ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 311 ล่าเจียว
ตอนที่ 311 ล่าเจียว
ตอนที่ 311 ล่าเจียว
ซูเถาได้ยินคำอธิบายนี้เต็มสองรูหู เธอหยุดดึงมือของสือจื่อจิ้นที่กำลังปิดตาตนเองอยู่ทันที
แน่นอนว่ามีชายชราคนหนึ่งอยู่ในห้องรับรองเพื่อรอให้เธอไปเป็นเหยื่อ
เจียวชิ่งน่าจะใช้พลังทำให้เขาเกิดอาการหลงใหลมัวเมาก่อนล่วงหน้า แต่เมื่อไม่ได้มีใครเข้าไปในห้องหลังจากนั้น ชายชราจึงช่วยตัวเองไม่ได้และวิ่งพล่านออกมาหาเหยื่อแบบนี้
สุดท้ายงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ดีจึงต้องพังลง
เวลาต่อมาผู้อาวุโสข่งก็ถูกมัดและถูกพาตัวออกไปในที่สุด
หลังจากเหตุการณ์ที่น่าขายหน้าแบบนี้เกิดขึ้น ทุกคนก็หมดความสนใจและทยอยแยกย้ายกันออกไป
หัวหน้าสวี่แห่งฉางจิงเพียงมองดูเรื่องตลกร้ายนี้ ไม่กล่าวอะไร
หลิงเทียนจี้รู้สึกเพียงว่าใบหน้าของเขาชาไปหมด จนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน กัปตันหลิงรู้สึกละอายใจมาก เอาแต่พร่ำขอโทษสวี่ฉาง
“มันเกิดเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม…”
สวี่ฉางตอบ “ผมคิดว่าอาการของผู้อาวุโสข่งไม่ปกติ คุณควรจะตรวจสอบว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะเรื่องนี้กำลังทำให้บรรดาแขกที่เป็นผู้หญิงหวาดวิตก
หลิงเทียนจี้จะพูดอะไรได้อีก เขาทำได้เพียงตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดเท่านั้น
ก่อนจะหันหน้าไปถามจั๋วเอ่อร์เฉิงว่าเกิดอะไรขึ้น
ทว่าจั๋วเอ่อร์เฉิงกลับสับสนยิ่งกว่าเขา ชายหนุ่มยุ่งทั้งวันจนไม่มีเวลาจะกลืนน้ำลายด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เอ่อร์เฉิงปวดหัวกับเรื่องนี้อย่างหนัก “ผมคิดว่าที่คุณข่งเป็นแบบนี้ น่าจะเป็นฝีมือของคุณนายเจียว เพราะเธอเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้ผู้คนไม่สนใจมารยาทและละทิ้งความละอายต่อความต้องการทางเพศได้”
เลือดของหลิงเทียนจี้พลุ่งพล่าน “ไปเรียกตัวเจียวชิ่งมา หรือไม่ก็ไปเรียกตัวสามีของเธอมาเดี๋ยวนี้! ฉันอยากจะรู้ว่าติ้งหนานจะรับผิดชอบกับเหตุการณ์วันนี้ยังไง! หากวันนี้เราไม่ได้รับคำอธิบายจากติ้งหนาน ก็จะไม่มีใครได้ออกไปจากซินตู!”
