ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 261 โบนวิงส์ไม่สามารถสื่อสารได้จริง ๆ เหรอ
ตอนที่ 261 โบนวิงส์ไม่สามารถสื่อสารได้จริง ๆ เหรอ
ตอนที่ 261 โบนวิงส์ไม่สามารถสื่อสารได้จริง ๆ เหรอ
จวงหว่านที่มาเยี่ยมชมก็ชอบมันมากเช่นกัน และอยากเปลี่ยนใจไปกับเธอ การเดินทางในวันสิ้นโลกเป็นสิ่งที่ลำบากและทรมานมาก และผู้คนนับไม่ถ้วนเสียชีวิตบนท้องถนน
แต่เธอไม่อยากจะจินตนาการเลย ว่าการเดินทางไปกับซูเถาในครั้งนี้จะเพลิดเพลินกับการเดินทางแค่ไหน
ดูรถคันนี้สิ เปิดแอร์ นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมห่มผ้า กินเครื่องดื่มเย็น ๆ ดูทีวี แค่คิดก็สบายใจแล้ว
ซูเถากล่าวว่า ไปด้วยกันสิคะ ยังมีเหลืออีกสี่โควตาเลยนะ”
จวงหว่านคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วเธอก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า
“ไม่ได้หรอก ฉันเป็นห่วงเถาหยาง ฉันต้องปกป้องเถาหยางแทนคุณ คุณพาคนอื่นไปที่นั่นด้วยให้สบายใจเถอะ”
เฉินหยางที่อยู่ข้าง ๆ จวงหว่านเงยหน้าขึ้น เขามองไปที่ซูเถาอย่างมีความหวัง ใบหน้าของเขาแทบจะเหมือนมีตัวหนังสือเขียนอยู่ว่า เลือกผม เลือกผม
จวงหว่านให้กำปั้นเขาไปหนึ่งหมัด “อย่าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้”
ซูเถามองไปที่เฉินหยางอย่างจริงจังอยู่พักหนึ่ง
“พี่หวานหว่านทำไมพี่ไม่ให้เฉินหยางออกไปกับเราล่ะคะ”
เด็กที่อยู่ในช่วงดื้อรั้น ยิ่งปิดกั้นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็จะยิ่งกระสับกระส่าย
ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้ให้เขาออกไปดูโลก ไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะต้องประสบกับอันตรายในวันสิ้นโลก
นอกจากนี้ การปล่อยให้โควตาว่างเปล่าก็น่าเสียดาย
เฉินหยางโห่ร้องทันที
จวงหว่านถอนหายใจและเห็นด้วย จากนั้นเธอก็ผลักลูกชายของเธอไปด้านข้าง และสั่งให้เขาอย่าสร้างปัญหาให้ซูเถา และให้เชื่อฟังคำพูดเธอ
ซูเถาเงยหน้าขึ้นและถามสือจื่อจิ้น “คุณอยากเข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตรหรือเปล่า? ฉันมีโควตาเหลือนะ”
เธอจำได้ว่าตงหยางให้โควตาเธอมาสองสิทธิ์ หนึ่งใบสำหรับสิงซูอวี่และอีกใบหนึ่งก็คือผู้อำนวยการแผนกประชาสัมพันธ์ตงหยาง แต่ไม่มีที่ว่างสำหรับสือจื่อจิ้น
สือจื่อจิ้นพยักหน้า “เข้าร่วม แต่ผมก็มีโควตาแล้วเหมือนกัน”
ซูเถาประหลาดใจ
สือจื่อจิ้นก็เลยอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ผมได้รับเชิญเป็นพิเศษให้เข้าร่วมการประชุดสุดยอดพันธมิตรนี้ทุกปี ซึ่งไม่นับรวมกับโควตาของตงหยาง”
ตอนนั้นเองที่ซูเถาตระหนักว่าสือจื่อจิ้นเป็นที่รู้จักในทางใต้ ดังนั้นถ้าเขาไม่ได้รับเชิญเป็นพิเศษให้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตรก็คงเป็นเรื่องแปลก
ชื่อเสียงและสถานะนี้น่าอิจฉาจริง ๆ…
เมื่อสือจื่อจิ้นเห็นใบหน้าที่บูดบึ้งของเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“คุณถือ 12 สิทธิ์ในมือ แต่อิจฉาผมเหรอ”
ซูเถากล่าวว่า “ฉันอิจฉาไม่ได้เหรอ? แม้ว่าฉันจะมี 12 สิทธิ์ แต่จดหมายเชิญที่ฉันได้นั้นไม่ได้เป็นตัวแทนของเถาหยาง แต่เป็นโควตาผสมรวมระหว่างฐานตงหยาง อู๋ไถ และกลุ่มเป้าถู อย่างไรก็ตามในปีนี้ เถาหยางไม่มีชื่อในการประชุมสุดยอดพันธมิตร”
สือจื่อจิ้นย้ำสิ่งที่เขาได้ยิน “กลุ่มเป้าถู?”
