ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 307 จัดการสิ่งสกปรก
ตอนที่ 307 จัดการสิ่งสกปรก
ตอนที่ 307 จัดการสิ่งสกปรก
กำหนดการสำหรับวันที่สองของการประชุมสุดยอดพันธมิตรจะคล้ายกับวันแรก แต่ต่างจากวันแรกตรงที่จะมีการรับประทานอาหารเย็นเพิ่มเข้ามา
วันที่สามและวันที่สี่เป็นงานจัดแสดงและประมูลสินค้า
ซูเถาเพิ่งมาถึงบูธของตงหยาง และกำลังจะดูว่าเมื่อวานนี้ขายเครื่องดื่มไปได้เท่าไหร่ สิงซูอวี่ก็พูดออกมาว่า “เมื่อกี้คนที่ชื่อเติ้งจื่อฉิงมาหาคุณ”
ซูเถาไม่รู้ชื่อของลูกสาวคนโตของครอบครัวเติ้ง จึงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนส่ายหัว “ฉันไม่รู้จัก”
ทันทีที่พูดจบ สิงซูอวี่ก็ชี้ไปข้างหลังเธอ “นั่นไง มาแล้ว”
ซูเถาหันกลับมาและรู้ทันทีว่าเป็นใคร เธอแค่ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หญิงสาวระแวดระวังเติ้งจื่อฉิงมาก แล้วการที่อีกฝ่ายมาหาตนเองก็ไม่น่าจะใช่เรื่องดี
เติ้งจื่อฉิงกล่าวอย่างสุภาพ
“คุณซู คุณนายเจียวต้องการมาขอโทษคุณ เมื่อวานนี้เธอพูดไม่ดี หลังจากกลับไปคิดเรื่องนี้แล้ว เธอรู้สึกผิดมาก จึงขอให้ฉันมานัดคุณในเช้าวันนี้ ถ้าไม่รังเกียจมื้อเที่ยงสะดวกรับประทานอาหารด้วยกันไหมคะ คุยกันดี ๆ เคลียร์ความเข้าใจผิดและมาเป็นเพื่อนกัน”
“คุณนายเจียวคือใคร” ซูเถาจงใจถาม
เติ้งจื่อฉิงแทบสำลัก สาวน้อยคนนี้มีความมั่นใจสูงมาก เธอกล้าที่จะทำให้คนอื่นขุ่นเคืองแม้ว่าตนเองจะไม่รู้จักอีกฝ่ายก็ตาม
ถ้าเรื่องในวันนี้สำเร็จก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ถือว่าเป็นบทเรียนให้ตัวเอง
“เป็นผู้หญิงสวย ๆ ที่สวมชุดเดรสสีแดงหางปลาเมื่อวานนี้” เติ้งจื่อฉิงอธิบายอย่างอดทนอดกลั้น
ซูเถายิ้มและพูดว่า “อ๋อ ฉันจำได้แล้ว คุณจะนัดฉันไปกินข้าวที่ไหน ห้องรับรองชั้นสามเหรอ”
ห้องอาหารบริการตนเองที่ชั้นหนึ่งนั้นเป็นของวัตถุดิบจากเถาหยาง ซึ่งค่อนข้างน่าเบื่อการขึ้นไปกินอาหารชั้นบนน่าจะมีสิ่งที่แปลกใหม่อยู่
เติ้งจื่อฉิงสำลักอีกครั้ง ห้องรับรองชั้นสามมันจองง่ายที่ไหนกัน?!
เธอต้องการถามซูเถาเป็นพิเศษว่าคิดว่าตนเองเป็นใครมาจากไหน ถึงต้องการขึ้นไปกินอาหารที่บนชั้นสามโดยที่ไม่ต้องเสียอะไรเลย แต่ก็พยายามอดกลั้นเอาไว้ พร้อมกับฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “มันขึ้นอยู่กับแพลนที่คุณนายเจียววางเอาไว้ ไว้เดี๋ยวฉันจะส่งข้อความไปถามเธออีกที”
“งั้นถ้าเธอวางแผนเสร็จแล้วค่อยมาเชิญฉันอีกทีก็ได้ค่ะ ฉันไปแน่นอน” ซูเถากล่าว
เติ้งจื่อฉิงระงับไฟโทสะก่อนที่จะถ่ายทอดคำพูดของซูเถาให้กับเจียวชิ่งและฉู่หมิงฟัง
เมื่อฉู่หมิงได้ยินในตอนแรก เธอก็บีบแก้วในมือจนแหลกเป็นเสี่ยง ๆ “เธอสมควรที่จะได้กินข้าวบนชั้นสามด้วยเหรอ?”
