ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 3 ผู้มาเยือนยามวิกาล (รีไรท์)
ตอนที่ 3 ผู้มาเยือนยามวิกาล (รีไรท์)
ตอนที่ 3 ผู้มาเยือนยามวิกาล (รีไรท์)
ซูเถารู้สึกว่าจินตนาการของเธอนั้นโลดแล่นยิ่งขึ้น
เธอสามารถเป็นเจ้าของอสังหาฯ ได้แม้ว่าเธอจะยากจน ดังนั้นการเทเลพอร์ตจึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาด
เธอแตะคีย์การ์ดเปิดประตู และขนย้ายของที่ซื้อมาเข้าไปด้านใน
ถุงนอน โถสุขภัณฑ์ และกะละมัง 1 ชุดถูกวางไว้ในห้องเดี่ยว และอีก 1 ชุดวางไว้ในห้องของตนเอง
ซูเถาเริ่มโหมดเช่าอีกครั้ง
[เงื่อนไขการเช่าเสร็จสมบูรณ์ ขอให้โฮสต์เลือกโหมดการเช่ารายวัน เช่าระยะสั้น เช่ารายเดือน หรือเช่ารายปี หลังจากเลือกแล้ว ราคาและการตกแต่งจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายในเวลาที่กำหนด]
ซูเถาคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจเริ่มต้นจากการเช่ารายวันก่อน
เธอยังไม่มีประสบการณ์ในฐานะเจ้าของหอพักและนี่ก็เป็นครั้งแรกของเธอ งั้นเธอจะลองสังเกตการณ์ดูเป็นรายวันไปก่อน
[ห้องเดี่ยวหมายเลข 001 เปิดให้เช่ารายวันตามระบบการตกแต่งภายใน ค่าเช่ารายวันอยู่ที่ 100 เหลียนปัง หากคุณต้องการเพิ่มค่าเช่า ขอให้โฮสต์ซื้อของตกแต่งบ้านคุณภาพสูงขึ้น]
ซูเถา “…”
แต่ถ้าคิดให้ดีก็ไม่ควรกังวลกับการเช่าในราคานี้
ประการแรก การเช่าห้องธรรมดารายวันในฐานตงหยางที่ไม่มีห้องครัวและห้องน้ำแยก มีค่าใช้จ่าย 80 เหลียนปัง และต้องมีคะแนนสมทบพื้นฐาน 5 คะแนน
ทั้งยังมีการขาดตลาดบ่อยครั้ง ผู้ที่ไม่สามารถหาห้องส่วนตัวได้ ต้องอาศัยอยู่ในบ้านเช่าราคาต่ำสำหรับ 20 คนเท่านั้น ค่าเช่าเตียงต่อเดือนคือ 600 เหลียนปังและคะแนนสมทบอีก 10 คะแนน ไม่แยกชายหญิง นอนรวมห้องเดียวกันและสภาพค่อนข้างแย่
แม้ว่าห้องเดี่ยวในเถาหยางของเธอจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอ แต่ก็ยังถือว่าดีกว่ามาก มีพื้นที่อิสระและไม่ต้องการคะแนนสมทบ
คะแนนสมทบนั้นหายากกว่าเหรียญของรัฐบาลกลางด้วยซ้ำ
อีกประการหนึ่งเธอมั่นใจมากเพราะที่ดินนี้อยู่ใกล้ประตู 2 และมีกองทัพบุกเบิกผ่านไปมาบ่อย ๆ
ผู้ที่สามารถอยู่รอดในกองทัพชายแดนได้คือคนร่ำรวย เป็นผู้ที่ทำภารกิจที่เสี่ยงอันตรายและได้รับค่าคอมมิชชันสูงสุด
การเช่าบ้านนี้ไม่ใช่ปัญหาน่ากลุ้มใจ
สำหรับอาหารค่ำ ซูเถาที่รู้สึกเบื่ออาหารจึงใช้เงิน 2 เหลียนปังเพื่อซื้อพายเนื้อ 1 ชิ้น เมื่อมองไปที่บัญชีของเธอเหลือเงินเพียง 23 เหลียนปัง ก็เริ่มรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมา
ต้องรีบชักชวนลูกค้าเพื่อหาเงิน
ตกกลางคืน ด้านนอกมีฝนตกโหมกระหน่ำและในบางครั้งก็ได้ยินเสียงคำรามของซอมบี้หนึ่งหรือสองตัว ซึ่งทำให้เธอหดตัวเข้าไปในถุงนอน
โชคดีที่กำแพงรั้วลวดหนามไฟฟ้าของเถาหย่างค่อนข้างเชื่อถือได้ ซอมบี้จึงไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ และรับประกันความปลอดภัย
เธอนอนห่อตัวอยู่ในถุงนอนท่ามกลางห้องที่ว่างเปล่า เหม่อมองเพดานแล้วถอนหายใจ
โชคดีที่ตอนนี้เป็นเพียงฤดูใบไม้ผลิและอากาศในตอนกลางคืนไม่ได้หนาวมากนัก ไม่เช่นนั้นถุงนอนที่ทรุดโทรมนี้จะไม่สามารถให้ความอบอุ่นได้เลย
เธอตัดสินใจอีกครั้งว่าเธอต้องการเงิน! นอนเตียงใหญ่! ใช้น้ำร้อน! กดฮีตเตอร์ให้พื้นร้อนด้วย!
