ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 294 ฐานทัพเคลื่อนที่
ตอนที่ 294 ฐานทัพเคลื่อนที่
ตอนที่ 294 ฐานทัพเคลื่อนที่
เมื่อจั๋วเอ่อร์เฉิงคิดถึงเถาหยาง เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงงานที่มอบหมายให้เจียงจิ่นเวย
เหตุผลที่ก่อนหน้านี้เขาให้เธออยู่ที่ตงหยางต่อก็เพื่อให้เธอได้พบกับน้องสาวต่างมารดา และฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง
แต่กลับกลายเป็นว่าเธอไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย
จั๋วเอ่อร์เฉิงส่ายศีรษะด้วยความเหนื่อยใจ เดิมทีเขาต้องการพาเจียงจิ่นเวยขึ้นเป็นภรรยาของเขา แต่ตอนนี้เมื่อเขาคิดเรื่องนี้ดี ๆ แล้ว ดูเหมือนว่าฉิงฉิงจะเหมาะสมมากกว่า
หลิงเทียนจี้เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน “เดี๋ยวก่อน พวกเราอย่าเพิ่งเร่งรีบไปพบกับคนจากเถาหยาง รอดูไปก่อน บางทีพวกเขาอาจมีดีแค่เปลือกนอก และมีคนอื่นอยู่เบื้องหลังพวกเขา”
จั๋วเอ่อร์เฉิงก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
การที่ทางนั้นมีเสบียงมากมายและสร้างเถาหยางขึ้นมาจากที่รกร้างสู่สวรรค์ในปัจจุบันในเวลาเพียงครึ่งปี หากกล่าวว่าไม่มีความช่วยเหลือและภูมิหลังจากข้างนอกก็แทบจะไม่มีใครเชื่อ
จั๋วเอ่อร์เฉิงได้ยินเรื่องซุบซิบมา
“ผมได้ยินมาว่าเถ้าแก่ของพวกเขามีความสามารถในการสร้างอาคารสูง สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไมเถาหยางถึงพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่เรื่องของเสบียงเรายังหาเหตุผลอ้างอิงในเรื่องนั้นไม่ได้”
หลิงเทียนจี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“จริง ๆ เรื่องนี้ก็พอจะเข้าใจได้ เนื่องจากเจ้านายที่อยู่ทางเหนือนามว่าลั่วเหยียนเขาก็สามารถผลิตและดัดแปลงฐานทัพเคลื่อนที่ได้ด้วยมือเปล่า ฐานทัพเคลื่อนที่นี้มีไว้สำหรับการดำรงชีวิตและการโจมตี พวกมันใช้งานได้จริง และภายในเวลาสองปีเขาก็ผูกขาดอุตสาหกรรมการขนส่งในทางเหนือ ไม่ว่าฐานขนาดเล็กหรือใหญ่ทางตอนใต้อย่างพวกเราก็ต้องเข้าหาเขาหากต้องการสิ่ง ๆ นั้น
ลั่วเหยียนเหรอ จั๋วเอ่อร์เฉิงเคยได้ยินชื่อนี้ปรากฏขึ้นทางตอนเหนือเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เขาเป็นคนที่ไม่มีอะไรมาก่อน แต่ตอนนี้เขากลายเป็นตัวละครหลัก โดยอาศัยความสามารถของเขาในการผลิตและดัดแปลงฐานเคลื่อนที่
ได้ยินมาว่าในปีนี้เขายังได้แต่งงานกับหญิงที่น่าหลงใหลคนหนึ่ง และเธอมีความต้องการที่จะเลี้ยงแมว ดังนั้นลั่วเหยียนจึงส่งคนไปทุกที่เพื่อตามหาแมวให้เธอ
หลายทีมที่ต้องการผูกมิตรกับลั่วเหยียนหรือต้องการทำการค้าขายกับเขาล้วนช่วยกันออกตามหาและเสนอรางวัลราคาสูงสำหรับลูกแมวดี ๆ จากทั่วทุกแห่ง
จั๋วเอ่อร์เฉิงจำชินชิลล่าสีขาวที่เขาให้เจียงจิ่นเวยได้
แมวตัวนั้นหน้าตาดีมาก ใคร ๆ ที่เห็นก็บอกว่ามันสวยแต่นิสัยไม่ดีและก้าวร้าวเกินไป
เจียงจิ่นเวยไม่ต้องการมัน ดังนั้นผู้เพาะพันธุ์จึงต้องขายต่อ ต่อมาได้ยินมาว่ามันถูกส่งคืนหลายครั้ง และในที่สุดก็ถูกซื้อโดยร้านขายสัตว์เลี้ยงในซินตูในราคาต่ำ
หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับแมวตัวนั้น
แมวก้าวร้าวแบบนี้คงไม่มีใครชอบ นับประสาอะไรกับภรรยาตัวน้อยของลั่วเหยียน
ความคิดของจั๋วเอ่อร์เฉิงลอยไปไกลเล็กน้อย และเขาถูกดึงกลับมาโดยการถอนหายใจของเจ้านายของเขา
“ความสามารถของลั่วเหยียนค่อนข้างคล้ายกับคนที่อยู่เบื้องหลังเถาหยาง แต่แตกต่างกันคือลั่วเหยียนทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาหมกมุ่นอยู่กับการพิชิตและการขยายตัว เพื่อให้ฐานทัพเคลื่อนที่ของเขาวิ่งข้ามทางเหนือและทางใต้ของแม่น้ำ ในขณะที่เถาหยาง…เหมือนจะค่อยเป็นค่อยไป มีการวางแผนเองอย่างรอบคอบและค่อย ๆ พัฒนา”
“คนที่เราส่งไปดู บอกว่ากลุ่มผู้รอดชีวิตหรือคนไร้บ้านรวมตัวกันรอบ ๆ เถาหยาง ทางเถาหยางก็ได้ช่วยพวกเขาเป็นครั้งคราว ว่ากันว่าเถาหยางแข็งแกร่งมาก ดูเหมือนว่าเถาหยางจะมีมนุษยธรรมกว่าลั่วเหยียน”
ช่วงนี้จั๋วเอ่อร์เฉิงยุ่งอยู่กับเรื่องการประชุมสุดยอดพันธมิตร เขาก็เลยไม่ได้ตามข่าวเท่าไหร่ ดังนั้นเขาก็เลยพลาดข่าวนี้ไป
หลิงเทียนจี้เคาะนิ้วของเขาลงบนโต๊ะ “ฉันได้ยินมาว่าผู้อาวุโสในตงหยางต้องการส่งมอบตงหยางให้กับเถาหยางเพื่อจัดการดูแล เขาอาจจะอยากรวมสองดินแดนนี้เข้าด้วยกัน”
จั๋วเอ่อร์เฉิงรู้สึกประหลาดใจ “เป็นไปได้ยังไงที่ผู้อาวุโสสิงที่ยอมผิดใจกับสหายที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา และออกไปต่อสู้เพื่อตงหยาง กลับยินดีที่จะปล่อยพื้นที่ที่เขาดูแลและทุ่มเทมาเป็นเวลา 20 ปีไป?”
เมื่อคิดในอีกแง่หนึ่ง จั๋วเอ่อร์เฉิงจะไม่ยอมทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้ และจะไม่ยอมยกสิ่งที่เข้าสร้างมาให้ใคร!
หลิงเทียนจี้ก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน เพราบางครั้งข่าวลือก็ไม่ใช่ความจริง…
“ช่างมันเถอะ ตอนนี้เขาไม่อยากจะคิดอะไรมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือทำให้การประชุมสุดยอดพันธมิตรประสบความสำเร็จและลุล่วงไปได้ด้วยดี ไม่เช่นนั้นหากคนแซ่สวี่เห็นว่าเราจัดการทุกอย่างได้ไม่ดี คนซวยจะเป็นเราเอง”
จั๋วเอ่อร์เฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “หัวหน้าสวี่มีลูกสาวคนหนึ่ง เป็นเด็กที่ไม่รู้ประสา เธอถูกลักพาตัวและสูญหายไปหลายปีแล้ว เราควรช่วยตามหาเธอหรือเปล่า”
หลิงเทียนจี้ส่ายหัวของเขา “หัวหน้าสวี่มีคอนเนคชั่นที่กว้างขวางกว่าเรามาก ถ้าเขายังหาไม่เจอ แล้วอย่างเราจะไปช่วยอะไรเขาได้? เราช่วยตัวเองให้พ้นจากปัญหาก่อนดีกว่า ว่าจะทำวิธีไหนให้มีประสิทธิภาพที่สุดเพื่อให้เขาพอใจ ทำให้การประชุมในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี”
……
ตอนกลางคืนซูเถากลับไปตรวจสอบรถเธออีกครั้ง และคราวนี้ก็พึงพอใจมาก ยกเว้นไฟหน้าที่ไม่ตรงและเห็นร่องรอยการซ่อมแซมบางส่วน ส่วนการซ่อมแซมที่เหลือค่อนข้างดี
เธอจ่ายเงินโดยไม่ลังเลไป 8,000 เหลียนปัง และช่างซ่อมบอกว่าเขาชื่นชมในตัวเธอ ดังนั้นเขาจึงให้ส่วนลดกับเธอ 20%
