ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 258 เกือบไม่ได้กลับมาหาคุณแล้ว
ตอนที่ 258 เกือบไม่ได้กลับมาหาคุณแล้ว
ตอนที่ 258 เกือบไม่ได้กลับมาหาคุณแล้ว
สือจื่อจิ้นที่ไปล่าสัตว์เลื้อยคลานทั้งเป็น ทำให้เกิดกระแสในเขตทางใต้
เนื่องจากในช่วงหนึ่งหรือสองเดือนที่ผ่านมาในทางใต้ไม่มีฐานทัพหรือถิ่นฐานใดรอดพ้นจากการโจมตีของสัตว์เลื้อยคลานนี้ หลังจากใช้ทุกวิถีทางแล้ว มีประมาณสองฐานที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสัตว์เลื้อยคลาน แต่ยังไม่มีใครจับมันได้ เนื่องจากพวกมันหนีไปได้ซะก่อน
ไม่มีใครคาดคิดว่าตงหยางเป็นคนแรกที่จับสัตว์เลื้อยคลานทั้งเป็นได้
แม้แต่ฐานซินตูก็ส่งคนมาที่นี่ฐานตงหยางเพื่อติดต่อซื้อสัตว์เลื้อยคลานหนึ่งหรือสองส่วนเพื่อนำกลับไปวิจัย
ส่วนฉางจิงก็ได้โทรติดต่อมาเป็นพิเศษ และส่งนักวิจัยอาวุโสสองคนไปทางใต้เพื่อช่วยตงหยางในการผ่าและวิจัยสัตว์เลื้อยคลานนี้ เพื่อจะถอดรหัสพันธุกรรม และจุดอ่อนของสัตว์เลื้อยคลานโดยเร็วที่สุด
ด้วยเหตุนี้ผู้คนในตงหยางจึงจัดการต้อนรับการกลับมาอย่างมีชัยชนะของกองทัพบุกเบิก ทั้งชายหญิง และเด็กเกือบทั้งหมดต่างก็ออกมาและแม้แต่ผู้เช่าส่วนใหญ่ในเถาหยาง ก็รีบไปที่นั่นเพื่อดูด้วยความกระตือรือร้น
ซูเถาก็ไปกับจวงหว่านและคนอื่น ๆ ด้วย
เฉินหยางเขย่งเท้าขึ้นและพยายามมองเข้าไปในฝูงชน พร้อมกับพูดอย่างตื่นเต้นว่า
“ผมได้ยินมาว่าพลตรีสือใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อจับมันทั้งเป็นด้วยกำลังของเขาเอง นอกจากนี้เขายังพบแหล่งอาศัยของซอมบี้และพาคนมาจัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาแข็งแกร่งเกินไป เขาเป็นแบบอย่างของผมเลย!”
เฉินซีขัดคำพูดของเขา “ไหนพี่บอกกัปตันเหลยเป็นแบบอย่างของพี่ไง ตอนนี้เปลี่ยนฝ่ายอย่างรวดเร็วเหรอ? ทำไมมันง่ายดายอย่างนั้นล่ะ!”
เฉินหยางพยายามแก้ตัว “พี่ใหญ่เหลยก็ดีมากเหมือนกัน…พวกเขาล้วนเป็นแบบอย่างของพี่”
เฉินซียืนกราน “เปลี่ยนฝ่ายง่ายมาก พี่อยู่ข้างทุกคนที่มีอำนาจนั่นแหละ!”