ซูเถาไม่ได้ปิดบังความจริงกับเขา เธอพยักหน้าและพูดว่า “เหลยสิงให้สิทธิ์นั้นแก่ฉันก่อนที่เขาจะออกไปปฏิบัติภารกิจ โดยบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการไป แล้วดูตอนนี้สิ โควตาเต็มไม้เต็มมือฉันไปหมด รู้อย่างนี้ไม่รับไว้ดีกว่า”
สือจื่อจิ้นกล่าวว่า “ในอนาคต หากคุณต้องการโควตาสำหรับการประชุมสุดยอดพันธมิตร บอกผมได้เลย ผมมีความสนิทสนมกับหัวหน้าจั๋วแห่งซินตู เขาสามารถให้โควตาเราเพิ่มได้”
ซูเถาไม่รู้ว่าหัวหน้าจั๋ว เป็นรองหัวหน้าฐานซินตู
ถ้าเธอรู้ เธอจะพบว่าคนที่สือจื่อจิ้นมีความสนิทสนมด้วยคือสามีใหม่ของเจียงจิ่นเวย
เธอส่ายมือ “ไม่ไม่ ปีนี้มีคนไปมากพอแล้ว และคาดว่าในปีต่อ ๆ ไปก็คงไม่มีใครอยากไปมากขึ้นเท่าไรนัก”
การเตรียมการก่อนออกเดินทางเป็นไปอย่างเรียบร้อย
ซูเถาขอให้เผยตงส่งแผนที่โดยละเอียดของตงหยางให้เธอเป็นพิเศษ และมอบมันให้ผู้อาวุโสเหม่ยและลูกศิษย์ของเขา เพื่อให้พวกเขาช่วยดูว่าพื้นที่ถัดไปที่ควรเข้าไปจัดการคือตรงไหนก่อนดี
ตอนนี้เธอมีผลึกนิวเคลียสมากกว่า 80 อัน ถึงมันจะมีจำนวนมาก แต่ก็สามารถใช้หมดไปได้ในพริบตา ดังนั้นเธอจึงต้องวางแผนอย่างรอบคอบ และให้ผู้มีประสบการณ์ช่วยดู
เรือนกระจกขนาดเล็กของอู๋เจิ้นเต็มไปด้วยสตรอว์เบอร์รี ซูเถากำลังจะให้คนไปเก็บก่อนออกเดินทาง และยัดมันเข้าไปในพื้นที่ของหลินฟางจือเพื่อนำไปขายที่ซินตูในราคาที่เหมาะสม
เจียงจิ่นเวยนำผลพายเบอร์รีมาจากซินตู เมื่อเธอทำอย่างนี้ ซูเถาก็ประเมินได้ว่าอาหารชนิดนี้มีราคาสูงทีเดียว หากเธอไม่ใช้โอกาสที่ดีในครั้งนี้เพื่อสร้างโชคลาภ ก็คงรู้สึกเสียดายแย่
และเมื่อผลึกนิวเคลียส 50 อันถูกใช้หมด ก็จะมีพื้นที่มากกว่า 8,000 ตารางเมตร และจะมีสถานที่ให้ใช้เงินมากขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้เธอจะต้องใช้เงิน 12 ล้านเหลียนปังในการอัปเกรดเป็นเลเวล 7… แค่นึกถึงซูเถาก็รู้สึกเหมือนมีภูเขาหนักอึ้งอยู่บนหลัง
