ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 275 ขอร้องผิดคน
ตอนที่ 275 ขอร้องผิดคน
ตอนที่ 275 ขอร้องผิดคน
ฟางเหยียนเบิกตากว้าง “อะไรนะ?”
ถังเล่อรู้สึกวิตกเล็กน้อยเกี่ยวกับสือจื่อจิ้น แต่เมื่อเขาได้ยินคำถามที่เย็นชานี้ ร่างกายของเขาก็พลันแข็งทื่อและไม่กล้าขยับเขยื้อน
“ชีวิตคนทั้งคนกำลังตกอยู่ในอันตราย ขอความกรุณาคุณช่วยไปส่งพวกเราด้วย” เว่ยเสียงขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นเนี่ยซือป๋อผู้ซึ่งอ่อนโยนและซื่อสัตย์มาโดยตลอดก็พูดด้วยความโกรธ
“ชีวิตคนทั้งคนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา ไม่ใช่พวกคุณเหรอที่รีบออกมาขวางรถ เกือบทำให้พวกเรารถคว่ำ! มีใครขอโทษเราไหมสำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ พวกคุณไม่สนใจชีวิตของพวกเราเลยแม้แต่น้อย แล้วจะให้พวกเราไปช่วยพวกคุณน่ะเหรอ ตลกสิ้นดี!”
ตอนที่อยู่ที่สถานีเก่า เว่ยเสียงมักจะเหน็บแนมเขาทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจเพื่อขับไสเขาออกไป
ตอนนี้เขาทำงานกับเถ้าแก่ซูโดยมีพลตรีสือเป็นผู้สนับสนุน เนี่ยซือป๋อจึงไม่ทนอีกต่อไป!
สวีฉียังพ่นลมหายใจของเขาออกมาและพูดว่า
“ตอนจากไปใจแข็งและมั่นใจมากไม่ใช่เหรอ อีกทั้งยังคิดว่าวันหนึ่งเราจะต้องมาขอความช่วยเหลือเพื่อให้ช่วยหาช่องทางทำมาหากิน แต่ไม่ทันไรก็มาขอให้เราช่วยเสียแล้ว”
มี๋อู้เองพูดอย่างไร้ความรู้สึก “ตอนที่ผมถูกจับ ดูเหมือนว่าคุณเว่ยเสียงเป็นคนแรกที่กระโดดออกมา บอกว่าผมกบฏและให้ปล่อยผมไปอย่างไร้ความปราณี”
ใบหน้าของเว่ยเสียงเปลี่ยนสี เขาถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดยอกย้อนพวกนั้น
ฟางเหยียนเข้าใจแล้ว!
แม้ว่าคนเหล่านี้กับเว่ยเสียงจะรู้จักกัน แต่พวกเขาก็มีความขัดแย้งกันอย่างมาก! และเพราะเว่ยเสียง พวกเขาจึงปฏิเสธที่จะช่วยเหล่าเติ้งของเธอ!
มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้!
เติ้งจื่อเสวียนตอบสนองได้เร็วที่สุด เธอก้าวไปหาสือจื่อจิ้นไม่กี่ก้าวทันที ใบหน้าของเธอเต็มไปคราบน้ำตาที่ไหลออกมา
“คุณ เราไม่รู้ว่าเว่ยเสียงและคนอื่น ๆ เป็นคนแบบนี้ ถ้าเรารู้เราก็ไม่ใช่คนไม่ดีแน่นอน พ่อของฉันเป็นผู้บริสุทธิ์ ได้โปรดช่วยเขาด้วย!”
ฟางเหยียนเห็นด้วยกับความเกลียดชังของศัตรูทั้งสองฝั่ง
เว่ยเสียงจ้องเธอด้วยความโกรธจนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด
ผู้หญิงสองคนของครอบครัวเติ้งเก่งมากพอได้รับผลประโยชน์แล้วก็ถีบหัวส่ง!
ถังเล่อเองก็โกรธไม่ใช่น้อยเหมือนกัน เขาวางเติ้งเฉิงเย่ลงบนพื้นแล้วทิ้งเขาไว้ตามลำพัง
เติ้งจื่อเสวียนร้องไห้ยิ่งกว่าเดิม และในที่สุดก็คว้าแขนเสื้อของสือจื่อจิ้นไว้
สือจือจิ้นยืนนิ่งไม่ขยับ และออกคำสั่งกับเสวี่ยเตาที่อยู่ข้าง ๆ เขา
“ไป! หน้าผาก”
เสวี่ยเตากระโจนใส่เติ้งจื่อเสวียนล้มลงกับพื้นในทันที ทำเอาเธอตกใจกรี๊ดลั่น น้ำหูน้ำตาไหลอาบแก้ม
แน่นอนว่าเสวี่ยเตาไม่มัวแต่รอช้า มันกัดเข้าที่หน้าผากของเติ้งจื่อเสวียนทันที
มันไม่ได้ฆ่าเธอ แต่มันทำให้เติ้งจื่อเสวียนได้เลือดเท่านั้น
เฉินเทียนเจียวเข้าใจว่านี่คือการระบายความโกรธแทนเถ้าแก่ซู!
