ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 273 ขวางรถ
ตอนที่ 273 ขวางรถ
ตอนที่ 273 ขวางรถ
ซูเถาตกตะลึงกับคำถามของเขา เธอไม่เคยคิดถึงข้อนี้มาก่อนเลยแต่การทำหมันคือสิ่งที่เธอจะไม่ทำเด็ดขาด เนื่องจากมีเงื่อนไขและติดปัญหาหลาย ๆ อย่าง
แต่การหาคู่แมวตัวเมีย…มันยากเกินไป แมวตัวเมียหรือลูกแมวที่แข็งแรง และเหมาะสมกับวัยในวันสิ้นโลกแบบนี้นั้นหายากมาก
อันที่จริง หลังจากคิดดูแล้ว ถ้ามีตัวที่เหมาะสม เธอก็ต้องการหาคู่ให้เฮยจือหม่าจริง ๆ
สือจื่อจิ้นเตะเจี่ยนไคอวี่ด้วยสีหน้าเชิงห้ามปราม
เจี่ยนไคอวี่วิ่งหนีและกระซิบกับเฉินเทียนเจียว
“พวกเราต่างเป็นหนุ่มโสด ดังนั้นเราจะปล่อยให้เฮยโต้วเป็นโสดอย่างเราไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้ หาคู่ให้มันดีกว่า ถ้ามันมีลูกและมีพลังวิเศษเหมือนเฮยโต้วก็ยิ่งดีเลย”
เฉินเทียนเจียวรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นสมเหตุสมผลมาก! จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นและพูดกับสือจื่อจิ้นด้วยเสียงที่ดังฟังชัด
“เหล่าต้า ไปที่ซินตูเพื่อหาคู่ให้เฮยโต้วกันเถอะ!”
เมื่อสือจื่อจิ้นขับไล่พวกเขาออกไป ก็อดไม่ได้ที่จะโต้แย้งกลับในใจ ใครโสดเหมือนพวกนายกัน
ซูเถาจดบันทึกเตือนความจำเรื่องการหาคู่ให้เฮยจือหม่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตา การหาลูกแมวที่เหมาะสมนั้นยากจริง ๆ
หัวหน้าทีมซ่งก็ตามหาแมวมานานแล้วไม่ใช่เหรอ เห็นบอกว่าหญิงมีฐานะคนนั้น ไม่ได้จำกัดอายุหรือเพศของแมว
หลินฟางจือได้จัดเตรียมอาหารเช้าและที่นั่งสำหรับทุกคนที่จะมาทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
มีเพียงเฮยจือหม่า ซึ่งถูกหักอาหารเช้าเหลือเพียงครึ่งกระป๋องเท่านั้นเพื่อเป็นการลงโทษ มันกินอาหารอยู่ใต้โต๊ะเพื่อกินร่วมกับทุกคน
สิ่งที่ไม่มีใครสังเกตคืออีกาดำตัวหนึ่งบินอยู่เหนือหัวพวกมัน บินวนไปมาเป็นเวลาสองสัปดาห์ และบินไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งแล้วหายไป
เซวียเยวี่ยนเจี๋ยเอื้อมมือออกไปจับอีกา
ทันทีที่อีกาบินลงมาเกาะเขา มันก็สื่อสารกับเซวียเยวี่ยนเจี๋ย
“หัวหน้า พวกมันมีสิบเจ็ดคน แมวหนึ่งตัว สุนัขหนึ่งตัว รถสี่คัน พร้อมเสบียงมากมาย”
เซวียเยวี่ยนเจี๋ยและโจรอีกหลายคนตาเป็นประกายเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้
เรื่องเสบียงพวกเขาไม่สนใจหรอก และไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่กำลังเดินทางไปซินตู และมีการนำอาหารติดตัวไปด้วย
ที่แปลกคือมีแมวและสุนัขอยู่ด้วยนี่สิ!
เซวียเยวี่ยนเจี๋ยเล็งกลุ่มนี้ไว้เป็นเป้าหมายทันที
ในวันสิ้นโลกแบบนี้ใครจะเลี้ยงแมวและสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงกัน? ต้องเป็นคนที่มั่งมีไม่ขาดแคลนอาหารการกิน
ชายไว้หนวดเคราพูดด้วยเสียงต่ำ
“หัวหน้า คนกลุ่มนี้ต้องมีอันจะกินกว่าคนจากฐานลั่วหนานแน่! และมีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น แต่เรามีพี่น้องมากกว่ายี่สิบคน!”
เมื่อวานนี้พวกเขาปล้นขบวนรถจากลั่วหนาน เมื่อเห็นผู้คนจำนวนมากคุ้มกันคนเหล่านั้น พวกเขาจึงคิดว่าน่าจะมีเสบียงหรือของมีค่ามากมาย
แต่ผลก็คือ หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือด พวกเขาคว้ามาได้แค่เนื้อแดดเดียวหนึ่งลัง น้ำสองลัง และขนมปังสองสามห่อ!