เมื่อส่งช่างซ่อมและลูกน้องออกไปแล้ว ซูเถาก็สัมผัสมันด้วยความรัก และขอให้ฟางจือนำรถเหล่านี้เก็บเข้าไปในพื้นที่
เพื่อที่จะไม่มีใครสามารถมายุ่งกับรถของเธอได้อีก
สือจื่อจิ้นดูอิจฉาเล็กน้อย หลังจากกลับถึงห้องพัก เฉินเทียนเจียวก็ให้คำแนะนำที่ไม่ดีแก่เขา
“เหล่าต้า ไม่รู้ว่ากู้หมิงฉือเขาไปซื้อรถคันนี้มาจากไหน เขาต้องไม่ได้ทำอย่างตรงไปตรงมาหรือมีเอกสารรับรองอะไรแน่ ๆ ขอแค่คุณเห็นด้วย เมื่อกลับไปที่ตงหยาง เราสามารถหาข้ออ้างเพื่อตรวจสอบ แล้วหาคนลากรถออกไป จากนั้นคุณก็ค่อยซื้อรถคันใหม่ที่ดีกว่าให้กับเถ้าแก่ซูดีไหม”
ใบหน้าของสือจื่อจิ้นเข้มขึ้นทันที และเขาก็ปฏิเสธคำแนะนำนั้น
เถาเถาของเขาพอใจรถคันนั้นแค่ไหนเขาเห็นอยู่เต็มสองตา เขาไม่สามารถทำอะไรให้เธอเจ็บปวดใจได้
และเขาไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น ถ้าเธอชอบมันก็ให้เธอใช้ไป และหากว่ามีโอกาสเขาค่อยหาคันใหม่ที่ดีกว่านี้ให้เธอ
ว่าแต่มันจะเป็นรถอะไรดี?
หากต้องการหารถที่ดีที่สุดทั้งในทางตอนเหนือและตอนใต้ ต้องไปหาลั่วเหยียน
ตงหยางวางแผนที่จะซื้อยานพาหนะจากเขาเมื่อปีที่แล้วเพื่อใช้ในภารกิจของกองทัพบุกเบิก
ฐานทัพเคลื่อนที่ขนาดกลางสามารถรองรับคนได้ 20 คน มีเตียง ห้องสุขา และห้องครัว และหากเพิ่มเงิน พาหนะก็สามารถติดตั้งอาวุธขนาดใหญ่ได้ ซึ่งเทียบเท่ากับป้อมปราการเคลื่อนที่ได้
แต่สือจื่อจิ้นปฏิเสธเพราะลั่วเหยียนเป็นคนโลภ
ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาต้องการเงินเป็นจำนวนมาก และเขาก็เสนอราคาให้ลูกคาในราคาที่สูงลิ่ว เขาสู้เอาเงินจำนวนมากนั้นไปสร้างห้องเรียนเพิ่มเติมที่ศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็กไม่ดีกว่าเหรอ
สือจื่อจิ้นคำนวณเงินออมในบัญชีของเขา บางทีเขาอาจจะซื้อรถคันเล็ก ๆ ให้เถาเถาได้
ซูเถาไม่รู้ว่ามีชายหนุ่มกำลังหมกมุ่นและต้องการซื้อรถให้เธอ เมื่อเธอตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ผู้อาวุโสเหม่ยก็โทรหาเธอให้มาทำการก่อสร้าง
การก่อสร้างโดยรวมของโรงเรียนประถมตงหยาง และวิทยาลัยต่าง ๆ ก็ดำเนินงานไปได้หนึ่งในสามแล้ว
เป็นผลให้ทรัพย์สินทั้งหมดของเธอลดลงเหลือเพียงหนึ่งล้านเหลียนปัง
การสร้างโรงเรียนแพงจริง ๆ
แต่ผลลัพธ์ก็ยังมีนัยสำคัญอย่างมาก เธอได้ยินจากผู้อาวุโสเหม่ยว่า บรรยากาศการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ที่นั่งอยู่ในห้องเรียนใหม่นั้นดีมาก และอัตราการลงทะเบียนก็เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาสั้น ๆ
อุณหภูมิในโรงเรียนเหมาะสม โต๊ะ เก้าอี้และม้านั่งเป็นของใหม่ทั้งหมด และตราบใดที่น้ำในห้องน้ำไม่เสีย ก็สามารถใช้ได้อย่างไร้กังวล อีกทั้งยังสามารถซื้ออาหารราคาถูกและอร่อยได้จากตู้ขายของอัตโนมัติที่ชั้นล่าง…
ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ผู้ปกครองที่จะมาเยี่ยมโรงเรียนก็รู้สึกอิจฉาและอยากพาตัวเองเข้าไปด้านในด้วย
นี่ขนาดเธอสร้างไปหนึ่งในสามเท่านั้น เธอยังเหลือในส่วนของโรงยิม อาคารปฏิบัติการ อาคารศูนย์กิจกรรม โรงอาหาร 3 ชั้น ฯลฯ ที่ยังไม่ได้สร้าง