ฟางเหยียนโกรธ “คุณทำอะไร! ไอ้หมาบ้านี่! ออกไปให้พ้น!”
เสวี่ยเตาใช้อุ้งเท้าข้างหนึ่งของมันกระแทกเธอเข้าที่ใบหน้า
สือจื่อจิ้น ไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับผู้หญิงคนนั้น จึงหมุนตัวหันหลังกลับและเข้าไปในรถ
เมื่อเฉินเทียนเจียวได้รับการจ้องมอง เขาก็รู้ว่าวันนี้เขาคงต้องเป็นคนลงมือ
เขาคว้าฟางเหยียนขึ้นมาและแสดงรอยยิ้มที่ไม่เป็นมิตร
“แม่สามีแซ่จั๋ว? แล้วยังไงเหรอ? ซินตูเชิญเหล่าต้าของผมเข้าร่วมการประชุมทุกปี พร้อมกับส่งของขวัญมาด้วย โดยปกติแล้วเหล่าต้าของเราไม่สนใจการประชุมนี้หรอก แต่ว่าปีนี้มันแตกต่างออกไป เขาก็เลยมาเข้าร่วมงานนี้ ผมแนะนำให้คุณใจเย็นลงดีกว่า อย่าคิดว่าครอบครัวของคุณจะเหยียบหัวคนอื่นขึ้นไปได้เสมอไป”
ฟางเหยียนไม่อยากจะเชื่อ!
เฉินเทียนเจียวไม่สนใจว่าเธอจะเชื่อหรือไม่ เขาโยนเธอลงบนพื้นและเตือนเติ้งจื่อเสวียนที่กำลังกุมหน้าผากด้วยความตื่นตระหนก
“อย่าเรียนรู้วิธียั่วยวนผู้ชายตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่จะหลงกลคุณ อีกอย่างการบาดเจ็บที่ศีรษะคือราคาที่คุณต้องจ่ายสำหรับการเข้ามาขวางรถ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เฉินเทียนเจียวก็โบกมือ “พวกเรา ขึ้นรถแล้วไปกันเถอะ!”
เจี่ยนไคอวี่มองดูเติ้งเฉิงเย่ที่หมดสติอย่างเงียบ ๆ เขารู้สึกได้ว่าถ้าเลือดไม่หยุดไหล ชายคนนั้นจะตายภายในครึ่งชั่วโมง
แต่เหล่าต้าไม่ได้พูดอะไร เขาก็คงไม่สามารถออกตัวไปช่วยเหลืออะไรใครได้ตามอำเภอใจ
จะว่าไปก็สมควรแล้ว เข้ามาขวางรถ ไม่ขอโทษ แถมยังมีท่าทีหยิ่งยโสอีก
ในความเป็นจริง หากคุณพูดจาดี ๆ และขอความช่วยเหลือด้วยความจริงใจ เถ้าแก่ซูและเหล่าต้าอาจจะยอมช่วยเหลือ เพราะท้ายที่สุดความขัดแย้งกับเว่ยเสียงและคนอื่น ๆ นั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา
หากเติ้งเฉิงเย่เสียชีวิต ภรรยาและลูก ๆ ของเขาจะต้องรับผิดชอบครึ่งหนึ่ง
เจี่ยนไคอวี่ส่ายหัวแล้วเข้าไปในรถ
ทันทีที่สวีฉีเปิดประตูรถ ถังเล่อก็วิ่งเข้ามา
“พี่สวีฉีโปรดพาผมไปด้วย ได้โปรด!”
เขาไม่อยากอยู่!
หากไม่มีน้ำหรืออาหาร ภายในสามวันหากไม่มีขบวนรถผ่านมาและให้ความช่วยเหลือ พวกเขาจะตายเพราะกระหายน้ำและร้อนจัด
ตอนนี้เขาต้องทิ้งศักดิ์ศรีเอาไว้ก่อน!
