ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 265 แมวเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์
ตอนที่ 265 แมวเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์
ตอนที่ 265 แมวเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์
ลูกคิดเล็ก ๆ ของซูเถาส่งเสียงแตก เธอขอให้หม่าต้าเพ่าซื้อรถตู้ 7 ที่นั่งอีก 2 คัน เมื่อรวมกับรถบ้านของเธอเอง ซึ่งเพียงพอสำหรับกลุ่มคน 13 คน
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องสร้างโรงรถใต้ดินขนาดใหญ่สำหรับเถาหยางเมื่อกลับมา
คืนนั้นซูเถาลงไปที่สนามฝึกที่สวีฉีกล่าวถึง
เธอใช้ผลึกนิวเคลียสไป 14 อัน ที่ได้มาคราวที่แล้ว
ส่วนที่เหลือคือผลึกนิวเคลียส 84 อันที่สือจื่อจิ้นนำกลับมา
ตามแผนของผู้อาวุโสเหม่ย เขาแนะนำให้เธอครอบครองที่ดินที่เหลืออีก 7,200 ตารางเมตร ในศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็กก่อน
มีโรงเรียนต่าง ๆ ครบวงจรที่นี่ รวมถึงเป็นโรงเรียนที่สือจื่อเยว่และพี่น้องครอบครัวเซิ่งเรียน
เด็กทั้งหมดล้วนมีอายุไม่เกิน 18
ซูเถาใช้ผลึกนิวเคลียส 72 อันอย่างเต็มใจ และรวมที่ดินผืนนี้ไว้ในอาณาเขตของเถาหยาง
เธอไม่รู้สึกแย่เลยจริง ๆ
ผลึกนิวเคลียสเหล่านี้ถูกล่าโดยเลือดเนื้อหยาดเหงื่อของสือจื่อจิ้น เธอควรลงทุนในบ้านที่เขาปกป้องมาตลอดชีวิต
แต่ตอนที่เธอสร้างโดมป้องกันยังมีความรู้สึกลังเลเล็กน้อย
เพราะเธอจะต้องใช้เงิน 7.2 ล้านเหลียนปัง ในการสร้างโดมป้องกันสำหรับพื้นที่ 7,200 ตารางเมตร
หลังจากซื้อรถแล้ว ทรัพย์สินรวมของเธอก็จะเหลือประมาณ 7.4 ล้านเท่านั้น
ถ้าสร้างเสร็จ เธอแทบจะสูญเสียทุกอย่าง
เธอยังทำใจไม่ได้
และเมื่อเธอไปที่ซินตู เธอก็ยังต้องการซื้อของที่ใช้งานได้จริงในงานแสดงสินค้าหรืองานประมูล
ซูเถาจึงยืนอยู่ที่ประตูห้องของสือจื่อจิ้นและถอนหายใจ
ทันทีที่สือจื่อจิ้นออกจากห้องในตอนเช้า เขาเห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ มองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มุม 45 องศาโดยเอามือไพล่หลัง
“เฮ้อ”
สือจื่อจิ้นยืนพิงประตูและฟังเสียงถอนหายใจของอีกฝ่าย แต่เขายังไม่คิดจะเข้าไปถามอะไร
ซูเถาถอนหายใจดังกว่านั้น “ฉันลำบาก”
“มันไม่ง่ายเลย”
“ฉันยากจนมาก”
……
หลังจากตัดพ้ออยู่สามครั้ง และเห็นว่าเขายังเฉย ซูเถาก็เริ่มจ้องมองชายหนุ่มไม่วางตา
สือจื่อจิ้นกดมุมปากของเขาลง และนิ่งเงียบ
ซูเถาผู้ไร้ยางอายกระโดดต่อหน้าเขาและยื่นมือเล็ก ๆ ของเธอออกมา
“ฉันต้องการครอบครองที่ดินที่เหลือของศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็ก พวกคุณให้เงินฉันลงทุนหน่อย ถ้าไม่มีเงินก็สร้างโดมป้องกันไม่ได้ อีกอย่าง ฉันคิดว่าอาคารเรียนของโรงเรียนประถมชำรุดทรุดโทรมและจำเป็นต้องสร้างใหม่ อืม หอพักของโรงเรียนที่สร้างมาหลายปีมันก็ใกล้จะเก่าแล้วและต้องสร้างใหม่ ทุกอย่างต้องการเงิน”
สือจื่อจิ้นยิ้มและกลอกตา “เอาล่ะ คุณต้องการเท่าไหร่”
ซูเถาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “จากการคิดคำนวณมาอย่างถี่ถ้วนแล้วประมาณ 10 ล้านเหลียนปัง”
“ตกลง ผมจะไปทำเรื่องเบิกมาให้คุณ”
