ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 266 แมวเสเพล
ตอนที่ 266 แมวเสเพล
ตอนที่ 266 แมวเสเพล
ซูเถาไม่เคยเลี้ยงแมว และไม่รู้ว่าแมวนั้นถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่อไหร่ การแสดงออกของมันต่อชิวอินผิดปกติไป จึงคิดว่าเฮยจือหม่าป่วย
“เป็นอะไรไป มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ชิวอินส่ายหัวของเธอ และบอกซูเถาโดยละเอียดเกี่ยวกับข้อควรระวังสำหรับแมวที่อยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์
“บางทีมันอาจจะฉี่ไปทั่ว ส่งเสียงร้องแง้ว ๆ และมักชอบหนีออกจากบ้านไปหาแมวตัวอื่น ความอยากอาหารลดลง อาการติดสัดทำให้แมวรู้สึกไม่สบาย ก่อนวันสิ้นโลกแมวที่บ้านฉันจะทำหมัน ได้ยินมาว่าสามารถยืดอายุได้”
ซูเถาผงะเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เฮยจือหม่า และครุ่นคิดอย่างหนัก
ชิวอินเสริมว่า “แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจำเป็นต้องทำหมัน อีกอย่างตอนนี้ยังหาสัตว์แพทย์ได้ยาก ดังนั้นอย่าเพิ่งคิดไปไกล แมวตัวผู้บางตัวอาจเปลี่ยนแปลงอย่างมากหลังจากทำหมัน หรือพวกมันอาจแพ้ยาสลบและทำให้ช็อกตายได้ เรื่องนี้ต้องระวัง”
ซูเถาตัดสินใจทันทีว่าจะไม่ให้เฮยจือหม่าทำหมัน สภาพหลังวันสิ้นโลกไม่ดีเท่าก่อนวันสิ้นโลก เผื่อว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการทำหมัน…
ซูเถาชี้ไปที่ไป๋จือหม่าที่นอนอยู่ใต้ท้องของเสวี่ยเตาแล้วถามว่า
“แล้วแมวตัวเมียล่ะคะ เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่อไหร่”
ชิวอินคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ประมาณสิบเดือน ก็ใกล้แล้วเหมือนกัน แมวตัวเมียเวลาเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์มันจะทรมานมาก และการทำหมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องเปิดหน้าท้องของมัน”
ซูเถาถอนหายใจ เธอไม่รู้เลยว่าเจ้าขนปุยทั้งสองนั้นโตขนาดนี้แล้ว
แน่นอนว่าในคืนนั้น เฮยจือหม่าส่งเสียงร้องทั้งคืนซึ่งไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่มันต้องการออกไปข้างนอก
ซูเถาลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย และก่อนที่เธอจะทันได้เปิดไฟ เธอก็ได้ยินเสียงดึงหน้าต่าง
เฮยจือหม่าเป็นแมวที่สามารถเปิดประตูและหน้าต่างได้
ซูเถารู้สึกตัวมากขึ้น และขณะที่เธอพยายามจะลืมตา เธอก็เห็นมันเปิดหน้าต่างและหายเข้าไปในรัตติกาล
ซูเถานอนราบบนเตียงโดยคิดว่าเฮยจือหม่าของเธอจะหนีออกจากบ้านหากมีอาการติดสัดหรือเปล่า เพราะไม่มีประตูหรือหน้าต่างใดที่สามารถปิดกั้นความอิสระของมันได้
ในตอนเช้าเมื่อเธอเปิดอาหารกระป๋องให้ไป๋จือหม่า เฮยจือหม่าลูกชายเสเพลที่ไม่ได้กลับบ้านมาทั้งคืนก็เปิดหน้าต่างเข้ามา โดยที่ไม่มีใครรู้ได้ว่ามันไปทำอะไรมาชั่วข้ามคืน
ทันทีที่มันกลับมา มันก็กินอาหารกระป๋องของไป๋จือหม่าอย่างตะกละตะกลาม และกลืนอาหารของน้องสาวเข้าไปหลายคำ
ไป๋จื่อหม่าดมกลิ่นชามเปล่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า และน้ำตากำลังจะไหล
ซูเถาไม่มีทางเลือกนอกจากเปิดอาหารแมวอีกหนึ่งกระป๋องเพื่อให้ไป๋จือหม่ากิน
