ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 283 คุณหึงเหรอ
ตอนที่ 283 คุณหึงเหรอ?
ตอนที่ 283 คุณหึงเหรอ?
สือจื่อจิ้นเคยเจอเขา
แต่เคยเจอเขาตอนที่ตนเองเพิ่งเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เนื่องจากพลังความสามารถของเขา จึงได้รับการติดต่อให้เข้าร่วมหน่วยรบพิเศษฉางจิง แต่เขาก็ได้ปฏิเสธไปและเคยเจอเขาเพียงครั้งเดียว
สือจื่อจิ้นไม่อยากพูดถึงเรื่องเก่าอีก จึงเลี่ยงตอบไปว่า
“ผมเคยไปฉางจิงหลายครั้ง และอาจจะโชคดีเคยได้พบกับท่าน”
สวี่ฉางรู้สึกเสมอว่ามันไม่ใช่การประชุมง่าย ๆ แต่เขาแก่แล้ว และอากาศก็ร้อนจัดจนเขาคิดไม่ออก
ซูเถาวิ่งไปหาหลินฟางจือ และหยิบน้ำเย็นมาหนึ่งขวดแล้วส่งให้หัวหน้าสวี
“รับไว้นะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”
สวี่ฉางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเขาหยิบน้ำ ซึ่งน้ำขวดนี้เป็นน้ำเย็น แปลว่าในรถต้องมีตู้เย็นหรือผู้ที่มีพลังความสามารถในด้านนี้เป็นแน่
แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร มันก็แสดงให้เห็นว่าเถาเหยางนี้ไม่ขาดแคลนน้ำ และไม่ขาดแคลนเสบียง
มีบางอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับสถานที่เล็ก ๆ แห่งนี้
ตอนนี้ทางใต้เหมือนมีพลังอำนาจที่ดี
เมื่อเห็นว่าเขาแก่แล้ว และมีเหงื่อออกที่หน้าผากตลอดเวลาผสมกับเหนื่อยล้า ซูเถากลัวว่าเขาจะเป็นลมแดดหากอยู่ข้างนอกนานเกินไป เธอจึงเชิญเขา
“คุณสวี่ ถ้าไม่รังเกียจ เชิญคุณไปพักผ่อนในรถของเราได้ ในรถมีเครื่องปรับอากาศ และมีเตียงว่างสำหรับพักผ่อนด้วย”
หลังจากเหลยสิงล้างหัวแล้ว เข้าก็เดินมาพร้อมกับผมสั้นสีบลอนด์เปียก ๆ เมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้เขาก็เห็นด้วย
“พวกเราเป็นคนผิวหยาบและถึกทน ไม่กลัวต่อสภาพอากาศที่ร้อนหรอก ถ้าบนรถไม่มีเงื่อนไขอะไร คุณสามารถนั่งรถของเธอไปที่ซินตู แล้วเราจะขับรถตามไป”
ปากของสวี่ฉางกระตุก
เขาติดต่อกับทีมทหารรับจ้างมากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับคนที่ไม่เพียงไม่ยกยอเขา แต่ยังไม่สนใจเขามากนัก
แต่ต้องบอกว่าคนพวกนี้มีฝีมือจริง ๆ ระหว่างทางเจออันตรายมากมายแต่สุดท้ายก็รอดมาได้อย่างปลอดภัย
สวี่ฉางตามซูเถาเข้าไปในรถ
ซูเถากางโซฟาในห้องนั่งเล่นของรถบ้านออก และที่นั่งสามารถเพิ่มเป็นสองเท่าซึ่งเทียบเท่ากับเตียงขนาด 1.5 เมตร กางผ้าม่านออก และกลายเป็นพื้นที่พักผ่อนส่วนตัวขนาดเล็ก
เสียงเครื่องปรับอากาศในรถมีเสียงลมออกมาอย่างแผ่วเบา และใช้เวลาเพียงไม่นานความเย็นก็แผ่กระจายไปทั่ว
ซูเถามอบผ้าห่มให้เขาหนึ่งผืน
แม้ว่าหัวหน้าสวี่จะรอบรู้ แต่เขาก็ยังคิดว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจจริง ๆ
เขากล่าวขอบคุณเธอทันทีหลังจากนั้นก็เอนตัวลง เขาไม่สามารถบังคับเปลือกตาของเขาได้ เขาง่วงและเหนื่อยมาก เนื่องจากเขามีความเครียดตลอดทาง ทำให้เขานอนไม่ค่อยหลับ และตอนนี้ความง่วงก็ถาโถมหาเขาอย่างหนัก
ซูเถาปิดไฟและประตูรถ และปล่อยเสวี่ยเตาให้นอนอยู่บนรถ
หลังจากลงจากรถ เธอก็มองไปที่สือจื่อจิ้น
“ต้าจุ่ยบอกฉันว่า คุณเป็นคู่แข่งอะไรกับเหลยสิงเหรอ”
สือจื่อจิ้นมองเขาอย่างจริงจัง
“ผมไม่อยากให้เขาคุยกับคุณ”
ซูเถาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมาดัง ๆ
“พลตรีสือ คุณเปลี่ยนไปนะ คุณหึงเหรอ”
สือจื่อจิ้นถามเธอว่า “แล้วหึงได้ไหม?”
