ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 310 วิ่งเปลือยกาย
ตอนที่ 310 วิ่งเปลือยกาย
ตอนที่ 310 วิ่งเปลือยกาย
เจียงจิ่นเวยไม่ค่อยคุ้นเคยกับผู้หญิงเหล่านี้ แต่เมื่อวานเธอแอบได้ยินผู้หญิงพวกนั้นพูดถึงเถาหยาง โดยบอกว่า เถาหยางไม่เพียงแต่มีเสบียงและน้ำสะอาดขายเท่านั้น แต่ยังมีห้องให้เช่าในสภาพดีอีกด้วย
ทว่าในความเป็นจริงเจียงจิ่นเวยไม่รู้จักเถาหยางเลย แต่เพื่อที่จะรวมเข้ากับวงสังคมในภาคใต้โดยเร็วที่สุด เธอเลยเลือกที่จะพูดว่ามีน้องสาวอาศัยอยู่ในเถาหยาง
เป็นไปดังคาด บรรดาคุณหญิงคุณนายเหล่านี้มีท่าทีต่อเธอแตกต่างไปจากเดิม
การปรากฏตัวของเถาหยางนั้นค่อนข้างกะทันหันเกินไป ก่อนที่การประชุมสุดยอดจะเริ่มขึ้น พวกเธอเพิ่งได้ยินว่ามีสถานที่เล็ก ๆ ที่อยู่ถัดจากตงหยางซึ่งขายเสบียงและแหล่งน้ำอยู่ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะมีผู้สมัครที่เป็นสมาชิกยังไม่มาก และยังต้องชำระด้วยผลึกนิวเคลียสถึงจะได้รับเสบียงจริง ๆ
แต่สมาชิกเหล่านั้นกลับเก็บข่าวเงียบไว้ เพราะกลัวว่ายิ่งมีคนรู้เรื่องนี้มากเท่าไหร่ โอกาสที่จะมีคนมาแย่งเสบียงก็มากขึ้นเท่านั้น
ในบรรดาคุณหญิงคุณนาย มีผู้ที่เป็นภรรยาของหนึ่งในสมาชิกรุ่นแรก ๆ ของเถาหยางอยู่คนหนึ่ง ทุกคนต่างก็รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเถาหยางจากปากผู้หญิงคนนี้
ผู้จัดการแซ่หม่าที่กระตือรือร้นมากในการประชุมสุดยอดพันธมิตรเมื่อวานนี้ ก็เป็นอีกคนหนึ่งซึ่งมาจากเถาหยางเช่นกัน ในเวลาเพียงสองวันเขาได้สร้างมิตรภาพมากมายกับยักษ์ใหญ่ทางใต้ในการประชุม ซึ่งนี่สามารถยืนยันสถานะของเถาหยางและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสถานที่แห่งนี้มากขึ้นไปอีก
แต่บางอย่างก็เป็นเรื่องของผู้ชาย ซึ่งเหล่าภรรยาไม่สามารถเข้าถึงได้ ดังนั้นพวกเธอจึงต้องหาวิธีอื่น โดยคิดว่าจะผูกมิตรกับญาติฝ่ายหญิงในเถาหยาง
ทันใดนั้นเจียงจิ่นเวยก็ปรากฏตัวขึ้น
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองเธอทันที ใจอยากจะให้เธอแนะนำน้องสาวที่อาศัยอยู่ในเถาหยางเต็มที่
เจียงจิ่นเวยรู้สึกเหนือกว่าอย่างอธิบายไม่ถูก ก่อนจะตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
ใครจะคิดว่านอกจากซูเถาจะไม่ให้เกียรติเธอแล้ว ยังปรายตามองอย่างเฉยเมย ก่อนถามว่า
“ฉันไม่รู้จักคุณ ใครเป็นน้องสาวของคุณกัน?”