หากพวกเขารู้เรื่องนี้ พวกเขาคงไม่เสียเวลาไปปล้นคนเหล่านี้
เซวียเยวี่ยนเจี๋ยไม่รีบตัดสินใจและถามอีกาดำอีกครั้ง
“ในสิบเจ็ดคนนี้มีผู้หญิงและเด็กไหม”
อีกากระพือปีก “ผู้หญิงสามคนไม่มีเด็ก”
ชายมีหนวดมีเคราประหลาดใจมากยิ่งขึ้น “มีผู้หญิงอีกสามคน ซึ่งน่าจะติดตามมาด้วยในฐานะคู่ครอง ไม่มีอะไรต้องกลัวเลย!”
คนอื่นๆ ก็อยากรีบไปจัดการเหยื่อเสียเดี๋ยวนี้
เซวียเยวี่ยนเจี๋ยแสดงท่าทางนิ่งและสงบแก่พวกเขา จากนั้นจึงถามอีกาว่า “พวกเขากินอะไรกัน”
การรับรู้ของนกมีอย่างจำกัด ในวันที่เสบียงขาดแคลนแบบนี้ มันไม่เคยเห็นอาหารจำพวก ซาลาเปา โจ๊ก นมวัวและอื่น ๆ ดังนั้นพวกมันจึงไม่สามารถระบุชื่อสิ่งเหล่านี้ได้
มันส่งเสียงร้องสองครั้ง และเอียงหัวพร้อมขยิบตาให้เจ้าของเท่านั้น
ชายมีหนวดมีเคราตะคอก “นี่หมายความว่ามันไม่รู้ว่าคนพวกนั้นกินอะไรเหรอ? ไม่น่าเลย หัวหน้าคุณสอนมันหมดแล้วไม่ใช่เหรอ พวกคำเรียกสิ่งของหรือเสบียงต่าง ๆ”
เซวียเยวี่ยนเจี๋ยเดาอะไรบางอย่างได้อย่างคลุมเครือ และมีแสงโลภในดวงตาของเขา
“มันอาจจะเป็นของกินที่ดี หลิงอวี่อาจไม่เคยเห็นมันมาก่อน”
เลี้ยงทั้งหมาทั้งแมวได้ เรื่องอาหารการกินคงจะขาดแคลนหรอก
พวกเขาเจอกับขุมทรัพย์เข้าให้แล้ว
ชายที่มีหนวดเคราและคนอื่น ๆ มองหน้ากัน ต่างคนต่างก็เห็นความประหลาดใจอย่างมากในดวงตาของกันและกัน
เป็นเวลานานแล้วที่พวกไม่ได้ทำการปล้นครั้งใหญ่
ตั้งแต่การโจมตีของซอมบี้เริ่มเกิดขึ้นบ่อยครั้ง กองคาราวานผ่านไปมาก็เริ่มลดน้อยลง
พวกเขาเป็นผู้สิ้นหวังที่ทำการปล้นแทนการทำธุรกิจ เนื่องจากจำนวนลูกค้าลดลงอย่างมาก ซึ่งนำไปสู่ผลกระทบของการครองชีพของพวกเขา
พวกเขาไม่ได้กินเนื้อสัตว์หรือน้ำสะอาดมาเกือบสามเดือนแล้ว และเสบียงก็แทบไม่เหลือแล้ว
หากไม่มีเหยื่อมาส่งถึงหน้าประตู พวกเขาจะต้องเสี่ยงภัยไปยังชุมนุมต่าง ๆ หรือที่พักอาศัยเพื่อทำการปล้น
หรือว่าต้องปิดถนนเพื่อทำการปล้น เพราะหากไปตามบ้านหรือร้านค้าแล้วถูกพวกเขายิงสวนมาพวกเขานั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายโชคร้าย
“หัวหน้า! ไปกันเถอะ!”
เซวียเยวี่ยนเจี๋ยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะรู้ว่าคนเหล่านี้น่าจะมีความสามารถและยากที่จะชนะ
แต่สิ่งล่อใจรออยู่ข้างหน้า และมันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง!
แต่แล้วซูเถาก็รับรู้ได้ว่ากลุ่มของพวกเธอตกเป็นเหยื่อเข้าให้แล้ว
เพราะเมื่อทุกคนขึ้นรถหลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ได้ขับรถต่อไปบนท้องถนน และได้หยุดพักระหว่างทางเพื่อให้ทุกคนได้พัก เฮยจือหม่ากระโดดลงจากรถอย่างเป็นปกติวิสัยและเริ่มตรวจสอบบริเวณโดยรอบ
ในขณะที่ทุกคนทำธุระส่วนตัวกันเสร็จแล้ว จู่ ๆ เฮยจือหม่าก็กระโดดขึ้นบนไหล่ของซูเถาอย่างผิดปกติและส่งเสียงร้องสองครั้ง
ทันใดนั้นวิสัยทัศน์ของซูเถาก็เปลี่ยนเป็นมุมมองของเฮยจือหม่า
มีคนร้องขอความช่วยเหลืออยู่ไม่ไกล? และดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นหน้าคุ้นตาคนเหล่านั้น? น่าจะเป็นเว่ยเสียงและพวก ที่ไม่เต็มใจที่จะอยู่ที่สถานีเก่าตั้งแต่แรก
เกิดอะไรขึ้น?