ซูเถาผล็อยหลับไปพร้อมกับความตื่นเต้น
แม้ว่าจะไร้ซึ่งครอบครัว แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างไม่มีใครเทียบได้
ไม่ต้องกังวลกับการอาศัยอยู่ในห้องน้ำขนาดเล็กและเย็นเฉียบอีกต่อไป ไม่ต้องกังวลว่าเจียงจิ่นเวยจะทุบประตูและตะโกนว่าต้องการเข้าห้องน้ำ
ไม่ต้องกังวลว่าเสี่ยวถังโต้วจะมาฉี่บนเตียงของเธอ
นี่คือบ้านของเธอ
ซูเถาซึ่งอยู่ในห้วงความฝันอันแสนหวานตื่นขึ้น และระบบแม่บ้านอัจฉริยะด้านนอกประตูก็ส่งเสียงแจ้งเตือน
ซูเถาตื่นขึ้นและรีบลุกขึ้นจากที่นอนทันควัน เธอรู้สึกหวาดวิตกเล็กน้อย
ฟังจากเสียงเหมือนมีการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่อยู่ข้างนอก
หัวใจของซูเถาสั่นสะท้านเธอมองจอวีดีโออินเตอร์คอม*[1] แน่นอนว่าเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณเจ็ดหรือแปดคนซึ่งทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ และมีชายหมดสติสองคนที่ร่างกายโชกไปด้วยเลือด
สายฝนนั้นทำให้เลือดเจิ่งนองอยู่บนพื้นชวนสยอดสยอง
ซูเถาตกใจ แต่เมื่อเห็นเครื่องแต่งกายของพวกเขาอย่างชัดเจนจึงรีบเปิดประตู
พวกเขาคือกองทัพผู้บุกเบิก!
คาดว่าได้รับบาดเจ็บระหว่างปฏิบัติภารกิจ และมันคงสายเกินไปหากจะกลับไปที่ฐาน ดังนั้นเขาจึงต้องเลือกเถาหยางซึ่งเป็นสถานที่ที่ใกล้ที่สุด
ซูเถาเคารพและชื่นชมพวกเขามาก ท้ายที่สุดหากปราศจากกองทัพผู้บุกเบิกเพื่อกวาดล้างซอมบี้ และรวบรวมเสบียงข้างนอกสภาพความเป็นอยู่ของฐานอาจเลวร้ายยิ่งกว่านี้
“รีบเข้ามา รีบเข้ามา” เธอเห็นฝูงซอมบี้ติดอยู่ที่รั้วไฟฟ้าไม่ไกลนัก และพวกมันกำลังจะหลุดพ้นจากสิ่งพันธนาการเข้ามา
ก่อนที่คนกลุ่มหนึ่งจะได้มีเวลาพูดอะไรมากกว่านี้ พวกเขาก็รีบเข้ามา ทำให้เลือดสีแดงฉานและน้ำฝนหยดปะปนเปรอะเปื้อนไปทั่วห้องนั่งเล่นของซูเถา
ในไม่ช้าคนที่มีความสามารถในการรักษาก็เริ่มลงมือรักษาคนที่บาดเจ็บสาหัสที่สุด ฝ่ามือซีดเซียวของเขาปัดป่ายไปที่บาดแผลอันน่ากลัว แต่อาการบาดเจ็บค่อนข้างรุนแรง หน้าท้องของคนคนนั้นถูกซอมบี้กัดกินจนเกือบหมด ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีใดก็ไม่สามารถห้ามเลือดได้
เป็นครั้งแรกที่ซูเถาเห็นคนตายอย่างเปิดเผยต่อหน้าต่อตา ร่างกายของเธอแข็งทื่อทำสิ่งใดไม่ถูก
ผู้ใช้พลังเหนือธรรมชาติของแผนกการรักษาได้ทุบพื้นอย่างรุนแรง นอนร้องไห้บนศพของเพื่อนร่วมทีมอย่างเงียบ ๆ
ทุกคนนิ่งเงียบไปราวครึ่งนาที ผู้นำชายสวมเครื่องแบบทหารสีดำและติดอินทรธนูของนายพลใหญ่ที่ร่างกายเปียกโชกไปด้วยหยาดฝนและคราบเลือดเอ่ยพูดกับซูเถา