ซูเถายิ้มเห็นฟันอย่างสดใสและพูดว่า “พลตรีฉือเข้าใจฉันที่สุด”
สือจื่อจิ้นแกล้งเธอ “ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคุณขาดเงินตลอดเวลา ผ่านมาครึ่งปีแล้ว การเงินของคุณยังขัดสนอยู่มาก”
ซูเถาถอนหายใจ “ใครบอกให้ฉันเป็นคนมีมโนธรรมล่ะ ฉันไม่ชอบเงินสีเทาไง ฉันหาเงินได้ไม่เยอะแต่ต้องใช้เงินเยอะนะ”
สือจื่อจิ้นรู้สึกว่านี่เป็นความจริง
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเธอเพิ่มค่าเช่าเป็นสองเท่า ก็ยังมีคนรีบแห่มาเช่ามัน
อีกอย่างพวกเสบียงต่าง ๆ เธอสามารถขายในราคาที่สูงขึ้นสามสี่เท่าได้
แต่เธอไม่ได้ทำ
เพราะเธอต้องการให้คนธรรมดาได้มีโอกาสเช่าบ้านที่ดีและมีอาหารที่ดีให้มากที่สุด
สือจื่อจิ้นหยุดไปสองวินาที แล้วส่งหมายเลขบัญชีและรหัสผ่านไปให้ซูเถา
ซูเถาเห็นข้อความและไม่รู้ว่าทำไม
สือจื่อจิ้นอธิบายว่า “มันเป็นเงินออมส่วนตัวของผมเอง มีอยู่ประมาณ 13 ล้าน คุณสามารถถอนมันออกมาได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ”
ซูเถาไม่อยากจะเชื่อ และปฏิเสธทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ
“ไม่เอา ไม่เอา ฉันหาเงินได้ด้วยตัวเอง ตอนนี้มีแต่เรื่องติดขัดเล็กน้อย คุณควรเก็บเงินเอาไว้ให้ดี แม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้มันเอง แต่คุณก็ต้องเก็บไว้ให้จื่อเยว่”
สือจื่อจิ้นมองไปที่เธอและทันใดนั้นก็พูดว่า
“ยังไงในอนาคตผมก็ต้องให้คุณเป็นคนดูแลอยู่แล้ว”
ซูเถากะพริบตา แต่เธอไม่ได้ตอบอะไร
“คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับจื่อเยว่หรอก เธอได้รับเงินอุดหนุนตอนออกไปฝึกกับอาจารย์ของเธอ และน้องสาวผมเป็นคนประหยัดมาก หลังจากสำเร็จการศึกษา เธอจะเข้าร่วมกองทัพ ก็ยิ่งใช้เงินน้อยลงไปอีก ไม่ต้องเก็บไว้ให้เธอหรอก คุณช่วยดูแลแทนผมหน่อยแล้วกัน”
ซูเถารู้สึกว่าเลขบัญชีและรหัสผ่านมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นในทันใด
เธอไม่ปฏิเสธอีกต่อไป แต่ความจริงคงไม่ได้เอาไปใช้หรอก
เธอไม่ใช่คนโง่
ตั้งแต่ที่สือจื่อจิ้นกลับมาครั้งนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มเข้าหาเธอบ่อยมากขึ้น และถึงกับมอบบัญชีส่วนตัวให้เธอเพื่อให้ช่วยดูแล
สือจื่อจิ้นยิ้มและลูบหัวเธอ “ไม่ต้องสงสัยแล้ว เดี๋ยวมีคนพาเฮยจือหม่ามาส่ง ไปหามันสิ”
ดวงตาของซูเถาเป็นประกาย และแน่นอนว่าภายในครึ่งชั่วโมง คนกลุ่มเล็ก ๆ ของกองทัพบุกเบิกก็นำเฮยจือหม่ามาส่งที่เถาหยาง
เฮยจือหม่าเห็นซูเถาจากระยะไกล มันกระโดดลงจากรถและวิ่งตรงมาหาซูเถา พร้อมกระโจนเข้าอ้อมกอดเธอ
ซูเถาลูบหัวเล็ก ๆ ของมันและหอมมันเป็นเวลานานก่อนจะพบว่าร่างกายของมันกลับมาแข็งแรงอีกครั้งและมันก็ตัวใหญ่ขึ้นมาก มันดูสุขภาพดีกว่าไป๋จือหม่าซึ่งตัวอ้วนมาก
สือจื่อจิ้นทักทายหัวหน้าทีมและกล่าวขอบคุณ
หัวหน้าทีมยืนทำความเคารพและแสดงความขอบคุณเช่นกัน เพราะเฮยจือหม่าช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากการโจมตีของซอมบี้ได้หลายครั้ง และยังช่วยชีวิตร้อยตรีไว้หนึ่งนาย พันตรีอีกสองนาย ทำให้พวกเขาฆ่าโจรที่ปล้นเสบียงได้ เพราะแมวตัวนี้
ซูเถาตกตะลึง “จริงเหรอ?”
