญาติของมันทอดทิ้งตอนมันเป็นมนุษย์ และเมื่อติดเชื้อมันจึงฝังใจมาก”
ริมฝีปากของซูเถาสั่นเล็กน้อย
หลิวพ่านพ่านไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งลูกของเธอ
เธอเม้มปากแล้วถามอีกครั้ง “นอกจากพวกของจื่อจิ้น ยังไม่มีใครเคยเห็นโบนวิงส์ตอนอายุสี่หรือห้าขวบเลยเหรอ?”
อดีตผู้นำกองทัพพูดว่า “ไม่มีแล้ว เมื่อเราพบโบนวิงส์อีกครั้ง มันก็โตเป็นหนุ่มแล้ว”
หลังจากวางสาย ซูเถาก็ครุ่นคิดและตัดสินใจส่งลิงก์ประกาศหาคนหายที่หลิวพ่านพ่านโพสต์ให้สือจื่อจิ้น
มีรูปถ่ายของเยี่ยนเยี่ยนในลิงค์นี้ ซึ่งเป็นกรอบรูปขนาดเล็กที่เธอพบในโรงรถใต้ดินของภูเขาผานหลิว และต่อมาได้มอบให้กับหลิวพ่านพ่านเพื่อให้เธอเก็บไว้เป็นความทรงจำ
ตอนนี้มันกลายเป็นหลักฐานชิ้นเดียวที่จะพิสูจน์ว่าเยี่ยนเยี่ยนได้กลายไปเป็นโบนวิงส์แล้วหรือยัง
ซูเถารอทั้งวันแต่ไม่ได้รับการติดต่อจากสือจื่อจิ้น แต่กลับถูกหุยซู่ติดต่อมาโดยบอกว่าเพื่อนของเขาตัดสินใจจะเช่าที่ดินผืนหนึ่ง
ซูเถาต้องการปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่เมื่อเธอเห็นผลึกนิวเคลียส 12 อันที่เขาหยิบออกมา เธอก็ม้วนลิ้นกลับเข้าไปและกลืนคำปฏิเสธลงคอ
เธอถามด้วยสีหน้าสับสน “เพื่อนของคุณแน่ใจเหรอ ทำไมคุณไม่ให้เขามาคุยกับฉันด้วยตัวเองล่ะ”
ผลึกนิวเคลียส 12 อัน คนที่มีอยู่ในครอบครองน่าจะเป็นฐานขนาดใหญ่หรือผู้ที่มีอำนาจ มันเป็นของที่มีค่ามาก
แต่ทำไมกลับมอบหมายให้เพื่อนมาทำธุระแทน…
หุยซู่ไม่ลืมที่จะรีบพูดแก้ต่าง เพื่อไม่ให้เธอคิดสงสัยไปเอง
“เขายุ่งเกินไปที่จะมาด้วยตัวเอง ผมเกรงว่าคุณจะปล่อยให้คนอื่นเช่าไป หากทางเราชักช้า ดังนั้นผมก็เลยรีบมาจัดการไว้ก่อน”
ซูเถาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ที่ดินผืนนั้นที่เพื่อนของคุณต้องการเช่า? แถว ๆ เถาหยาง หรือ…”
ซูเถากลัวว่าเขาจะอธิบายได้ไม่ชัดเจน เธอจึงขอให้จวงหว่านนำแผนที่มาให้เขา
สามารถเช่าที่ดินรอบเถาหยาง เถาฉือ และภูเขาผานหลิวได้
หุยซู่ไม่คิดว่าจะได้เลือกด้วยตัวเอง เขาดีใจสุด ๆ
“ผมขอเอาไปให้เขาดูก่อน แล้วค่อยมาหาคุณเมื่อตัดสินใจได้แล้ว”
ซูเถาพยักหน้า “โอเค เขาสามารถเช่าที่ดินได้ 1,200 ตารางเมตร พร้อมกับออกแบบให้ ขอแค่เขาระบุถึงข้อกำหนด เช่น จำนวนคนที่จะอาศัยอยู่ อาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะใดบ้างที่ต้องการ และฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้เขา”
หุยซู่พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า เขาทิ้งผลึกนิเวคลียสไว้ และกลับไปพร้อมกับแผนที่
กู้หมิงฉือผู้ที่ได้รับแผนที่เงียบไปเล็กน้อย
เมื่อครึ่งปีก่อน ถ้าเขาจำไม่ผิดเถาหยางมีพื้นที่ประมาณ 3,000 ตารางเมตร และมีอาคารไม่มากนัก
ตอนนี้เธอมีพื้นที่เพิ่มขึ้นมากมายขนาดนี้เชียวเหรอ
หุยซู่คิดว่าบอสของเขามีทางเลือกที่ยาก ดังนั้นเขาจึงชี้ไปที่เถาฉือและพูดว่า
“ตรงนี้แต่ก่อนคือสถานีเก่า ตอนนี้เช่าโดยกลุ่มเป้าถู โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าที่ตรงนี้ไม่เหมาะ เนื่องจากต้องหลีกเลี่ยงการปะทะกับกลุ่มของพวกเขา
“ภูเขาผานหลิวก็ไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าไหร่ มีพื้นที่ราบน้อย และไม่มีอาคารหรือร้านค้าอยู่บริเวณนั้น”
เขาชี้ไปที่พื้นที่รอบ ๆ เถาหยาง ซึ่งอยู่ใกล้กับเขตตะวันออก และพูดว่า
“บอส ผมคิดว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด ไม่เพียงแต่ใกล้กับเขตตะวันออกของเราเท่านั้น แต่ยังสามารถไปยังสิ่งอำนวยความสะดวกของเถาหยางได้อีกด้วย ผมได้ยินมาว่าพวกเขามีพืชผลออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ ถ้าเราต้องการมันก็สะดวกที่จะซื้อ…”
กู้หมิงฉือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นใช้นิ้วแตะที่ดินผืนนั้น
หลังจากเลือกที่ที่สาม เขาก็พูดว่า “ที่นี่แล้วกัน ฉันไม่มีข้อกำหนดอื่นใด ขอแค่รองรับคนได้ 500 ชีวิตก็เพียงพอ และยังไงก็ตามต้องมีโดมครอบป้องกัน”
หุยซู่ก็เลยกล่าวออกมาอย่างระมัดระวังว่า “เถ้าแก่ซูบอกว่า หากต้องการโดมครอบป้องกันราคาจะเพิ่มขึ้น…”
กู้หมิงฉือคิดว่าเธอต้องการผลึกนิวเคลียสเพิ่มอีก ดังนั้นการแสดงออกของเขาจึงดูเป็นกังวลเล็กน้อย และเขาก็พูดออกมาอย่างยากลำบาก
“เบ็ดเสร็จแล้วเธอคิดราคาเท่าไหร่?”
หุยซู่ตอบ “1.2 ล้านเหลียนปัง เถ้าแก่ซูบอกว่าเธอมีมโนธรรมและไม่ได้คิดเอากำไร”
“…แค่สกุลเงินเหลียนปัง?”
หุยซู่พยักหน้าอย่างแรง
อารมณ์ของกู้หมิงฉือดีขึ้นทันที “โอนเงินให้เธอสามล้านเหลียนปัง ให้เธอได้กำไรไป”