ห้องรับรองชั้นสามส่วนใหญ่ปรุงโดยเชฟมือทอง และยังมีเครื่องดื่มทุกชนิด แต่แค่มีเงินอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีฐานะทางสังคมด้วย อย่างเช่นเมื่อพ่อของฉู่หมิงมา ทางซินตูจะเชิญพ่อของเธอไปทานอาหารที่ชั้นสาม
การแสดงออกของเจียวชิ่งเต็มไปด้วยความฉุนเฉียว เธอรู้สึกว่าซูเถาไร้ยางอายและโลภมาก ในขณะเดียวกันก็กังวลว่าเรื่องนี้มันจะไม่สำเร็จ และสัญญาที่ฉู่หมิงบอกว่าที่จะส่งผู้ที่มีพลังวิเศษให้จะจบลง
สมองของเธอทำงานอย่างรวดเร็ว หันศีรษะขวับมองไปที่เติ้งจื่อฉิง และกระตุกยิ้ม
“ฉิงฉิง เธอสามารถคุยกับรองหัวหน้าจั๋วเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ ขอแค่เขาเอ่ยปาก”
ฉู่หมิงก็ตอบสนองเช่นกันและสัญญาทันที
“ฉิงฉิง ถ้าเธอเต็มใจช่วย ฉันจะให้ผลึกนิวเคลียสของผู้ที่มีพลังวิเศษแก่เธอ เธอสามารถเลือกอะไรก็ได้ที่เธอต้องการจากสิ่งที่ฉันมี”
หัวใจของเติ้งจื่อฉิงเต้นระรัว
ผลึกนิวเคลียสของผู้ที่มีพลังวิเศษ!
เท่าที่รู้มา ผลึกนิวเคลียสของผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ คนธรรมดาก็สามารถใช้ได้ และสามารถกลายเป็นผู้ที่มีพลังวิเศษได้ในระยะเวลาสั้น ๆ
เธอเป็นคนธรรมดา หากเธอทำตามแนวคิดของจั๋วเอ่อร์เฉิงก็ยิ่งตระหนักได้ว่าสถานะของผู้ที่มีพลังวิเศษนั้นสูงส่งเพียงใดในวันสิ้นโลกแบบนี้ และความแข็งแกร่งของมันมีความสำคัญเพียงใด
เธอกัดฟันและตอบตกลง
ในท้ายที่สุด เธอแก้ตัวว่าเธอรู้จักเพื่อนที่อยู่เถาหยาง และต้องการเชิญพวกเขาไปทานอาหารว่างบนชั้นสามเพื่อให้พวกเขาได้รู้จักกันมากขึ้น
แน่นอนว่าจั๋วเอ่อร์เฉิงเห็นด้วยทันทีที่ได้ยิน
เติ้งจื่อฉิงรู้สึกโล่งใจทันที
ในขณะเดียวกันเธอก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีว่าซินตูดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับเถาหยางค่อนข้างมาก และสิ่งที่เอ่อร์เฉิงพูดไม่ว่าจะในแง่มุมไหนก็หมายถึงการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเถาหยาง และไม่รุกรานคนของเถาหยาง
ซูเถานั่นมาจากไหน?
ซูเถา เถาหยาง?
มันไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ
เติ้งจื่อฉิงส่ายหัว ตอนนี้เธอจะถอยหลังไม่ได้แล้ว เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมุ่งไปข้างหน้า หากไม่ทำเช่นนั้น ฉู่หมิงจะต้องฆ่าเธอก่อนแน่นอน
เธอบอกฉู่หมิงว่าจองห้องรับรองสำเร็จแล้ว
ฉู่หมิงค่อนข้างเป็นคนสุรุ่ยสุร่าย ดังนั้นจึงหารายชื่อผู้ที่มีพลังวิเศษให้กับเธอ และขอให้เติ้งจื่อฉิงเลือกจากคลังผลึกนิวเคลียสของเธอ
ดวงตาของเติ้งจื่อฉิงจ้องเขม็ง หัวใจของเธอเต้นรัวเพราะความตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
การเกิดมาในครอบครัวที่เพียบพร้อมก็ไม่ได้แปลว่าเกิดมาพร้อมกับทักษะพิเศษ ฉู่หมิงไม่มีทักษะและนิสัยไม่ดี แต่เธอมีพ่อที่ดีที่รักเธอ และทุ่มเทให้กับเธอทุกอย่าง
ตระกูลฉู่เริ่มรวบรวมผลึกนิวเคลียสมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจากซอมบี้หรือผู้ที่มีพลังวิเศษ
สิ่งที่ฉู่หมิงแสดงให้เธอเห็นอาจเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง
เติ้งจื่อฉิงเลือกผลึกนิวเคลียสของผู้ที่มีพลังวิเศษที่มีลักษณะแข็งแกร่งและดุดัน
หลังจากได้รับมัน เธอก็รีบเก็บมันและแสดงรอยยิ้มที่ประจบประแจงกับฉู่หมิง
ฉู่หมิงมองไปที่อีกฝ่ายและพูดอย่างสุภาพว่า “การช่วยฉันทำสิ่งต่าง ๆ จะเป็นประโยชน์ต่อเธออย่างแน่นอน แล้วทางเหลาข่งไม่มีปัญหาใช่ไหม”
“เขารออยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้ว” เจียวชิ่งยิ้มอย่างมีเลศนัย
เมื่อนึกถึงใบหน้าเหี่ยวย่นของชายชรา ฉู่หมิงก็รู้สึกไม่สบาย ก่อนจะโบกมือแล้วพูดว่า
“ไปเรียกเด็กกะโปโลนั่นมา ฉันไม่สนหรอกว่าจะใช้วิธีไหนล่อเธอมาที่ห้องรับรอง แล้วเดี๋ยวฉันจะพาเหลยสิงเข้ามา เมื่อเรื่องนี้จบลง ฉันจะให้ผลึกนิวเคลียสแก่เธอด้วย นอกจากนี้ฉันจะส่งทีมทหารรับจ้างในมือไปช่วยงานติ้งหนานให้ฟรีหนึ่งครั้ง และทำทุกอย่างที่คุณต้องการ”
นี่เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมาก
มีเพียงผู้ฟุ่มเฟือยเช่นฉู่หมิงเท่านั้นที่เต็มใจจะจ่ายเงินในราคาสูงเพื่อทำร้ายเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ
เจียวชิ่งไม่สนใจมากนัก เธอคงเป็นคนโง่ที่จะไม่ฉวยโอกาสกับมัน แต่สำหรับเด็กหญิงคนนั้น เธอก็โชคร้ายเอง ไม่ว่าเธอจะพบเจอกับความโหดเหี้ยมอะไร มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ตัวเธอเองต้องสนใจ
ซูเถาไม่คาดคิดว่าพวกเธอจะจองห้องรับรองได้จริง ๆ เธอยิ้มโชว์ฟันขาวซี่เล็ก ๆ ของเธอแล้วพูดว่า
“ฉันพาเพื่อนไปด้วยได้ไหม”
การไปกินข้าวกันหลาย ๆ คนน่าจะสนุกมากกว่า
เติ้งจื่อฉิงรู้สึกว่ามาถึงจุดนี้แล้ว ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ควรปฏิเสธ สุดท้ายแล้วจึงกัดฟันและตอบตกลง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าซูเถาจะเรียกคนมาด้วยถึง 7-8 คน!
