ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 295 ลูกชายเสเพลกลับมาแล้ว
ตอนที่ 295 ลูกชายเสเพลกลับมาแล้ว
ตอนที่ 295 ลูกชายเสเพลกลับมาแล้ว
สือจื่อเยว่เพิ่งเริ่มรู้สึกว่าการไปโรงเรียนไม่ได้ทรมานอีกต่อไปแล้ว
ของบางอย่างที่เมื่อก่อนเคยซื้อได้ในเถาหยาง ตอนนี้ที่ตงหยางก็สามารถหาซื้อได้ในโรงเรียนแล้วเช่นกัน ที่เถาหยางสะดวกสบายแค่ไหน ที่โรงเรียนก็ไม่ต่างกัน
เธอรู้สึกมีความสุขกับการใช้ชีวิตในโรงเรียนมากขึ้น และการเรียนที่โรงเรียนก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น แม้แต่หลี่รุ่ยลี่ที่เคยต่อต้านก็ยอมรับมัน
หลี่รุ่นลี่รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย
ไม่ใช่ว่าสือจื่อเยว่ยั่วยุเธอ แต่เนื่องจากครอบครัวของเธอตัดสินใจไม่ย้ายไปที่ซินตูแล้ว ครอบครัวของป้าจึงดูถูกครอบครัวเธอเป็นอย่างมาก และแม้แต่ลูกพี่ลูกน้องของป้าก็ยังเยาะเย้ยเธอทางโซเชียลมีเดีย
มันทำให้เธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก เธอเริ่มไปหาสือจื่อเยว่และถามว่า
“ที่โรงเรียนของเราจะให้นักเรียนจากฐานอื่นมาสมัครเข้าเรียนไหม”
สือจื่อเยว่ตกตะลึง “เรื่องนี้ฉันไม่รู้หรอก”
หลี่รุ่ยลี่แสดงสีหน้าผิดหวัง
“เธอสนิทสนมกับเถ้าแก่เถาหยางไม่ใช่เหรอ? ในอนาคตเธอเป็นคนรับผิดชอบโรงเรียนของเรา เธอลองไปถามหน่อยได้ไหม”
“แล้วเธอมาถามถึงเรื่องนี้ทำไม?”
หลี่รุ่ยลี่พูดด้วยความโกรธ “ฉันมีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งที่เรียนอยู่ที่ซินตู เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด ทั้งยังหัวเราะเยาะและบอกว่าฉันฝันกลางวัน เขาถ่ายวิดีโอโรงเรียนของพวกเขาให้ฉันดู แต่ฉันคิดว่าเมื่อโรงเรียนของเราสร้างเสร็จ มันจะดีกว่าของซินตู แน่นอนว่าถ้าเขารู้ว่าโรงเรียนของเราดีกว่าของเขาเป็นสิบเท่า เขาต้องอิจฉาและอยากมาที่นี่แน่ ๆ”
สือจื่อเยว่ได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกไม่พอใจเหมือนกันที่ถูกเยาะเย้ย “ลูกพี่ลูกน้องของเธอน่ารำคาญนิดหน่อยนะ อย่ามาโรงเรียนของเราดีกว่า”
หลี่รุ่ยลี่ที่ถูกเยาะเย้ยอย่างรุนแรงก็พยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า
“ใช่ ไม่ต้องให้เขามาที่นี่เป็นการดีที่สุด ให้เขามองดูพวกเราด้วยความอิจฉาไป!”
“ไว้ฉันจะช่วยถามให้เธอ!”