“พวกเราคือกองพลที่เจ็ดของกองทัพบุกเบิก และผมคือกัปตันสือจื่อจิ้น วันนี้เราพบซอมบี้ที่มีวิวัฒนาการสองตัวระหว่างการปฏิบัติภารกิจ ซึ่งทำให้รองกัปตันของเราได้รับบาดเจ็บสาหัส ระหว่างการล่าถอย หากไม่ใช่เพราะรั้วไฟฟ้าที่อยู่ข้างนอกช่วยเราในการยับยั้งซอมบี้ไว้ พวกเราทุกคนอาจไม่รอด”
ขณะที่เขาพูด ก็หยุดกะทันหันและคำนับซูเถาด้วยท่าทางแบบมาตรฐานทางทหารเพื่อแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจที่สุดของเขา
ซูเถารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“เช่นนั้น…ผมต้องขอโทษด้วยที่ต้องมีคนเสียชีวิตในบ้านของคุณ เราจะจัดการมันเดี๋ยวนี้ และขอโทษที่สร้างปัญหาด้วย” กัปตันพูดด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็กลับสู่ความสงบตามปกติอย่างรวดเร็ว
จากนั้นซูเถาก็รีบพูดว่า “ไม่เป็นไร ๆ พวกคุณควรพักผ่อนที่นี่ก่อนสักคืน”
พูดจบเธอก็ออกจากห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่ากลับไปที่ห้องนอนอย่างเงียบ ๆ ทิ้งสือจื่อจิ้นและพรรคพวกของเขาไว้
เธอนอนหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืนและยังฝันร้ายเกี่ยวกับซอมบี้ที่บุกเข้ามาถึงบริเวณรั้วไฟฟ้า ทำให้เธอสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความตกใจ เหงื่อเย็นผุดซึมเต็มหน้าผาก
จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าตนเองถูกขังอยู่ที่บ้านนานเกินไป มองเห็นโลกเพียงด้านเดียวเท่านั้น เธอห่างไกลจากการตระหนักถึงอันตรายที่อยู่ด้านนอก
เมื่อซูเถาออกมาในตอนเช้า เธอพบว่าจื่อจิ้นและทีมของเขาได้ทำความสะอาดห้องนั่งเล่นที่เปื้อนเลือดแล้ว และศพของเพื่อนร่วมทีมที่ตายก็ถูกบรรจุใส่ลงในถุงเก็บศพที่พวกเขาถือมาด้วย
ซูเถาไม่สามารถทนมองได้อีกต่อไปได้ และถามว่า “พวกคุณจะไปแล้วเหรอ”
สือจื่อจิ้นกำลังบรรจุลูกกระสุนปืนเข้าแม็กกาซีน เมื่อได้ยินคำพูดนั้นจึงเอ่ยตอบ “ใช่ กลับไปแก้แค้น”
เขาพูดขึ้นอย่างใจเย็น แต่น้ำเสียงที่ซูเถาได้ยินจากเขานั้นมันแฝงไปด้วยความเกลียดชังอย่างสุดขีดจากเหตุการณ์ในวันก่อน
หลังจากล้างคราบเลือดบนใบหน้าแล้ว ก็สามารถเห็นใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาได้อย่างชัดเจน ผิวพรรณของเขาดูหยาบกร้านเล็กน้อยจากการต่อสู้เอาชีวิตรอดระยะยาวในป่า
แต่ถ้าลอบมองอย่างละเอียด จะเห็นดวงตาที่เรียวสวย หางตายกขึ้นเล็กน้อย ดั้งจมูกเรียวเล็ก
มีรอยแผลเป็นที่หางคิ้วด้านซ้ายเหมือนถูกของมีคมบาด ทำให้ใบหน้าของเขาดูดุดันขึ้นเล็กน้อย
ซูเถารู้สึกว่าชายคนนี้ต้องมีอายุไม่เกินสามสิบปีอย่างแน่นอน
“อ้อ ใช่แล้ว เมื่อกี้ผมออกไปและเห็นว่าบ้านของคุณน่าจะเป็นห้องพัก?”
ซูเถาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ มีห้องที่กำลังปล่อยเช่าอยู่”
“พ่อแม่ของคุณเป็นคนเปิดเหรอ? พ่อแม่ของคุณเป็นใครกัน” สือจื่อจิ้นถามอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อคืนมันวุ่นวายเกินไปและเขาไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้ คนที่จะเปิดกิจการในพื้นที่ปลอดภัยขนาดใหญ่ได้ต้องเป็นคนที่รวยมาก
แต่ตั้งแต่เขาเหยียบย่างเข้ามาที่นี่ก็เห็นเพียงหญิงสาวร่างบอบบางคนนี้ ซึ่งดูเหมือนจะยังไม่บรรลุนิติภาวะ
ซูเถากล่าวว่า “ฉันเป็นคนเปิดเอง เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ข้าง ๆ ยังมีห้องเดี่ยวอีกหนึ่งห้อง บางทีเพื่อนร่วมทีมที่บาดเจ็บของคุณซึ่งยังอยู่ในอาการสาหัสสามารถพักที่นี่สักสองสามวันก่อนได้ ค่าเช่ารายวันเพียง 100 เหลียนปัง ใช้บัตรของคุณรูดได้”
สมาชิกในทีมที่อยู่ข้าง ๆ เบิกตากว้าง มองมาที่เธออย่างไม่เชื่อจากนั้นกวาดสายตามองไปยังห้องที่ว่างเปล่า
“บ้านหลังนี้เป็นของคุณเหรอ?”
คนอื่น ๆ ก็มองตามด้วยความไม่เชื่อเช่นกัน
เจ้าของสถานที่ลึกลับเป็นหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะยังไม่บรรลุนิติภาวะ!
พวกเขามักคิดว่ามันเป็นสถานที่ส่วนตัวของเจ้านายระดับสูงในฐานทัพ
เพื่อนร่วมทีมทุกคนคาดเดาเกี่ยวกับภูมิหลังของซูเถา
สือจื่อจิ้นถามคำถามอีกหนึ่งข้อ “ต้องการคะแนนสมทบหรือเปล่า”
ซูเถาส่ายหัว “ไม่จำเป็น ค่าเช่าที่นี่จ่ายเป็นสกุลเงินเหลียนปัง”
สือจื่อจิ้นหยิบบัตรเพื่อจ่ายค่าเช่าสำหรับห้าวันในครั้งเดียวโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เฉินเหล่าเอ้อร์ต้องการห้องเดี่ยวเพื่อพักฟื้น และนอกจากนี้ต้องได้รับการปกป้องด้วยกำแพงลวดหนามไฟฟ้าขนาดใหญ่ ซึ่งปลอดภัยกว่าฐานตงหยาง
ซูเถามองไปที่เหรียญของรัฐบาลกลางอีก 500 เหลียนปังในบัญชี และยิ้มอย่างสดใส
“ห้องอยู่ทางซ้าย พวกคุณพาเขาเข้าไปได้เลย”
ชายสองสามคนไม่สนใจการจัดห้องที่เรียบง่าย พวกเขาวางรองเท้าไว้บนถุงนอนและทิ้งข้อความไว้ที่ตัวสื่อสารแล้วก็ออกไป
สือจื่อจิ้นยังให้ข้อมูลติดต่อแก่ซูเถา และกล่าวว่า
“เถ้าแก่ซู ขอฝากเขาไว้กับคุณสักสองสามวันก่อน และเราจะมารับเขาหลังจากที่เราล้างแค้นให้เขาแล้ว โปรดช่วยดูแลเขาด้วย และนี่คือเงินตอบแทน 1,000 เหลียนปัง ได้โปรดรับมันไว้”
ก่อนที่ซูเถาจะได้ตอบตกลง เงินในบัญชีก็ได้รับเพิ่มขึ้น 1,000 เหลียนปังแล้ว
[1] Video Intercom เมื่อผู้มาติดต่อกดกริ่งของระบบ Video Intercom เจ้าของบ้านสามารถรับรู้ได้ว่ามีแขกมา และเลือกที่จะเปิดประตูให้ผู้มาติดต่อผ่านหน้าจอแบบ Touchscreen ที่ถูกติดตั้งไว้ภายในบ้าน หรือผ่านทางโทรศัพท์มือถือ