หลังจากที่ลูก ๆ ทั้งสองของเธอทั้งสามตัวอิ่มแล้ว ซูเถาก็ได้รับข่าวดีจากสือจื่อจิ้นเช่นกัน เพราะตงหยางตกลงที่จะให้เงิน 10 ล้านเหลียนปังกับเธอในการลงทุนก่อสร้าง
โดยมีสือจื่อจิ้นเป็นคนช่วยดำเนินการให้ และเงิน 10 ล้านเหลียนปังก็โอนเข้าบัญชีเธอในตอนเที่ยงวัน
ซูเถารู้สึกประหลาดใจมาก เธอคิดว่าเธอจะต้องรอจนกว่าเธอจะออกเดินทางไปซินตูเงินถึงจะเข้าบัญชี
เพราะว่าวันที่เธอจะออกเดินทางก็ใกล้เข้ามาแล้ว เหลือเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์
และในวันเดียวกัน ซูเถาใช้เงิน 7.2 ล้านเหลียนปังเพื่อสร้างโดมป้องกัน
ในขณะที่สือจื่อเยว่กำลังมีเหงื่อออกเต็มตัวระหว่างเรียนภาคทฤษฎีที่โรงเรียน
ในความเป็นจริงแล้ว โรงเรียนก็ติดตั้งเครื่องปรับอากาศเช่นกัน แต่สภาพอากาศภายนอกที่มีอุณหภูมิสูงนั้นรุนแรงเกินไป เครื่องปรับอากาศก็เลยสู้ไม่ไหว บ้างก็เกิดความชำรุดหลังจากใช้งานไปไม่นาน
พอเกิดความเสียหายก็ไม่ได้รับการซ่อมแซม และไม่มีแอร์ตัวใหม่มาเปลี่ยน พวกเขาก็เลยจำเป็นต้องหยุดใช้มัน แล้วติดพัดลมไว้บนเพดานของห้องเรียนแต่ละห้องแทน
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นลมร้อนตลอดเวลา
มันเจ็บปวดมากสำหรับสือจื่อเยว่ ที่ต้องออกจากเถาหยางที่เย็นสบายไปยังโรงเรียนที่ร้อนและเหนียวเหนอะหนะทุกวัน
มันร้อนมากเสียจนในช่วงบ่าย เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอกำลังจะเหือดแห้ง เธอจึงนอนลงบนโต๊ะและไม่ต้องการขยับเขยื้อน
คงจะดีมากถ้าเราสามารถย้ายโรงเรียนไปสอนที่เถาหยางได้
ไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอก็ได้ยินพี่ชายพูดว่าเถาหยางจะเข้าครอบครองโรงเรียนของพวกเขาในไม่ช้า เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะว่าถ้าช้ากว่านี้สองวัน เธอคงต้องขอหยุดเรียนหนังสือแล้ว
ในชั้นเรียนสือจื่อเยว่เป็นที่นิยมมาก เพราะเธอมักจะซื้ออาหารและเครื่องดื่มจากเถาหยางไปแบ่งปันเพื่อน ๆ ในชั้นเรียน
และบางครั้งเธอก็ชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวเล่นที่เถาหยาง
ยิ่งไปกว่านั้น พี่ชายของเธอคือพลตรีสือ นับประสาอะไรกับเพื่อนร่วมชั้น คุณครูเองก็รักเธอมากเช่นกัน
หลี่รุ่ยลี่ที่เดิมไม่ถูกกับเธออยู่แล้ว ก็ดูถูกเธอยิ่งขึ้นไปอีก
ไม่ใช่เพียงเพราะเธอมีพี่ชายที่ดี แต่เธอยังโชคดีพอที่จะอาศัยอยู่ในเถาหยาง และทุกคนต่างพากันเลียแข้งเลียขาเธอ
เธอเห็นว่าบางครั้งสือจื่อเยว่ก็มักจะหยิบซองลูกอมมินต์ออกมาจากกระเป๋านักเรียนของเธอและแจกจ่ายให้กับนักเรียนที่อยู่รอบตัวเธอ
หลังจากทุกคนได้ลิ้มลอง ทุกคนก็บอกว่ารู้สึกเย็นลงและกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ทุกคนต่างขอบคุณและเยินยอสือจื่อเยว่อย่างไม่หยุดหย่อน
“จื่อเยว่ เธอรู้จักเถ้าแก่ซูแห่งเถาหยางเป็นอย่างดี ฉันถามเธอหน่อยสิว่าที่เถาหยางจะมีห้องว่างให้เช่าอีกเมื่อไหร่”
“ใช่ใช่ นี่ก็ล่วงเลยมาครึ่งเดือนแล้ว สมาชิกในครอบครัวของฉันตรวจสอบเว็บไซต์ทางการของเถาหยางทุกวัน เพราะกลัวว่าจะพลาดข่าวไป ตอนนี้อากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ยกเว้นที่เถาหยาง ทุกคนประหลาดใจมาก”