เมื่อซูเถาได้ยินคำถามนี้เธอก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ใช่ ระยะเวลาอันใกล้นี้คงไม่ได้เปิดรับนักเรียนจากฐานอื่น ถึงแม้ว่าโรงเรียนของเธอจะมีขนาดใหญ่ แต่เมื่อพี่ทำการปรับปรุงซ่อมแซมมันขึ้นมาใหม่แล้ว นักเรียนของตงหยางที่จะมาลงทะเบียนก็คงไม่เพียงพอด้วยซ้ำ”
สือจื่อเยว่รู้สึกโล่งใจ “ผู้คนในซินตูน่ารำคาญจริง ๆ พวกเขาชอบพูดจาแดกดัน หนูไม่ต้องการให้พวกเขามาที่นี่”
หลังจากพูดจบ เธอก็แอบถามว่า “ช่วงนี้พี่ชายของหนูเป็นยังไงบ้าง”
ดูเหมือนว่าช่วงนี้พี่ชายของตนเองจะเริ่มคิดได้ และตัดสินใจที่จะเริ่มจีบพี่เถาจื่อแล้ว เขาถึงกับมาถามน้องสาวอย่างเธอว่าพวกผู้หญิงชอบแบบไหน
มาใช้ชีวิตอยู่กับพี่เถาจื่อมันไม่ดีตรงไหน ถึงเวลาแล้วที่พี่ชายของเธอจะต้องปลดภาระบางอย่างที่เขาแบกไว้บนบ่ามานาน
ซูเถาบอกว่า “เมื่อมาถึงซินตูเขาก็กลายเป็นคนยุ่งขึ้นมาทันที ทุกคนต้องการเชิญเขาไปเลี้ยงข้าวต้อนรับ เธออยากจะคุยกับเขาใช่ไหม?”
สือจื่อเยว่แสร้งทำเป็นถอนหายใจและพูดว่า
“หนูแค่เป็นห่วงเขานิดหน่อย เพราะก่อนหน้านี้เขามีอาการบาดเจ็บมากมาย เวลาเป็นอะไรเขาก็ชอบไม่พูด พี่เถาจื่ออยู่ทางโน้นช่วยดูแลเขาด้วยนะคะ”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ซูเถาก็เริ่มเป็นห่วงเขาขึ้นมา เธอกลัวว่าเขาจะมีอาการบาดเจ็บแต่ไม่ได้พูดออกมา
“ได้เลย ไม่ต้องห่วงนะ”
เมื่อสือจื่อจิ้นกลับมาจากการออกไปพบปะผู้คน ซูเถาก็ดูจะให้ความใส่ใจเขาเป็นพิเศษ
เธอคอยเฝ้าสังเกตอาการของเขาเวลากินข้าว เผื่อเขาจะเผลอแสดงความเจ็บปวดออกมา…แต่ปรากฏว่าไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นบราวนี่ออนไลน์
สือจื่อจิ้นเงยหน้าขึ้นมองเธอ เขาเอียงคอเล็กน้อยแล้วถามเธอว่า
“ผมออกไปเจอผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง”
ซูเถาตกตะลึง เธอไม่ได้ตั้งใจจะจับผิดเขา!
สือจื่อจิ้นกลัวว่าเธอจะไม่เชื่อเขา “เฉินเหล่าเอ้อร์สามารถเป็นพยานได้ ในตอนบ่ายก็มีงานเลี้ยง ไว้ผมจะพาคุณไปด้วยถ้าคุณอยากไป”
“เปล่า…ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณไปเถอะ”
ตอนบ่ายซูเถาไม่กล้าออกมาจากห้อง เพราะกลัวเขาจะลากเธอไปจริง ๆ และเธอเองก็ยุ่งมากเหมือนกัน
การก่อสร้างของเธอไม่มีที่สิ้นสุด เธอยังต้องเรียนรู้เรื่องการวางแผนขั้นพื้นฐานจากเจิ้งซิง ภายใต้แรงกดดันของผู้อาวุโสเหม่ย
เธอคิดว่าตอนบ่ายจะอยู่อย่างสงบ แต่จู่ ๆ หั่วเสอก็มาหาในขณะที่เธอเพิ่งเริ่มทำงาน