คนกลุ่มใหญ่ขึ้นไปที่ห้องรับรองชั้นบนอย่างมีความสุข
เติ้งจื่อฉิงเห็นชายคนนั้นที่อยู่ถัดจากซูเถาอีกครั้ง เธอเลยพยายามทำตัวเองให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ และต้องคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับวิธีการเคลียร์ตัวเองให้พ้นผิดเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ มันดีกว่าห้องอาหารที่ชั้น 1 มาก และอาหารเหล่านี้ก็เป็นการปรุงอย่างสดใหม่ทั้งหมด
เดิมทีเจียวชิ่งคิดว่าเธอจะได้ดูฝูงหมูป่ากินแกลบ แต่คิดไม่ถึงว่าคนเหล่านี้จะสงบมาก หลังจากกินเสร็จ พวกเขาทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันว่าฝีมือนี้ไม่สู้พ่อครัวฉิน
เจียวชิ่งเย้ยหยันในใจ พวกเขาคงแสร้งทำเป็นหมาป่าใหญ่ ถึงแม้ว่าจะเคยหรือไม่เคยกินก็ต้องสงวนท่าทีเอาไว้
เธอเดินไปหาซูเถาพร้อมกับเหล้าในมือ
“คุณซู ฉันขอโทษจริง ๆ กับเหตุการณ์เมื่อวาน ฉันพูดจาขวานผ่าซากไม่น่าฟัง ขอให้คุณอภัยให้ฉันด้วย”
คิดไม่ถึงว่าเมื่อเธอดื่มเหล้าแก้วนี้ไปครึ่งหนึ่ง เธอก็ทำมันหกเลอะกางเกงของซูเถา
“ขอโทษค่ะ ฉันจับไม่ถนัด ขอโทษจริง ๆ ค่ะ” เจียวชิ่งรีบหยิบกระดาษออกมาเช็ด ท่าทีของเธอก็ดูสำนึกผิดจริง ๆ
ซูเถามองไปที่เธอโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
เจียวชิ่งกังวลมากจนใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง
“มันเช็ดทำความสะอาดยากจริง ๆ เดี๋ยวฉันเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ ถ้าคุณสะดวก เชิญคุณซูไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับฉันที่ห้องน้ำไหมคะ อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง” ซูเถาพยักหน้าเห็นด้วยและยืนขึ้น
สือจื่อจิ้นจับมือซูเถา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และแสดงออกให้เธอรู้ว่าไม่ควรไป
“ฉันต้องจัดการสิ่งสกปรก” ซูเถายิ้มให้อีกฝ่ายและพูดบางอย่าง
สือจื่อจิ้นเข้าใจทันที จากนั้นก็ยืนขึ้นเพื่อติดตามเธอไป
ซูเถายิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ แต่กลับบีบมืออีกฝ่ายแน่น “ไม่เป็นไร มันอยู่ข้าง ๆ นี่เอง เดี๋ยวฉันกลับมา เชื่อฉันนะ พวกคุณกินข้าวก่อนเถอะ”
เจียวชิ่ง หัวเราะในใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เธอไร้เดียงสาและหลอกลวงง่ายจริง ๆ
ซูเถาเดินตามอีกฝ่ายออกจากห้องรับรองไป เห็นได้ชัดว่าห้องน้ำอยู่ข้าง ๆ แต่เธอกลับนำทางไปยังส่วนในสุดของชั้นสาม
ระหว่างทางเจียวชิ่งกำลังปล่อยพลัง ‘หลงใหล’ เธอคิดว่ามันน่าจะได้เวลาแล้ว และเมื่อกำลังจะหันหลังกลับ ก็มีบางอย่างที่คล้ายงูพันรอบคอของเธอ ร่างกายของเธอกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง และมีเลือดไหลลงมาอาบหน้า
เจียวชิ่งรู้สึกว่างเปล่า
คำถามหลากหลายผุดขึ้นในใจของเธอในทันที
มันถูกค้นพบเมื่อไหร่? เด็กนี่เสแสร้งตั้งแต่แรก?
ทำไมพลังหลงใหลถึงใช้ไม่ได้?
ซูเถาต้องการทำอะไร ฆ่าเธอเหรอ?
เจียวชิ่งตกใจมากจนตาของเธอแทบจะถลนออกมาจากเบ้า
ในเวลาเดียวกัน เธอเห็นว่าสิ่งที่พัวพันกับเธอยื่นออกมาจากข้อมือของซูเถา!
ด้วยความมึนงง เธอนึกถึงสร้อยข้อมือสีดำน่าเกลียดนั่นขึ้นมา…
ซูเถาเดินเข้ามาบีบใบหน้าของเธอแล้วถามว่า “ใครบอกให้เธอทำแบบนี้ ฉู่หมิงหรือเติ้งจื่อฉิง”