พื้นที่ของหลินฟางจือแน่นเอี้ยดไปหมดแล้ว เธอต้องเหลือพื้นที่ไว้สำหรับจอดรถบ้านคันนี้
ซูเถาชอบรถคันนี้มากและใช้เวลาสองคืนในรถ
เธอยังนำอาหารและเครื่องดื่มของเสวี่ยเตาเก็บไว้ในตู้เก็บของในห้องครัวขนาดเล็กด้วย
เพราะในครั้งนี้เสวี่ยเตาจะเดินทางไปกับเธอด้วย
ไป๋จือหม่าดูเหมือนจะรู้ว่าเธอกำลังจะเดินทางไกลอีกครั้ง มันจึงนอนอยู่ข้าง ๆ เธอเป็นเวลาหลายวัน และร้องเหมียว ๆ อย่างกังวลเมื่อตื่นขึ้นมาและไม่เห็นเธอ
ชิวอินภรรยาของติงเหออวี้ ชอบไป๋จือหม่ามากและอาสาที่จะช่วยเก็บมูลของมันแทนซูเถาชั่วขณะหนึ่ง
แม้ว่าทุกอย่างจะมีดีไปเสียทุกอย่าง แต่เธอก็ยังลังเลที่จะไปนู่นมานี่คนเดียว อีกอย่างเธอค่อนข้างเหงา เธอยังไม่สนิทกับผู้คนที่นี่ และก็กลัวการเข้าสังคมเล็กน้อย มันคงจะดีถ้าเธอมีลูกแมวไปกับเธอ
เมื่อเห็นว่าไป๋จือหม่าไม่ได้ต่อต้านเธอ ซูเถาก็ตกลงอย่างง่ายดาย
จริง ๆ แล้วในตอนแรก เธอต้องการให้ผู้อาวุโสเหม่ยดูแลไป๋จือหม่า เพราะเธอเคยฝากเขาดูมาแล้ว และไป๋จือหม่าก็คุ้นเคยกับเขาและหลิวพ่านพ่านแล้ว
แต่ช่วงนี้สภาพจิตใจของหลิวพ่านพ่านแย่มาก หลังจากเธอฟื้นขึ้นจากอาการโคม่า เธอก็กลายเป็นคนเงียบขรึมและจิตใจยังคงอ่อนแอ
ผู้อาวุโสเหม่ยต้องการคุยกับเธอหลายครั้ง แต่เธอจงใจเลี่ยงเขา ราวกับว่าเธอไม่เต็มใจเผชิญสิ่งใด
ซูเถาถอนหายใจ “ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเถอะค่ะ ฉันขอให้อวิ๋นหลันช่วยปกป้องดูแลสถานที่ทั้งหมดในเถาหยางอย่างเคร่งครัด เมื่อพบโบนวิงส์ ฉันจะกลับมาพร้อมกับพลตรีสือรบกวนคุณช่วยดูแลหลิวพ่านพ่านไปก่อนนะคะ”
หากหลิวพ่านพ่านปรากฏตัวต่อหน้าโบนวิงส์ สิ่งที่รอเธออยู่จะเป็นอันตรายถึงชีวิต
แม่ลูกพบกันไม่ใช่น้ำตา แต่เป็นเลือด
ผู้อาวุโสเหม่ยพยักหน้า
ในความเป็นจริงสือจื่อจิ้น ต้องการใช้หลิวพ่านพ่านเป็นเหยื่อล่อเพื่อจับโบนวิงส์ เพื่อให้จับและฆ่าได้ง่ายขึ้น
แต่ถ้าทำแบบนั้น ความเป็นไปได้ที่หลิวพ่านพ่านจะเสียชีวิตค่อนข้างสูง