จั๋วเอ่อร์เฉิงวิ่งวุ่นเพราะเรื่องนี้ แต่ทุกคนในติ้งหนานบอกว่าพวกเขาไม่รู้เรื่อง และไม่เห็นเจียวชิ่งมานานแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน
จั๋วเอ่อร์เฉิงลากร่างกายที่เหนื่อยล้าของเขามาที่สำนักงานเตรียมพร้อมที่จะพักผ่อน แต่กลับถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ของเจียงจิ่นเวยทันทีที่เขานอนลง
“เอ่อร์เฉิง วันนี้คุณไม่คิดจะมาที่ห้องของฉันหน่อยเหรอ? เหตุการณ์ที่เกิดวันนี้ทำให้ฉันกลัว ฉัน…”
ก่อนที่เธอจะทันได้พูด จั๋วเอ๋อเฉิงก็วางหูโทรศัพท์ เขาหงุดหงิดเกินกว่าจะทนฟังคำพูดไร้สาระของเธอต่อ
หลังจากที่จมอยู่กับความโกรธอยู่พักหนึ่ง เขาก็ผล็อยหลับไปอย่างงัวเงีย เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าร่างกายถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมตัวเล็ก ๆ ของผู้หญิง
เติ้งจื่อฉิงผลักประตูเบา ๆ แล้วเข้ามา เมื่อเห็นว่าเขาตื่นแล้ว เธอจึงรินน้ำให้เขาหนึ่งแก้วและเตรียมแซนด์วิชร้อน ๆ ไว้ให้รองท้อง
“ฉันเห็นว่าคุณไม่ได้กินอะไรในงานเลี้ยง ฉันเลยเอาของพวกนี้มาให้ คุณหิวไหม จะกินเลยหรือเปล่า”
จั๋วเอ่อร์เฉิงพูดไม่ออก เขาจับมือเธอแล้วเอ่ย “ฉิงฉิง มานั่งนี่สิ”
เติ้งจื่อฉิงนั่งลงข้าง ๆ เขาและเอนกายเข้าหาเจ้าของเสียงอย่างเชื่อฟัง “เอ่อร์เฉิง คุณทำงานหนักมาก อยากให้ฉันช่วยแบ่งเบาอะไรคุณไหม?”
จั๋วเอ่อร์เฉิงมองเธออย่างซาบซึ้ง “ตอนกลางวันคุณบอกผมว่าคุณจะเชิญคนจากเถาหยางไปเลี้ยงข้าว มีคนเห็นว่าเจียวชิ่งก็ไปด้วย แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นเจียวชิ่งลงไปจากชั้นสามเลย ฉิงฉิงคนดี บอกผมได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
เติ้งจื่อฉิงเดาได้แล้วว่าเขากำลังจะถามเกี่ยวกับเจียวชิ่ง
“คุณนายเจียวทำเสื้อผ้าของคุณซูจากเถาหยางเลอะ เธอจึงนำคุณซูไปที่ห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่หลังจากนั้นเธอก็หายตัวไป คุณซูที่หาตัวเธอไม่เจอจึงต้องกลับมา ฉันพยายามติดต่อคุณนายเจียวแล้วแต่เธอก็ไม่รับโทรศัพท์”
ดวงตาของจั๋วเอ่อร์เฉิงหรี่ลง
เติ้งจื่อฉิงเริ่มเหงื่อออกอย่างกระวนกระวาย แต่ยิ่งเธอประหม่ามากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งสงบลงอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น
จั๋วเอ่อร์เฉิงมองเธออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ยิ้มและลูบเข้าที่ใบหน้าเธอ
“คุณกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงผม”
เติ้งจื่อฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเธอก็รีบกลับไปที่พักของเธอ ระหว่างทางกลับ เธอได้พบกับเจียงจิ่นเวยที่กำลังรีบร้อนเช่นเดียวกัน
ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังมองหาเอ่อร์เฉิง
เธอไม่พูดอะไร และเดินอ้อมเติ้งจื่อฉิงไป
แต่ดูเหมือนว่าเจียงจิ่นเวยจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบ สุดท้ายเธอก็ต้องกลับไปด้วยความสิ้นหวัง เมื่อเจียงจิ่นเวยกลับมา เธอก็ใช้ซูเจิ้งหลันเป็นกระสอบทรายและระบายอารมณ์คุกรุ่นของตัวเองออกไป
ด้านซูเถาเองก็กำลังร้อนใจมากไม่ต่างกัน ไม่ใช่เรื่องที่มีคนวิ่งเปลือยกายในระหว่างวัน แต่เป็นเพราะแม่แมวขาวข่วนหรงหรง
มีแผลลึกที่แขนของเธอ ดังนั้นซูเถาจึงเรียกเจี่ยนไคอวี่เพื่อมาห้ามเลือดและทำแผลในเวลากลางดึก
หรงหรงเองก็ตกใจเช่นกัน น้ำตาเธอไหลอาบหน้าและรู้สึกผิดอย่างยิ่ง
“ฉัน…ฉันได้ยินเสียงแม่ของหั่วเยี่ยนร้องอยู่ในห้อง ฉันคิดว่ามันน่าจะไม่มีอะไรกิน เลยเข้าไปเพราะอยากจะนำอาหารกระป๋องให้พวกมัน แต่พอฉันผลักประตูมันก็พุ่งเข้ามาข่วนและกัดฉัน”
ซูเถาปิดประตู ต้องการสั่งสอนแม่แมวขาว แต่เมื่อเจ้าแมวขาวเห็นว่าในห้องนี้เหลือแค่ซูเถากับมัน มันก็ออกจากใต้เตียงทันที พร้อมกับส่งเสียงร้องและเดินไปรอบ ๆ มันเกี่ยวเท้าเธอเบา ๆ หางของมันพองฟูใหญ่ ทำตัวราวกับเด็กเอาแต่ใจ
สุดท้ายไฟในใจของซูเถาก็ถูกดับโดยหางพวงใหญ่ของมัน
เธออุ้มแมวขาวขึ้นมา ตีเข้าที่อุ้งเท้าของมันเบา ๆ และพยายามสั่งสอน
“ดูสิ แกรังแกพี่สาวข้างนอก อีกทั้งยังกัดเธอจนเลือดออก ทำไมแกถึงดุร้ายอย่างนี้”
“ต่อไปนี้ฉันจะเรียกแกว่าล่าเจียว*[1] แสบดีนัก”
ไป๋ล่าเจียวดูเหมือนจะรู้ตัวว่าทำผิด มันจึงนอนห้อยหางลงและไม่กล้าขยับเขยื้อน
เฮยจือหม่าที่ยืนอยู่บนเตียงมองดูมัน และพึมพำไม่หยุด ไม่รู้ว่ามันกำลังอ้อนวอนขอความเมตตาหรือช่วยดุกันแน่
ช่างมันเถอะ
เธออุ้มล่าเจียวไปที่ห้องน้ำและอาบน้ำให้มัน ตัวมันสกปรกมาก กลุ่มขนติดกันเป็นก้อน
ในตอนแรกล่าเจียวพยายามต่อต้าน และดิ้นรนที่จะปีนออกจากอ่าง แต่ซูเถาดันมันกลับไปและฝึกให้มันรู้จักอดทน
เธอพบว่าจริง ๆ แล้วแมวสามารถเข้าใจคำพูดของมนุษย์ได้ ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนพูด
เพราะคนอื่น ๆ ต่างก็เป็นตัวร้ายในสายตาของล่าเจียว ยกเว้นเธอ
หลังจากอาบน้ำเป่าขนจนแห้งแล้ว ความสวยของแม่แมวขาวก็ฟื้นคืนมาอย่างสมบูรณ์
ดวงตาสีฟ้า ขนยาวนุ่มสลวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหางใหญ่ ๆ สั่นเบา ๆ นี้ทำให้ผู้คนเอ็นดูได้ไม่ยาก
เฉียนหรงหรงมองไปที่มันจากระยะไกลและเลือกที่จะให้อภัยทันที
ซ่งเยว่ปินมองตรงไปที่ดวงตาและใบหน้าที่สวยงามของแม่แมว จะเป็นอย่างไรถ้าเสี่ยวหั่วเยี่ยนเติบโตขึ้นและดูดีเหมือนแม่ของมัน
เขายังคงตามไปพูดกับซูเถาต่อว่า