เหล่าสตรีที่กำลังจะพูดต่างก็หยุดชะงักด้วยความลำบากใจ
หนึ่งในหมู่พวกเธอไม่สามารถอดทนเก็บอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอจ้องมองไปที่เจียงจิ่นเวย และกล่าว “เธอไม่รู้จักคุณ เป็นญาติประสาอะไร”
หญิงคนอื่น ๆ ก็พาลอารมณ์เสียเช่นกัน พวกเธอรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกหลอกเหมือนตัวตลก เหล่าสตรีต่างก็มองไปที่เจียงจิ่นเวยด้วยสายตาที่ไม่ปรานี
คนที่โดนหักหน้ากลางวงสนทนาโกรธมากจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
เธอคงลืมไปว่าเธอเองเป็นคนขับไล่ซูเถาออกจากบ้านตั้งแต่แรก และประกาศกร้าวว่าไม่มีน้องสาวอย่างซูเถา พอมาตอนนี้กลับหวังจะให้ซูเถานับญาติ สำหรับคนโดนกระทำแล้ว มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นที่จะให้อภัย
ซูเถาไม่ได้สนใจเจียงจิ่นเวยนัก เธอหันหน้าไปอีกทาง ก่อนจะส่งยิ้มให้เหล่าคุณหญิงคุณนายอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะ”
รอยยิ้มนั้นจริงใจมาก เมื่อประกอบกับอายุที่ยังน้อย เธอจึงได้รับความชื่นชอบจากผู้คนในทันที
หญิงมีอายุคนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ต้องขอโทษด้วยนะ ที่เมื่อครู่เกิดเรื่องไม่ควร ตอนแรกเธอบอกว่าคุณเป็นน้องสาวของเธอ พวกเราไม่ทันได้สืบหาความจริงจึงหลงเชื่อ หวังว่าคุณจะไม่ถือสา”
จากนั้นคนอื่น ๆ ก็เดินเข้ามาหาซูเถาทีละคน และจงใจผลักเจียงจิ่นเวยออกเพื่อพูดคุยกับเธอ
เจียงจิ่นเวยซวนเซจากการถูกผลักจนเกือบจะล้มลง
ก่อนจะตั้งหลักยืนอย่างมั่นคง สายตาจดจ้องไปที่ซูเถาซึ่งขณะนี้ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย ก็อดรู้สึกรำคาญปนงุนงงไม่ได้
ตั้งแต่เด็กจนโต คนที่ได้รับความสนใจน้อยที่สุดในบ้านคือซูเถา
หลี่หรงเหลียนแม่ของเธอแต่งงานกับซูเจี้ยนหมิงไม่ใช่เพราะโชคชะตาหรือความรักแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะหลี่หรงเหลียนตกหลุมรักบ้านของซูเจี้ยนหมิง ส่วนซูเจี้ยนหมิงก็เข้าหาตาของเธอเพราะตำแหน่งในตงหยาง
คนสองคนที่เคยมีครอบครัวของตัวเองมาอยู่ด้วยกันเพราะความต้องการที่แตกต่าง และความต้องการของพวกเขาก็ทำให้ซูเถาเกิดมา
ไม่นานหลังจากซูเถาเกิด ตาของเธอก็ถึงแก่กรรม เหลือเพียงหลี่หรงเหลียนผู้สิ้นหวังและลุงหลี่ที่ไม่รู้ว่าหายไปอยู่ที่ไหน
ท้ายที่สุดห่วงโซ่ผลประโยชน์ของการแต่งงานครั้งนี้ก็ต้องขาดสะบั้นลง เมื่อซูเจี้ยนหมิงรับลูกชายสองคนที่เกิดจากอดีตภรรยามาเลี้ยงดู
แน่นอนว่าหลี่หรงเหลียนเองโกรธมาก เธอเลยพาลูกที่เกิดจากอดีตสามีอย่างเจียงจิ่นเวยเข้ามาอยู่ในบ้านเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันเลยทีเดียว
ด้านซูเจี้ยนหมิงนั้นชื่นชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว และในตอนนั้นลูกชายทั้งสองก็มีแนวโน้มที่ดี ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจลูกสาวในบ้านอย่างเจียงจิ่นเวยและซูเถานัก
ส่วนหลี่หรงเหลียนผู้ซึ่งไม่เคยห่างจากเจียงจิ่นเวยตั้งแต่แรกและใช้เวลาอยู่กับลูกสาวของอดีตสามีมาเป็นเวลานานก็เข้าขากันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งจึงถูกแบ่งออกเป็นสองครอบครัวย่อยทันที และซูเถาก็กลายเป็นคนที่ถูกละเลยจากพ่อและแม่มากที่สุด
เจียงจิ่นเวยไม่เข้าใจว่า ซูเถากลายเป็นที่รักและมีค่าตั้งแต่เมื่อไหร่?
เพียงเพราะเธออาศัยอยู่ในเถาหยาง?
หรือเพราะว่าเธอได้คบหาผู้ชายดี ๆ!
ไม่อย่างนั้นเธอจะเข้าไปอยู่เถาหยางได้ยังไง?!