เขานำกล่องของขวัญนั้นมาให้เธอ ซึ่งเป็นของที่เหลยสิงเตรียมไว้ให้เธอตอนที่นัดกันเมื่อวานนี้
ซูเถาส่ายหัวและไม่ยอมรับ “ฉันขอโทษ แต่ฉันพูดกับเขาไปชัดเจนมากแล้ว”
หั่วเสอแอบมีความรู้สึกไม่พอใจ จากนั้นเขาก็ดึงดันต่อไปว่า
“เถ้าแก่ซู การที่คุณไม่ได้รับความรู้สึกของเหล่าต้าเอาไว้ คุณก็ต้องให้เหตุผลกับเขาเพื่อให้เขาเข้าใจ? อย่าพูดอะไรที่ไม่เหมาะสม มันฟังดูเหมือนข้อแก้ตัว”
ซูเถาพูดไม่ออก
“ฉันไม่คิดว่ามันเป็นข้อแก้ตัว ความรู้สึกเป็นเรื่องส่วนตัวมาก ฉันชื่นชมในตัวกัปตันเหลย แต่ฉันไม่ได้มีความรู้สึกระหว่างชายหญิงกับเขา โปรดเข้าใจด้วย”
หั่วเสอยัดกล่องของขวัญนั้นใส่มือซูเถา
“ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะคิดยังไง แต่เหล่าต้าของเราใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้สิ่งนี้มา เขาต้องการนำมันมาให้คุณ แต่ถ้าคุณไม่อยากได้คุณก็โยนมันทิ้งไปแล้วกัน”
จู่ ๆ ซูเถาก็รู้สึกว่ากล่องของขวัญในมือของเธอร้อนผ่าวขึ้นมา
“เหล่าต้าฝากผมมาบอกอะไรบางอย่างแก่คุณ ถ้าคุณปฏิเสธ เขาก็ไม่ถือสา แต่เขาจะไม่ยอมแพ้ หากคุณไม่เห็นน้ำใจและความจริงใจของเขา ก็ขอเวลาสักพักให้เขากับ…”
หั่วเสอเชิดคางไปทางห้องของสือจื่อจิ้น ‘แข่งขันกับเขาอย่างยุติธรรม’
ซูเถาได้กลิ่นความยุ่งเหยิงของความสัมพันธ์ ทำไมจู่ ๆ เธอต้องรู้สึกปวดหัวกับเรื่องนี้
หั่วเสอเริ่มจริงจังมากขึ้น “เถ้าแก่ซู พวกเราเชื่อใจคุณมาก และเราคงจะดีใจมากถ้าคุณและเหล่าต้าได้คบหากัน แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือเขาชอบคุณจริง ๆ อย่าหาว่าเราพูดแรงเลยนะ ถ้าตอนนี้คุณไล่ให้เขาไปตาย เขาก็คงไปตายตามที่คุณบอก และพอตายไปแล้วเขาก็คงจะเพิ่งรู้สึกผิดต่อพี่น้องอย่างเรา”
ซูเถาไม่รู้จะพูดอะไร เธอได้แต่ยืนอึ้งไม่ได้โต้ตอบ
หั่วเสอกลับไปแล้ว เธอยังยืนอยู่คนเดียวที่ประตูโดยถือกล่องของขวัญนี้อยู่เป็นเวลานาน
เธอรู้สึกปวดหัวนิดหน่อย ก็เลยวางกล่องของขวัญลงแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง
กับเหลยสิงคนนี้ จะให้เธอบอกว่าไม่ได้ซาบซึ้งใจอะไรก็คงจะโกหก
เธอเฝ้าถามตัวเองหลายครั้งว่าตนเองชอบเหลยสิงไหม รักเขาไหม รู้สึกหวั่นไหวกับการแสดงออกของเขาบ้างไหม
ตรงกันข้าม เธอรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม เธอรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถรับความรักอันลึกซึ้งของเขาไว้ได้