ทันทีที่ถังเล่อเปิดประเด็น คนอื่น ๆ หลายคนที่ติดตามเว่ยเสียงมาก็วิ่งไปหาสวีฉีอย่างกระตือรือร้น
เนี่ยซือป๋อแค่นเสียงและเดินเข้าไปในรถ
มี๋อู้ไม่ต้องการให้ความสนใจกับคนเหล่านี้เช่นกัน
สวีฉีพูดอย่างเรียบเฉย “ฉันไม่สามารถตัดสินใจได้”
ถังเล่อฉลาดมาก เขาหันไปขอร้องสือจื่อจิ้นผ่านกระจกรถ
เฉินเทียนเจียวคว้าตัวเขาและพูดว่า “ขอร้องผิดคนแล้ว เจ้านายตัวจริงนั่งอยู่ในรถโน่น เอาล่ะ ๆ ผมไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด ออกไปได้แล้ว”
ไม่ใช่แค่ถังเล่อเท่านั้น แต่แม่ลูกครอบครัวเติ้ง เว่ยเสียงและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
ผู้ชายมาดเข้มคนนั้นไม่ใช่หัวหน้าพวกเขาเหรอ?
เว่ยเสียงตอบสนองไม่กี่วินาทีและเข้าใจว่าหญิงสาวแซ่ซู นั่งอยู่ในรถ!
สวีฉีไม่ต้องการให้ถังเล่อและคนอื่น ๆ รบกวนซูเถา ดังนั้นเขาจึงเอนตัวเข้าไปในรถและโยนเสบียงของเขาให้กับถังเล่อ
“รอดหรือไม่รอดก็เรื่องของนาย”
ถังเล่อไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในกระเป๋า ดังนั้นเขาจึงจับมันและเฝ้าดูพวกเขาขับรถออกไป จนมองเห็นพวกเขาเป็นจุดสีดำในระยะไกล
ดวงตาของเขาแดงก่ำ เขาทิ้งกระเป๋าลง และทันใดนั้นก็รีบผลักเว่ยเสียงอย่างแรง
“พี่นั่นแหละ! พี่ทำให้พี่น้องเดือดร้อน!”
คนอื่น ๆ ไม่พูดอะไรสักคำ แต่พวกเขาก็แสดงสีหน้าเห็นด้วย
เมื่อนึกย้อนไปถึงวันที่เขาออกมาพร้อมกับเว่ยเสียง ไม่ว่าผลประโยชน์ที่เขามอบให้มันจะมากมายแค่ไหน ตอนนี้มันก็ไร้ประโยชน์
หน้าอกของเว่ยเสียงกระเพื่อมขึ้นลง เขาคว้าถังเล่อและต่อยเข้าที่ใบหน้าของเขา
ทั้งสองตะลุมบอนกันในทันทีและใช้ความสามารถของพวกเขาในการต่อสู้ในภายหลัง
สุดท้ายไม่รู้ว่าใครตะโกนว่า
“กระเป๋าที่พี่ใหญ่สวีฉีให้พวกเรามา ข้างในมีน้ำดื่ม!”
เว่ยเสียงและถังเล่อหยุดการกระทำนั้นทันที
ถังเล่อถอนหายใจด้วยความโล่งอก มองเว่ยเสียงและรีบวิ่งตามไปคุ้ยกระเป๋า
กระเป๋าของสวีฉีเป็นกระเป๋าเป้ธรรมดาซึ่งเป็นกระเป๋าเสบียงที่ซูเถาเตรียมให้ทุกคนก่อนออกเดินทาง
ทุก ๆ เช้า เธอจะแจกของใช้ประจำวัน เป็นน้ำดื่มสองขวด เครื่องดื่มอื่น ๆ หนึ่งขวด ช็อกโกแลตแท่งให้พลังงานสามแท่ง เนื้อแดดเดียวหนึ่งถุง ขนมปังกรอบสองห่อ ขนมปังสองแผ่น และกระดาษทิชชู่เปียกแบบใช้แล้วทิ้งหนึ่งห่อ ผ้าขนหนูสองผืน
จากมุมมองของซูเถา สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มากเกินไปหรือหายากเกินไป การให้พวกเขาวันละชุดเธอไม่ได้รู้สึกลำบากใจเลย เธอใจกว้างและตรงไปตรงมา
แต่ในสายตาของถังเล่อและคนอื่น ๆ มันต่างออกไป
เมื่อสิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้นท่ามกลางผู้คนมากมาย ก็รู้สึกราวกับมีสายฟ้าฟาดลงบนพื้น