เฉินหยางรู้สึกผิดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขารู้สึกเสียใจมากต่อพี่ใหญ่เหลยที่ดูแลเขาอย่างดีมาโดยตลอด
แต่ดูเหมือนว่าพลตรีสือจะแข็งแกร่งกว่า…
จวงหว่านเป็นแฟนตัวยงของสือจื่อจิ้นมาโดยตลอด เธอโบกมือแล้วพูดว่า
“พลตรีสือปกป้องคนกว่า 40,000 คน ส่วนเหลยสิงแค่ 10 กว่าคน เปรียบเทียบกันได้ที่ไหน”
เฉินซีเห็นด้วย
เฉินหยางโต้เถียงอย่างหนักเพื่อรักษาหน้าพี่ใหญ่ของเขา
“พี่ใหญ่เหลยไม่มีโอกาสปกป้องคนจำนวนมากขนาดนี้ และเขาไม่ได้ใช้กำลังอย่างเต็มที่ เขาอาจจะจับอสรพิษที่มีชีวิตกลับมาได้ด้วยกำลังทั้งหมดของเขาก็ได้”
“แหมม~ รีบแก้ตัวแทนเลยนะ!” เฉินซี
ซูเถาเห็นสือจื่อจิ้น ผู้ที่ถูกกล่าวถึงในบทสทนาโต้ตอบนี้
เขายังคงสวมเครื่องแบบทหาร และยืนอยู่บนแท่นที่จับสัตว์เลื้อยคลานไว้ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพร้อมกับใบหน้าคมคายของเขา
ราวกับว่าเขาสังเกตเห็นการจ้องมองของเธอ ทันใดนั้นเขาก็มองลงมาพร้อมกับจับจ้องไปที่เธอ
เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของเขาอ่อนโยนลง ซูเถาพยักหน้าเล็กน้อย และมุมปากของเขาโค้งขึ้นอย่างช้า ๆ
ซูเถาตอบเขาด้วยรอยยิ้มสดใสของเธอ
แดดที่แผดเผาไม่ร้อนเท่ากับรอยยิ้มของเธอ ที่จะช่วยขจัดความหนาวเย็นในดวงตาของเขา
ซูเถาเฝ้ามองเขาจากระยะไกล เธอไม่เห็นบาดแผลใด ๆ บนตัวเขา แต่เมื่อเธอเจอเขาในตอนกลางคืน เธอก็พบรอยแผลเป็นลึกที่หลังคอของชายคนนี้ ลากยาวจากหลังใบหูขวาไปจนถึงด้านในหลังคอเสื้อ
เขาปกปิดมันไว้อย่างดีเพียงแค่ดึงปกคอเสื้อขึ้น ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ก็จะมองไม่เห็น
ในขณะที่ซูเถากำลังจะหายใจเข้าลึก ๆ เธอก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติอีกครั้ง
เธอมองสือจื่อจิ้นอย่างละเอียด พร้อมขมวดคิ้วและพูดว่า
“คุณ ‘สืบทอด’ ความสามารถของใครมาหรือเปล่า”
เป็นบรรยากาศที่แปลกแต่คุ้นเคยอีกครั้ง เหมือนคนละคน แต่ก็เหมือนเดิม
ดูเหมือนว่าภารกิจนี้อันตรายมาก เขาไม่เพียงแต่ฆ่าซอมบี้ แต่ยังฆ่าผู้คนด้วย
เธอกำลังจะถามว่าเขาเจออันตรายอะไรไหม ออกไปทำภารกิจเป็นยังไงบ้าง
แต่จู่ ๆ สือจื่อจิ้นก็เข้ามากอดเธอ “ชู่ว”
คำพูดของซูเถาหยุดลงทันที พร้อมกับหัวใจที่อ่อนยวบลงของเธอ
คางของชายคนนั้นวางอยู่บนไหล่ของเธอ เสียงของเขาพูดออกมาเบา ๆ
“….เกือบไม่ได้กลับมาหาคุณแล้ว”
เขาจับสัตว์เลื้อยคลานได้ง่ายกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก แต่หางของมันมีพลังโจมตีที่รุนแรงมาก
บาดแผลที่หลังคอของเขาถูกหางที่มีหนามของสัตว์เลื้อยคลานนี้ แต่เขารอดจากการโจมตีของมันอย่างหวุดหวิด
แต่นี่ไม่ใช่อันตรายที่สุดที่เขาพบเจอ
เมื่อพวกเขากลับมา พวกเขายังได้พบกับกลุ่มโจรที่ใหญ่ที่สุดในทางใต้ คนเหล่านี้เชี่ยวชาญในการปิดถนน ปล้น ฆ่าคน และขโมยสินค้า
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทรงพลัง
มีคนที่สามารถเข้าไปในความฝันของคนอื่นและควบคุมความฝันเพื่อสร้างความตื่นกลัว