ซูเถาเกาหัวพร้อมกับลุกขึ้นนั่งและมองไปที่กล่องของขวัญ และตัดสินใจที่จะหาโอกาสส่งคืนให้กับเหลยสิง และยืนยันในความรู้สึกของเธออีกครั้ง
อีกาน้อยหลิงอวี่กระพือปีกและเรียกเธอว่า
“เถ้าแก่ซู เถ้าแก่ซู”
ซูเถารู้ว่ามันเลียนแบบภาษาจากหั่วเสอ เจ้าตัวเล็กนี้มีความสามารถในการเรียนรู้ที่แข็งแกร่ง และสามารถจดจำได้หลังจากฟังไม่กี่ครั้ง
ทุกวันนี้เธอเฝ้าดูแลมันเป็นอย่างดี กลัวว่ามันจะอดตายหากไม่ยอมกินอาหาร เธอจึงพยายามหาอะไรใหม่ ๆ มาให้มันกินและถ้ามันไม่กิน เธอก็จะจับมันบังคับป้อนอาหารมัน
เวลาว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เธอก็ชอบมานั่งคุยกับมัน
“คุณชื่อเถ้าแก่ซู คุณชื่อเถ้าแก่ซู” หลิงอวี่ดูมีความสุขกับการเรียกชื่อเธอ
ซูเถารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มันมีความสุขเพราะมันรู้จักชื่อของเธอ
“อะไรทำให้แกอารมณ์ดีเหรอ?” ซูเถาถาม
หลิงอวี่เอียงศีรษะแล้วพูดว่า “เหล่าเซวียบอกว่าต้องจำชื่อเจ้าของให้ได้”
หัวใจของซูเถาอ่อนลง นี่ถือว่ามันยอมรับเธอแล้วใช่ไหม?
ขณะเดียวกันเฉียนหลินก็มาเคาะประตูของเธอ
ทันทีที่เปิดออก ก็เห็นว่าเธอกำลังถือตะกร้าส้มจี๊ดใบเล็ก ๆ มา
ซูเถารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและพูดว่า “เอามาจากไหนเหรอคะ”
เฉียนหลินเองก็มีความสุขมาก “เป็นเมล็ดพันธุ์ที่หัวหน้าทีมซ่งนำมาให้เรา พอดีว่ามีเมล็ดส้มจี๊ดด้วย อู๋เจิ้นก็เลยพยายามเพาะเมล็ดเหล่านี้ แต่เขาคิดไม่ถึงเหมือนกันว่ามันจะประสบความสำเร็จภายในระยะเวลาสามวัน ก็เลยเอามาให้คุณลองชิมดูก่อน”
ซูเถาหยิบมาหนึ่งลูกและแกะเปลือกกิน มันหวานจริง ๆ และเมื่อเห็นหลิงอวี่จ้องตรงมาที่เธอ เธอก็แบ่งให้มันหนึ่งกลีบ
หลิงอวี่จิกเข้าปากและกลืนมันลงคอ “มันเรียกว่าอะไร?”
ซูเถาสอนว่า “ส้ม”
“เอาส้มอีก เอาส้มอีก”
หลิงอวี่ทำตัวเหมือนเป็นเครื่องเสียงจริง ๆ จนเสวี่ยเตารู้สึกรำคาญมาก และต้องไปซ่อนตัวอยู่ในห้องของเฉียนหรงหรงเพื่อเข้านอน
ส่วนเฮยจือหม่า…ไม่รู้หายไปไหนเหมือนกัน มันอยู่ไม่ติดห้องเลยจริง ๆ
ซูเถาสงสัยว่ามันคงออกไปเที่ยวเตร่ข้างนอก
เธอคิดเรื่องนี้ได้ไม่เท่าไหร่ ในตอนกลางคืนที่มืดสนิท เธอก็ได้ยินเสียงเกาประตู และเมื่อเธอเปิดประตูห้องออกมาเธอก็ต้องตกใจมาก!
เฮยจือหม่าพาแมวสีขาวขนยาวแสนสวยกลับมาด้วย!
ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือแมวสีขาวคาบลูกที่หายใจรวยรินอยู่ในปาก!