สือจื่อจิ้นซึ่งอยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลา เขารู้ว่าเธอกำลังมองเห็นร่วมกับเฮยจือหม่า และเมื่อเธอฟื้นคืนสติ เขาก็ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
ซูเถาขมวดคิ้ว
“มีขบวนรถอยู่ข้างหน้าซึ่งน่าจะถูกปล้น กำลังรอการช่วยเหลือ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บ”
สือจื่อจิ้นถามว่า “พวกเขาเป็นใคร”
ซูเถาส่ายหัว “ฉันรู้แค่ว่ามีลูกน้องเก่าของถานหย่งที่ออกจากสถานีเก่าไปสองสามคน พวกเขาออกไปดูแลตัวเอง และเหมือนตอนนี้พวกเขารับหน้าที่ปกป้องใครบางคน ซึ่งฉันไม่รู้ว่าเป็นใครเหมือนกัน”
สือจื่อจิ้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมที่คนเหล่านี้รู้จักซูเถา เขาถามเธอว่า
“จะช่วยไหม?”
ตัวเขาเองยังไงก็ได้ ก็แล้วแต่เธอว่าจะช่วยหรือไม่ช่วย
ซูเถาโบกมือ “ไม่จำเป็น ขึ้นรถเถอะ แล้วขับผ่านไปไม่ต้องหยุด”
สำหรับเธอ เว่ยเสียงเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่รู้จักชื่อของเขา ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเห็นอกเห็นใจเพื่อช่วยเหลือเขา
เธอคิดดีแล้วก็จริง แต่เมื่อขบวนของพวกเขามาถึงตำแหน่งของพวกเว่ยเสียง จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งรีบวิ่งออกมาขวางหน้าขบวนของพวกเขา บังคับให้หยุดรถ!
เฉินเทียนเจียวซึ่งเป็นผู้ขับรถนำขบวน รีบเหยียบเบรกด้วยความตกใจและหักเลี้ยวอย่างแรง ทำให้รถของพวกเขาพุ่งตรงไปที่พื้นที่รกร้างข้างถนน เกือบทำให้รถพลิกคว่ำ
รถบ้านที่ตามหลังมาและรถอีกสองคันที่เฉียนหลินนั่งมาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก พวกเขาทั้งหมดเสียหลักไปด้านข้างของถนน
ซูเถากลิ้งตัวออกจากเตียงและศีรษะของเธอกระแทกเข้ากับมุมตู้ ความเจ็บปวดทำให้เธอหายใจไม่ออกชั่วขณะ
เมื่อแตะเข้าที่หน้าผากก็มีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย
สือจื่อจิ้นหยุดรถ เขายืนขึ้นและวิ่งไปดูเธอ เมื่อเขาเห็นเลือดบนหน้าผากของซูเถา ก็ทำให้เขาเป็นห่วงเธออย่างมาก
ซูเถาเวียนหัวเล็กน้อย และดึงเขากลับมา “ฉันไม่เป็นไร แค่มีรอยถลอกที่ผิวหนัง มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ คุณไปดูหน่อยว่าข้างนอกมันเกิดอะไรขึ้น”
เสวี่ยเตานำหน้าไปหนึ่งก้าวแล้วเห่า พร้อมกระโดดออกจากรถไปเผชิญหน้ากับคนที่ขวางรถไว้
มันยังมีความรู้สึกถึงความยั้งคิด หากไม่มีคำสั่งจากเจ้าของ มันจะกระโจนใส่ผู้คนเท่านั้น แล้วยกอุ้งเท้าหน้าของมันเพื่อกระทืบผู้คนอย่างแรง
ผู้หญิงที่หยุดรถถูกเหยียบย่ำลงกับพื้นและกรีดร้องด้วยความตกใจ
ไม่ใช่ว่าเจ็บมาก แต่เห็นสุนัขสีดำตัวโตที่มีเขี้ยวเต็มปาก เธอก็กลัว!
เป็นผลให้เว่ยเสียงและคนอื่น ๆ รู้สึกกลัวที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือเธอ
รถจากทีมไหนมีหมาตัวใหญ่ขนาดนี้!
ความคิดแรกของเว่ยเสียงคือสุนัขตัวนี้น่าจะกินเก่ง และขนของมันดูแข็งแรง
ความคิดที่สองคือคนกลุ่มนี้มีพื้นฐานที่ดี และพวกเขายังมีขบวนรถหลายคัน!