“ก็หึงไปแล้วนี่ ทำไมเพิ่งมาถามล่ะ” ซูเถายิ้มพร้อมกับเลิกคิ้ว
เมื่อเห็นหญิงสาวคลี่ยิ้มออกมา สือจื่อจิ้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
แต่เหลยสิงซึ่งเฝ้าดูพวกเขาพูดคุยและหัวเราะกลับยิ้มไม่ออก
เขาเช็ดผมอย่างลวก ๆ และถามต้าจุ่ย
“ฉันสู้คนแซ่สือนั่นไม่ได้ตรงไหน”
ต้าจุ่ยส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “ไม่มีอะไรที่สู้ไม่ได้”
จากนั้นเหลยสิงก็ถามออกมาอย่างทอดถอนใจ “แล้วทำไมซูเถาไม่ยิ้มให้ฉันแบบนี้”
ต้าจุ่ยกล่าวว่า “นั่นเป็นเพราะเถ้าแก่ซูไม่รู้จักคุณดี และถูกหลอกโดยวาทศิลป์ของคนแซ่สือ”
เหลยสิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของพักพวกเขาเท่าไหร่นัก และหันไปถามหั่วเสอ
หั่วเสอเป็นคนบ้าบิ่น เขาก็เลยพูดอะไรออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม “เหล่าต้า จะมามัวแข่งขันอะไรกันล่ะ มันไม่ใช่วิถีลูกผู้ชาย ถ้าชอบเธอก็ฉุดเธอมาเลยสิ!”
เหลยสิงตาสว่างขึ้นมาทันควัน
สำหรับวิธีการฉุดนั้น แน่นอนว่ามันดีกว่าการแสดงออกอย่างเนิบ ๆ ของสือจื่อจิ้น!
ทั้งสองทีมหยุดที่จุดแวะพักเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้วเดินทางต่อบนท้องถนน
ใช้อีกสี่ชั่วโมงเราจะถึงซินตู
แม้ว่ารถออกตัวไป หัวหน้าสวี่ก็ยังไม่ตื่นขึ้น เขานอนหลับสนิท
ซูเถาไม่ได้รบกวนเขา และไปให้อาหารสัตว์เลี้ยงทั้งสองอย่างเบามือ
ไม่สิ ตอนนี้มีสามตัวแล้ว
หลิงอวี่ยังคงไม่เต็มใจที่จะกิน มันดื่มน้ำไปนิดหน่อย และจากนั้นก็เดินไปรอบ ๆ กรงอีกครั้ง
ซูเถายื่นนิ้วออกมาแตะหัวเล็ก ๆ ของมัน
หลิงอวี่กระพือปีกของมัน ปล่อยความโศกเศร้าออกมา และฝังศีรษะของมันให้ลึกลงไปอีก
เฮ้อ ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน
ในเวลานี้เครื่องสื่อสารของเธอก็ดังขึ้น เป็นซ่งเยว่ปินโทรมา
เขาไปถึงที่ซินตูก่อนเธอ ในขณะนี้ผู้ค้ามนุษย์ทั้งสองยังคงถูกมัดไว้ในรถของเขา โดยถามว่าซูเถาจะมาถึงเมื่อไหร่ เนื่องจากทั้งสองคนป่วยเป็นโรคลมแดดและอาการไม่ค่อยดี
ซูเถารีบพูดว่า “อีกสี่ชั่วโมง คุณพาพวกเขาไปหาที่เย็น ๆ อยู่สักพัก ให้อยู่เฉย ๆ พวกเขาต้องไม่ตาย”
สองคนนี้เป็นเพียงเบาะแสเดียวที่บอกพิกัดของน้องสาวเจียงอวี่ และมันคงน่าเสียดายเกินไปหากพวกเขาจะชิงตายไปก่อน