มีคนที่สามารถสุมความปรารถนาของผู้คน ชักจูงผู้คนให้กระทำผิดพลาด และสร้างความวุ่นวาย
มีแม้กระทั่งผู้ที่มีร่างกายเป็นอมตะ สามารถรักษาและสร้างขึ้นใหม่ได้แม้ศีรษะที่ถูกตัดขาด
แต่พลังที่ทำให้เขากลัวที่สุดคือมีพลัง ‘แพร่โรคระบาด’ ซึ่งสามารถแพร่โรคติดต่อ เพื่อเพิ่มอัตราการเสียชีวิตที่สูงมากในช่วงเวลาสั้น ๆ
กองทัพบุกเบิกเกือบถูกกำจัดเพราะโรคติดต่อนี้
แต่ก็ยังมีพี่น้องหลายคนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของโจรเหล่านี้ไปแล้ว
เขาขมวดคิ้วและเผชิญหน้ากับคนเหล่านี้โดยตรง
เมื่อเขาปีนออกมาจากกองซากศพและพื้นที่นองไปด้วยเลือด และเขาก็ได้ทำการ ‘สืบทอด’ พลังของผู้คนเหล่านี้
เรื่องนี้อันตรายมาก แต่ไม่มีใครรู้
แม้ว่าซูเถาจะไม่รู้ว่าเขาผ่านอะไรมา แต่การได้ยินคำพูดเหล่านี้ทำให้เธอรู้สึกหนาวสั่น
เธอไม่กล้าถามอะไรอีกเกี่ยวกับประสบการณ์ระหว่างทางของเขา เธอทำได้เพียงกอดเขาไว้อย่างแนบแน่นและนิ่งเงียบ
เธออดไม่ได้ที่จะคิดกับตัวเอง
เนื่องจากคราวนี้เขาไม่เป็นอะไร แปลว่าเขารอดพ้นจาก ‘คำทำนาย’ ของเธอหรือยัง?
หรืออันตรายไม่ได้เกิดขึ้นเลย? เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น
สือจื่อจิ้นโอบกอดหญิงสาวแน่นขึ้น และสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจของกันและกัน
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า
“การประชุมสุดยอดพันธมิตรในครั้งนี้ ผมจะไปกับคุณ”
ซูเถาตกตะลึง เมื่อเธอได้ยินสือจื่อจิ้นพูดแบบนี้ก็ทำให้เธอดีใจมาก แต่ไม่รู้อะไรทำให้เธอถามออกไปว่า
“คุณไม่จำเป็นต้องปกป้องตงหยางเหรอ คุณน่าจะรู้ว่าโบนวิงส์จะมาถึงตงหยางในไม่ช้าใช่ไหม”
สือจื่อจิ้นพูดอย่างจริงจัง “ผมรู้ แต่ช่วงที่มีแต่เหตุการณ์ไม่สงบ ผู้คนจำนวนมากไม่มีทางเลือกและกลายเป็นโจร หลายคนเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ผมเป็นห่วงที่จะปล่อยให้คุณไป สำหรับตงหยาง หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ผมจะให้โจวไห่และโจวหยางส่งผมกลับไปอย่างทันท่วงที”
ซูเถาเคยได้ยินเกี่ยวกับกลุ่มโจร
หลินฟางจือรู้ว่ามีลูกค้า 2 รายที่เพิ่งนำเสบียงไปจากเถาหยาง และพวกเขาถูกปล้นในวันรุ่งขึ้นระหว่างทางกลับ
ไม่เพียงแต่เสบียงเท่านั้นที่หายไป แต่ผู้คนก็ถูกกำจัดไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าจะมีคำสั่งซื้อออนไลน์จำนวนมากในเถาหยาง แต่พวกเขาก็จ่ายเพียงค่ามัดจำเท่านั้น ซึ่งมีน้อยกว่าหนึ่งในสามที่มาสั่งสินค้าออนไลน์ ที่ได้ทำการชำระเงินและไดรับสินค้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เป็นไปได้ว่ากลุ่มโจรบางคนแอบเล็งไปที่เถาหยาง และถือว่ายานพาหนะที่ออกมาจากเถาหยาง เป็นเหยื่อ…
หากจื่อจิ้นไปกับพวกเธอในครั้งนี้ ปัจจัยด้านความปลอดภัยอาจเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 90%
“ผมเอา ‘อาวุธ’ มาให้คุณด้วย”
สือจื่อจิ้นยื่นกล่องขนาดเท่าฝ่ามือให้เธอ “เปิดดูสิ”
ซูเถาหยิบมันขึ้นมา และเมื่อเธอเปิดมัน เธอเห็นสร้อยข้อมือสีดำข้างใน?