“เถ้าแก่ซู เอาแบบนี้ไหม ผมรู้จักครูฝึกแมวที่สามารถช่วยคุณฝึกแมวตัวเมียตัวนี้ไม่ให้มันกัดหรือข่วนได้ จากนั้นผมจะหาแมวตัวผู้หน้าตาดีให้ฟรี เพื่อให้แม่แมวขาวให้กำเนิดลูกออกมาอีกสักครอกหนึ่ง มันคงน่ารักไม่น้อยไปกว่าหั่วเยี่ยนและผมจะไม่เอาลูกครอกนี้ของมันไป ดังนั้นคุณสามารถขายหั่วเยี่ยนให้ผมได้ไหม ผมยินดีที่จะให้ค่าตัวมันสามล้านเหลียนปัง คุณคิดว่ายังไง”
ซูเถาส่ายหัว “ฉันจะสอนเสี่ยวล่าเจียวด้วยตัวฉันเอง ก่อนหน้านี้มันทุกข์ทรมานมามากและมันรู้สึกไม่ปลอดภัย ต้องใช้เวลากว่ามันจะดีขึ้น อีกอย่าง ฉันดูเหมือนคนที่ขาดแคลนแมว ขาดแคลนเงินเหรอ”
ซ่งเยว่ปินกระซิบเบา ๆ “คุณไม่ขาดแมว แต่ขาดแคลนเงิน…เถ้าแก่ซู คุณไม่คิดเรื่องนี้จริง ๆ เหรอ? ผมคิดว่าผู้จัดการหม่าทำงานอย่างหนักเพื่อดึงดูดลูกค้าและหาเงินให้เถาหยาง เงินสามล้านเหลียนปังหากคุณคิดว่ามันน้อยไป งั้นคุณลองเสนอมาก็ได้”
หม่าต้าเพ่ายืนอยู่ที่ประตูเพื่อรอรายงานซูเถา แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ซ่งเยว่ปินพูด เขาก็แทรกขึ้นมาทันที
“คุณหยุดหว่านล้อมเธอเถอะ เถ้าแก่ของเราบอกว่าไม่ขายก็คือไม่ขาย ถึงมันจะเป็นแค่แมว แต่ถ้าเถ้าแก่ชอบและจะเก็บมันไว้ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเงิน”
จากนั้นซ่งเยว่ปินก็ถูกไล่ให้ออกไป
หม่าต้าเพ่านั่งลงและให้ซูเถาดูกองสั่งซื้อเสบียง
“นี่คือการติดต่อทั้งหมดที่ผมทำในช่วงสองวันที่ผ่านมา ดูสิ พวกเขาส่วนใหญ่จะขอสั่งซื้อเสบียงกับฟางจือหลังจากจบการประชุม ถึงตอนนั้นพวกเราน่าจะมีรายได้เข้ามาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ พรุ่งนี้ยังมีงานแสดงสินค้าอีกด้วย ผมพบร้านค้าให้เช่าทำเลดีสำหรับเถาหยางของเรา เกรงว่าคืนนี้อาจจะต้องนอนดึกเพื่อเตรียมวางของ”
หลินฟางจือก้าวไปข้างหน้า ยื่นกระดาษสองแผ่นแก่ซูเถา ‘รายการเสบียง’
ซูเถาหยิบมันมาดูและพบว่าเขาวางแผนได้ดีมาก มีเสบียงทุกประเภทแยกเป็นหมวดหมู่ เขาทำแบบการจัดวางสินค้ามาสองทางเลือก ไว้พรุ่งนี้เธอไปดูหน้างานแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะจัดวางสินค้ายังไง
ตอนนี้เธอรู้เพียงว่ากิจการนั้นเติบโตนั้นเร็วเกินไป
ซูเถาอดไม่ได้ที่จะสัมผัสผมยาวประบ่าของเธอแล้วกล่าว “มันสุดยอดมากเลย”
เธอไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งฟางจือจะสามารถแก้ปัญหามากมายให้เธอได้ และทำในสิ่งที่เขาพูดไว้ตอนแรก ว่าจะแบ่งปันความกังวลและปัญหาของเธอได้จริง ๆ
แน่นอนว่าหม่าต้าเพ่าเองก็ใช้ความพยายามอย่างมากเช่นกัน คน ๆ นี้เหมาะที่จะทำการติดต่อเจรจากับผู้คนจริง ๆ ในเวลาเพียงสองวันเถาหยางก็ลบล้างข่าวลือที่ว่าเป็นพวกหลอกลวงไปได้
เธอตั้งตารอการกอบโกยครั้งใหญ่เมื่อสิ้นสุดการประชุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผลึกนิวเคลียสจำนวนมาก
[1] ล่าเจียว (辣椒) แปลว่า พริก เปรียบเปรยแม่แมวสีขาวว่าแสบเหมือนพริก