“จื่อเยว่ ฉันได้ยินข่าวลือว่าเถาหยางอาจจะเข้ามาดูแลโรงเรียนของเราในอนาคต จริงหรือเปล่า”
……
สือจื่อเยว่ไม่เคยถามเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ในขณะที่ส่ายหัวด้วยความงุนงง เธอยังคงส่งลูกอมต่อไป
เธอไม่ลังเลที่จะเอาลูกอมนี้ให้หลี่รุ่ยลี่ด้วย
“เอาสักเม็ดไหม มันช่วยคลายความอบอ้าวได้”
หลี่รุ่ยลี่ปฏิเสธขนมที่สือจื่อเยว่มอบให้ และเมื่อเห็นทุกคนรอบตัวเธอ เธอก็ยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงพูดสิ่งที่ไม่น่าฟังออกมา
“แค่นี้ก็ทนร้อนไม่ได้ แล้วในอนาคตจะเข้าร่วมกองทัพได้ยังไง”
คำพูดเหล่านี้ดังขึ้นเป็นบริเวณกว้าง คนที่อยู่ในบริเวณนั้นเกิดความไม่พอใจขึ้นมาและพูดกับเธอว่า
“แล้วมันทำไม เธอพูดเหมือนกับว่าตัวเองกล้าหาญและเก่งกาจเหมือนพลตรีสืออย่างนั้นแหละ อีกหน่อยโรงเรียนของเราก็จะมีเถาหยางเข้ามาดูแล มันจะเจ๋งพอ ๆ กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหรือศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้า อากาศจะเย็นสบาย ถึงตอนนั้นเธอจะย้ายออกไปเรียนข้างนอกไหมล่ะ”
เด็ก ๆ หลายคนไม่ชอบหลี่รุ่ยลี่เท่าไหร่ และมีคนพูดขึ้นสวนขึ้นมาทันทีว่า
“ใช่ ถ้าเธอมีความสามารถ เธอก็ทนกับความร้อนไปให้ได้ตลอดแล้วกัน แต่ถ้าทนไม่ได้ ก็หุบปากซะ”
ตาหลี่รุ่ยลี่แดงขึ้น เธอรู้สึกว่าคนเหล่านี้รวมตัวกันเพื่อปกป้องสือจื่อเยว่ เพียงเพื่อประจบประแจงเธอก็เท่านั้น
“ฉันทนได้อยู่แล้ว! ฉันไม่เหมือนพวกเธอหรอกที่ทนกับอุณหภูมิที่สูงไม่ได้!”
ทันทีที่เธอพูดจบ ทุกคนก็รู้สึกได้ทันทีว่าอุณหภูมิรอบตัวพวกเขาเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว และอากาศที่ร้อนระอุแต่เดิมก็สดชื่นและเย็นลงในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที
ทุกคนรู้สึกสบายขึ้นทันตาเห็น
ก่อนที่ใครจะทันได้พูดอะไร มีคนในห้องเรียนตะโกนออกมา
“มันเป็นโดมป้องกัน! เถาหยางเข้าครอบครองโรงเรียนของเราแล้ว!”
เด็กชายสองคนในชั้นเรียนรีบออกไปทันที จากนั้นคนทั้งชั้นยกเว้นหลี่รุ่ยลี่ก็ตามไป
หลี่รุ่ยลี่อ้าปากค้างอยู่กับที่
เมื่อทุกคนกลับมาหลังจากดูความตื่นเต้น มีคนเยาะเย้ยเธอ
“หลี่รุ่ยลี่ ต้องการให้ฉันช่วยย้ายโต๊ะไหม”
หลี่รุ่ยลี่โกรธมาก
เธอแสดงออกถึงความแข็งแกร่งและหยิ่งผยอง อยากย้ายก็ย้ายสิ อีกหน่อยเธอก็ต้องไปเป็นทหาร เธอไม่กลัวการเผชิญกับความยากลำบากหรือความร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่ร่างกายน่ะสิ… อุณหภูมิที่เย็นจัดทำให้เธอขยับไม่ได้
เธอไม่เคยไปเถาหยาง และไม่เคยรู้ว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมเช่นนี้จะสบายได้ขนาดนี้
เหงื่อไม่ออก ไม่เหนอะหนะตามร่างกาย รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายจากภายในสู่ภายนอก และสมองโล่งขึ้นมาก
เธอนั่งนิ่ง ใบหน้าซีดเซียว
เมื่อเธอได้สัมผัสกับตัวเองแล้ว การที่จะให้เธอกลับสู่ห้องเรียนท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนระอุ เธอรับไม่ได้
คนไม่กี่คนที่เยาะเย้ยเธอขยิบตาให้กัน และเลียนแบบน้ำเสียงของเธอในตอนนี้แล้วพูดว่า
“หลี่รุ่ยลี่ ถ้าเรื่องแค่นี้เธอยังทนไม่ได้ ในอนาคตจะเข้าร่วมกองทัพได้ยังไง”