“คุณเป็นพี่สาวของซูเถาจริง ๆ เหรอ พี่สาวแท้ ๆ เลยเหรอ”
เจียงจิ่นเวยเงยหน้าขึ้น เห็นผู้หญิงที่กำลังคุยกับซูเถาในตอนนี้
เธอเย้ยหยัน “ถ้าคุณไม่เชื่อ ทำไมคุณยังถามฉันอีก”
เติ้งจื่อฉิงไม่เชื่อจริง ๆ “ก็พวกคุณดูไม่เหมือนกันสักนิด อีกอย่างคนหนึ่งแซ่ซู อีกคนแซ่เจียง ที่เธอบอกว่าไม่รู้จักคุณมันก็น่าเชื่ออยู่หรอก”
เจียงจิ่นเวยมองไปที่ซูเถาผู้ซึ่งหัวเราะเยาะเธอในฝูงชน พลันรู้สึกโมโหมากยิ่งขึ้น
“ฉันเป็นพี่สาวต่างพ่อของเธอ การที่เธอบอกว่าไม่รู้จักฉัน นั่นเป็นเพียงการทำให้ฉันอับอาย เธอต่อต้านฉันตั้งแต่เธอยังเด็ก แต่เธอโชคดีที่ได้เข้าไปอยู่ในเถาหยาง”
เติ้งจื่อฉิงเข้าใจประเด็นทันที “แปลว่าคุณกับเธอมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกันเหรอ”
เจียงจิ่นเวยพูดไม่ออก เพราะที่เติ้งจื่อฉิงพูดมานั้นถูกต้อง
เติ้งจื่อฉิงหัวเราะและเผยรอยยิ้มออกมา ถ้ามีคนไม่มาก เธอคงหัวเราะออกมาดังกว่านี้บราวนี่ออนไลน์
เจียงจิ่นเวยผู้นี้ไม่ฉลาดเอาเสียเลย!
ถ้าเธอเป็นเจียงจิ่นเวย เธอจะอ่อนน้อมและปฏิบัติต่อซูเถาดีกว่านี้พันเท่า เพื่อได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเถาหยาง และเพื่อที่จั๋วเอ่อร์เฉิงจะได้คิดว่าเธอมีค่า!
มันไม่มีอะไรดีขึ้นเลยเมื่อเจียงจิ่นเวยทำให้ซูเถาขุ่นเคือง
ไม่น่าแปลกใจที่เอ่อร์เฉิงบอกว่าเธอไม่มีเหตุผล
เติ้งจื่อฉิงรู้สึกว่าอีกไม่นานเจียงจิ่นเวยก็จะต้องกลับไปยังที่ที่เธอจากมา และหายไปจากข้างกายของจั๋วเอ่อร์เฉิงโดยที่เธอไม่จำเป็นต้องทำอะไร
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นในห้องจัดเลี้ยง
ซูเถาและคนอื่น ๆ ที่กำลังพูดคุยกันต่างก็ต้องตกใจกับเสียงดังกล่าว ทว่าซูเถาไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเนื่องจากมีมือใหญ่เลื่อนมาปิดตาเธอเอาไว้ กลิ่นที่คุ้นเคยเตะเข้าที่จมูกของเธอ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของมือนี้คือสือจื่อจิ้น
ซูเถาดันมือเขาออก “เกิดอะไรขึ้น ขอฉันดูหน่อย”
ทันทีที่เธอพูดจบ ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวก็พากันกรีดร้อง พร้อมกับสาปแช่งสิ่งที่พวกเธอเห็นออกมาไม่หยุด
เมื่อเติ้งจื่อฉิงเห็นผู้อาวุโสข่งวิ่งเปลือยกายไปที่กลางฟลอร์เต้นรำ เธอก็ตกใจเป็นอย่างมาก
ชายชรามีผิวเหี่ยวย่นที่ดูตื่นตัว ดวงตาของเขาพร่ามัว พยายามกระโดดเข้าหาเมื่อเห็นผู้คน ในตอนนี้ข่งเผิงจู่ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่น่ากลัวและน่าสมเพช
ข้างหลังเขาคือพนักงานที่กำลังตื่นตระหนก ใบหน้าของเธอซีดเซียวด้วยความตกใจ คอยอธิบายให้ผู้คนรอบข้างฟัง
“ฉันไปที่ห้องพักรับรองเพื่อทำความสะอาด แต่เขาก็พุ่งตัวออกมาทันทีที่ประตูเปิดออก ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น….”