ในใจของเขา ถ้าคนหนึ่งตายเพื่อช่วยคนนับหมื่น เขาจะเลือกเสียสละไม่กี่คนโดยไม่ลังเล
แน่นอนว่าซูเถารู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
แต่เธอทนไม่ได้จริง ๆ
หลิวพ่านพ่านไม่ใช่คนผิด เพราะสุดท้ายเธอก็ตกเป็นเหยื่อของวันสิ้นโลกเช่นกัน เธอเป็นเพียงแม่ที่รักลูกของเธอและถูกทรมานโดยชะตากรรมที่ไม่อาจยอมรับได้ มันจะโหดร้ายเกินไปที่จะตายด้วยน้ำมือของลูกเธอเองในที่สุด
ผู้อาวุโสเหม่ยซึ่งปฏิบัติต่อหลิวพ่านพ่านเหมือนลูกสาวก็ไม่เต็มใจให้ใช้วิธีนั้น
ซูเถาก็ไม่เต็มใจเช่นกัน
สือจื่อจิ้นทนไม่ได้ที่เห็นเธอเจ็บปวด “ผมไม่ใช้เธอเป็นเหยื่อล่อโบนวิงส์หรอกผมมีวิธีอื่น”
ซูเถาไม่ต้องการให้หลิวพ่านพ่านตาย แต่เธอก็ไม่ต้องการให้สือจื่อจิ้นต้องแบกรับความกดดันไปมากกว่านี้
เธอเม้มปากแล้วถามว่า “โบนวิงส์ไม่สามารถสื่อสารได้จริง ๆ เหรอ?”
สือจื้อจินส่ายหัว “ความเป็นไปได้ต่ำมาก มันควบคุมไม่ได้ เราไม่สามารถเสี่ยงที่จะหาใครมาสื่อสารกับมันได้ และตามคำทำนายของคุณ มันจะฆ่าแม่ของมันเอง แบบนี้ใครจะสามารถสื่อสารกับมันได้ หรือใครจะสามารถทำให้มันมีสติขึ้นมาได้?”
ซูเถาเงียบลง
ในเวลานี้ เครื่องสื่อสารของเธอก็ดังขึ้น เป็นชีอวิ๋นหลันโทรหาเธอ
“เถ้าแก่ คุณอ่านข่าวหรือยัง? ฆาตกรต่อเนื่องของเหอคังได้หลบหนีมาที่ตงหยาง และมีคนถ่ายรูปเขาไว้ เถาหยางของเราควรโพสต์รูปของฆาตกรหรือเปล่า อีกอย่าง ฉันได้ยินข่าวซุบซิบมาว่าฆาตกรต่อเนื่องคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นซอมบี้ ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่านะ เราควรเตรียมการล่วงหน้า?”
ซูเถาตกตะลึงและถามว่า “รูปถ่าย?”
ชีอวิ๋นหลันพูดอย่างจริงจัง “ใช่ รูปถ่ายค่อนข้างชัดเจน เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี มองไม่ออกจริง ๆ ว่าเขาเป็นฆาตรกร ผู้เช่าของเราหลายคนรู้สึกกระวนกระวายใจมากเมื่อพวกเขาอ่านข่าวนี้ เราต้องทำให้พวกเขาสงบสติอารมณ์”
“…คุณเห็นข่าวนี้แล้วเหรอ ส่งลิงค์มาให้ฉันดูหน่อย!”