หลังจากวางสาย ซูเถาขอให้สือจื่อจิ้นขับเร็วขึ้น
สือจื่อจิ้นรับหน้าที่เป็นคนขับรถ และนำขบวนรถมุ่งไปที่ซินตู
เหลยสิงเห็นพวกเขาเร่งความเร็วและติดตามพวกเขาเหมือนการแข่งขัน
ทั้งสองทีมแข่งกันบนถนนอีกครั้ง
สวี่ฉางไม่รู้ว่าเขาหลับไปนานแค่ไหน แต่ในที่สุดเขาก็ตื่นขึ้นมา และพบว่าเขามาถึงซินตูแล้ว
เขาลูบขมับของเขา เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะหลับลึกและสบายขนาดนี้
มีคิวยาวอยู่นอกประตูฐานซินตู ทุกคนหลั่งไหลเข้าร่วมการประชุม
คิวด้านนอกนั้นยาว บางคนใจร้อน เลยรีบลงจากรถแล้ววิ่งไป
ซูเถาโทรหาซ่งเยว่ปินและถามว่าเขาอยู่ที่ไหน
เสียงของซ่งเยว่ปินดังมาจากด้านหลัง “เถ้าแก่ซู! ทางนี้ ทางนี้!”
เจียงอวี่ปรากฏตัวขึ้นจ้องมองมาที่เขาอย่างใกล้ชิด
“พวกเขาอยู่ที่ไหน?”
ซ่งเยว่ปินร้อนจนเหงื่อท่วมเหมือนปลาเพิ่งขึ้นจากน้ำ “ตามผมมา ผมยัดพวกเขาไว้ในท้ายรถ”
สือจื่อจิ้นบอกให้เฉินเทียนเจียวไปกับเขา
เมื่อเห็นเช่นนี้เหลยสิงก็ทำตาม
ผู้ค้ามนุษย์ทั้ง 2 รายถูกมัดมือมัดเท้าและหมดสติ เมื่อเปิดหลังรถออก มีกลิ่นปัสสาวะโชยมา
ซูเถาถอยหลังไปสองก้าว
ซงเยว่ปินพูดอย่างเขินอาย “ผมกลัวว่าพวกเขาจะหนีไป ตลอดทางที่เดินทางมาที่นี่ ผมไม่กล้าปล่อยพวกเขาไปไหนแม้กระทั่งปล่อยให้พวกเขาลงจากรถเพื่อไปขับถ่าย…”
ซูเถา “…ขอบคุณนะคะ ฉันทำให้คุณลำบากเลย ฉันต้องให้พวกเขาออกมาก่อน ดีที่อากาศเย็นลงแล้ว”
เจียงอวี่เป็นคนแรกที่ขึ้นไปทำงานสกปรกประเภทนี้ และลากพวกเขาออกมาด้วยมือข้างเดียวแล้วโยนพวกเขาลงบนพื้นพร้อมฉีดพวกเขาด้วยสายยาง
ทั้งสองไอสองครั้งและเปิดปากดื่มน้ำโดยสัญชาตญาณ
ใช้เวลาสักครู่ในการฟื้นตัวขึ้น
เมื่อเจียงอวี่เห็นพวกเขาตื่นขึ้น เขาก็เข้าไปลากตัวชายคนหนึ่งที่มีดวงตาแดงก่ำขึ้นมา
“เด็กผู้หญิงที่แกซื้อตัวเมื่อสามปีที่แล้วอยู่ที่ไหน! ถ้าแกไม่บอกให้ชัดเจน ฉันจะฆ่าแก!”
เขาบีบมือของชายคนนั้นจนเส้นเลือดของเขาก็ปูดออกมา
ดวงตาของชายคนนั้นเบิกกว้าง ปากของเขาเปิดเพียงครึ่งเดียว แต่เขาไม่สามารถส่งเสียงได้มากนัก เห็นได้ชัดว่าเขาหายใจลำบากเล็กน้อย
ซูเถาตะโกนจากด้านข้าง “เจียงอวี่! ใจเย็น ๆ!”
จากนั้นเจียงอวี่ก็ปล่อยมือ แต่ตัวเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ชายคนนั้นพูดด้วยความยากลำบาก “ใช่คนที่ชื่อเจียงถงไหม เธอตายแล้ว”