หัวหน้าทีมพยักหน้า “ใช่ เราไม่รู้ว่ามันรู้ได้ยังไง จู่ ๆ มันก็เริ่มเดินวนรอบตัวผม ส่งเสียงร้องผิดปกติ พอผมไปแตะมัน มันก็นำทางผมไปทางทิศใต้ หลังจากออกจากจุดนั้นไม่นาน ซอมบี้ก็ปรากฏตัวตรงนั้น แต่โชคดีที่เราอพยพได้เร็ว ไม่เช่นนั้นคงหลีกเลี่ยงการปะทะในครั้งนี้ไม่ได้”
ขณะที่เขาพูด เขาหยิบกล่องบางอย่างลงจากรถซึ่งมีเหรียญตราทหารอยู่
ซูเถากอดเฮยจือหม่าไว้ในอ้อมแขน เธอตกใจมากจนพูดไม่ออก
เจ้าขนปุยของเธอออกจากบ้านได้ไม่ถึงครึ่งปี ทำให้มันมีพลังขึ้นมาก
คิดถูกจริง ๆ ที่เลือกปล่อยมันไป
ความผิดปกติของมันถูกลิขิตไม่ให้ถูกกักขังอยู่ในโลกของเถาหยาง
ในที่สุด หัวหน้าทีมก็พูดอย่างเกรงใจ “เถ้าแก่ซู หากในอนาคตเราต้องการมัน เราจะขอให้มันเดินทางไปกับกองทัพได้ไหม”
ซูเถาลูบหัวของเฮยจือหม่า และพูดอย่างปลอบโยน
“ตราบเท่าที่มันต้องการ ฉันไม่ว่าอะไร”
หัวหน้าทีมได้รับการยินยอม เขาก็มีความสุข การมีเฮยจือหม่าทำให้เกิดการตรวจจับสภาพแวดล้อมโดยรอบ มันสามารถลดความถี่ของการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัวกับซอมบี้ได้อย่างมาก หลีกเลี่ยงพวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการบาดเจ็บล้มตาย และเพิ่มความเร็วในการเดินทัพ
“แต่เดือนนี้มันต้องไปซินตูกับเรา” ซูเถากล่าวเสริม
ฝ่ายหัวหน้าทีมรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ยอมรับอย่างรวดเร็ว เพราะสุดท้ายแล้ว เถ้าแก่ซูคือเจ้าของที่แท้จริงของเฮยจือหม่า พวกเขาแค่ยืมแมวของคนอื่นมาทำงาน
เมื่อเธอกลับถึงห้อง ไป๋จือหม่าเห็นว่าพี่ชายของมันทำเหมือนไม่รู้จักตนเอง มันจึงกลัวมากจนเข้าไปอยู่ใต้ท้องของเสวี่ยเตา
เสวี่ยเตาเพียงแค่ยกเปลือกตาขึ้น และมองไปที่เฮยจือหม่า จากนั้นมันก็หาวและนอนต่อไป
เช่นเดียวกับราชาแห่งขุนเขาผู้ตรวจสอบอาณาเขตของตนเอง เฮยจือหม่าสำรวจห้องโดยเชิดหน้าขึ้นสูง และในที่สุดก็นอนลงบนเบาะตัวโปรดของไป๋จือหม่า
ไป๋จือหม่าไม่กล้าส่งเสียงออกไป มันออดอ้อนกับซูเถาเป็นเวลานาน โดยพยายามให้ซูเถาร้องขอความยุติธรรมให้กับมัน
ซูเถาเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจ
ชิวอินที่มาที่ห้อง เมื่อเห็นเฮยจือหม่าก็รู้สึกถูกชะตามาก แต่เธอก็กลัวลูกแมวที่ฉลาดและรักอิสระตัวนี้เล็กน้อย หลังจากทำความคุ้นเคยกับมันในที่สุด เธอก็พยายามสัมผัสมัน ลูบมันเบา ๆ เฮยจือหม่าไม่คัดค้าน แต่สนุกกับการที่ชิวอินตบตูดของมันเป็นอย่างมาก
ชิวอินตบเบา ๆ และรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อมองไปที่บั้นท้ายที่ยกขึ้น เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า
“มันอายุเท่าไหร่?”
ซูเถาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ็ดแปดเดือนค่ะ”
การแสดงออกของชิวอินค่อนข้างประหลาดใจ ตอนที่เธอยังเด็ก เธอเคยเลี้ยงแมวที่บ้าน ดังนั้นเธอจึงพอจะรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง
เหมือนมันจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์แล้ว