“สร้อยข้อมือ?” เธอถามอย่างไม่แน่ใจเล็กน้อย
ฉันไม่เคยเห็นสร้อยข้อมือน่าเกลียดแบบนี้มาก่อน… และสิ่งนี้ก็ดูไม่เหมือนอาวุธเลยสักนิด เหมือนทำมาจากกะโหลกซอมบี้อย่างนั้น
สือจื่อจิ้น หยิบสร้อยข้อมือสีดำพร้อมกับสวมให้เธอที่ข้อมือ
คิดไม่ถึงว่าทันทีที่สัมผัสข้อมือของเธอ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าสร้อยข้อมือนั้นมีชีวิต!
ในวินาทีต่อมา เธอพบว่าเธอถือแส้สีดำที่เต็มไปด้วยหนามอยู่ในมือ และมันก็กำลังขยับไปมาในอากาศ มันเหมือนกับงูดำที่ไม่มีหัว
เธอหวาดกลัวและจะโยนมันทิ้งไป แต่สือจื่อจิ้นคว้ามือของเธอ
“สัมผัสมัน เรียนรู้มัน และมันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของคุณได้…”
ซูเถาค่อย ๆ สงบลงเพราะน้ำเสียงของเขา และพยายามอย่างมากที่จะ ‘เรียนรู้’ กับสิ่งที่เขามอบให้
เธอรู้สึกว่าแส้ค่อย ๆ เชื่อฟัง เธอสะบัดไปทางทิศตะวันออก และฟาดแส้ไปทางทิศตะวันตก
หลังจากฝึกฝนไประยะหนึ่ง เธอก็รู้สึกถึงประโยชน์มากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าแส้นี้เป็นอีกมือที่ทรงพลังของเธอ
ตราบเท่าที่เธอยังมีความคิด แส้ซึ่งแต่เดิมอยู่ในรูปของสร้อยข้อมือสามารถขว้างไปที่เป้าหมายที่เธอต้องการโจมตีได้ในทันที ซึ่งมีพละกำลังมหาศาล
สือจื่อจิ้นพยักหน้า “ไม่เลว ใช้อย่างระมัดระวัง เพราะเมื่อคนที่มีพลังวิเศษถูกแส้นี้ ผิวก็จะลอกออกอย่างรุนแรง สิ่งสำคัญคือต้องแยกแยะคนธรรมดาให้ออกด้วย เมื่อต้องการใช้สิ่งนี้จัดการกับใครบางคน”
เหมือนแผลเป็นที่หลังคอ
ซูเถาใช้มันอย่างราบรื่น และเธอก็มีความสุขมาก แต่ยิ่งเธอใช้มันมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งพบว่าแส้นี้ดูคุ้น ๆ
หางของสัตว์เลื้อยคลานน่ะเหรอ?
ความคิดนี้แวบเข้ามา ซูเถาหันไปมองสือจื่อจิ้นและถามด้วยความประหลาดใจ
“คุณจับสัตว์เลื้อยคลานได้มากกว่าหนึ่งตัว?”