ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 316 หัวหน้าสวี่ติดใจรถบ้าน
ตอนที่ 316 หัวหน้าสวี่ติดใจรถบ้าน
ตอนที่ 316 หัวหน้าสวี่ติดใจรถบ้าน
ปฏิกิริยาแรกของซูเถาในตอนนั้นคือหัวหน้าสวี่มีลูกอยู่ที่บ้าน และเหมือนว่าจะอยู่ในวัยก่อนเข้าเรียน ซึ่งภาพวาดเหล่านี้ดูไม่เหมือนฝีมือของผู้ใหญ่และยุ่งเหยิงมาก เพราะการจับปากกาของเด็กยังไม่มั่นคงเท่ากับกล้ามเนื้อของพวกผู้ใหญ่ ดังนั้นภาพหน้าจอที่เธอเห็นน่าจะเป็นลายมือของพวกเขา
ซูเถาคิดว่าในวัยของหัวหน้าสวี่ ลูก ๆ ของเขาน่าจะมีอายุสิบหรือยี่สิบกว่า
เธอกำลังจะถามว่าลูกของหัวหน้าสวี่อายุเท่าไหร่ แต่จู่ ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในร้านหยุดทำงาน เครื่องปรับอากาศที่ส่งเสียงหวีดหวิวก็หยุดทำงานทันที
“ไฟดับเหรอ?”
“เครื่องปั่นไฟเคลื่อนที่ก็ดับลง หรือว่ามันพังไปแล้ว”
“เดี๋ยวผมไปดูเอง ทุกคนกินข้าวกันไปก่อนเถอะ” สวีฉียืนขึ้น
เมื่อถูกขัดจังหวะเช่นนี้ ซูเถาก็ลืมเรื่องที่จะถามไปเสียสนิท แต่กลับนึกออกว่าเมื่อครู่มีคนเดินผ่านหลังร้านและส่งเสียงเอะอะโวยวาย แต่เพราะกำลังจะคุยกับคนตรงหน้า เลยไม่ได้สนใจพวกเขานัก พอมานึกย้อนดูอีกทีก็รู้สึกว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ ๆ
แน่นอนว่าสวีฉีออกไปดูเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และเมื่อกลับมาเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เครื่องปั่นไฟของเราถูกมือดีทำร้ายจนพัง ไม่รู้ว่าใครเอาน้ำมาราดใส่มัน ซือป๋อ มี๋อู้ พวกนายออกไปตามหาตัวคนทำกับฉันข้างนอก”
เนี่ยซือป๋อกับมี๋อู๋รีบลุกออกไปทันที
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นใครจะไปกินข้าวต่อได้ลง!
หม่าต้าเพ่าเองก็วิ่งออกไปดู และเมื่อเขากลับมาก็โกรธจัดจนกัดฟันกรอด “ต้องมีคนอิจฉา! เพราะเห็นว่ากิจการของเรารุ่งเรืองและไปได้ดีแน่ ๆ!”
“ฉันเดาว่าเป็นคนจากฐานใดสักฐานที่เข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้าในวันนี้ เพราะว่าร้านของเราดึงลูกค้าส่วนใหญ่มาได้ ถ้าพวกเขาไม่หมั่นไส้เราก็คงแปลก แต่ใช้วิธีนี้จัดการเรามันทุเรศเกินไป!” เฉียนหลินกล่าว
เฉียนหรงหรงพยักหน้าอย่างแรงและกระซิบ “ใช่น่ะสิ ก็เพราะพวกเขาไม่สามารถแข่งกันเราได้ เลยคิดที่จะทำลายสิ่งของของเรา…เพื่อแย่งลูกค้ากลับไป”
“คุณไปยืมเครื่องปั่นไฟมาจากใครเหรอ? มันสามารถซ่อมได้ไหม? ถ้าซ่อมไม่ได้ก็รีบไปอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและชดเชยเงินให้เขาไปค่ะ” ซูเถาถามหม่าต้าเพ่า
“หากคืนนี้เราไม่สามารถซ่อมเครื่องปั่นไฟนี้ได้ วันพรุ่งนี้เราก็จะไม่สามารถขายของในตู้แช่เย็นและตู้แช่แข็งได้ แล้วของพวกนี้ก็เป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดด้วยสิ” เฉียนหลินกังวลเล็กน้อย
แบบนี้จะมากเกินไปแล้วนะ!
ใครกันที่มาทำลายเครื่องปั่นไฟกลั่นแกล้งให้พวกเขาไม่สามารถประกอบธุรกิจและขายของต่อไปได้ แล้วนี่ก็เหลือเวลาอีกตั้ง 2 วัน!
หม่าต้าเพ่าสบถออกมาเล็กน้อยและตอบว่า “คืนนี้ผมจะออกไปหาคนมาช่วยซ่อมให้เร็วที่สุด แล้วจะถามให้ชัดเจนว่าสามารถทำขึ้นมาอีกเครื่องได้ไหม แต่อย่าให้ผมจับได้นะเป็นฝีมือใคร!”
จู่ ๆ หัวหน้าสวี่ก็กระแอมออกมาบราวนี่ออนไลน์
หม่าต้าเพ่าจึงเบาเสียงลงทันที
สวี่ฉางเสนอตัวขึ้นมา “ผมไม่ได้ว่านะ แต่ผมอยากจะบอกว่า ผมเองก็นั่งอยู่ตรงนี้ พวกคุณไม่ลองถามผมดูหน่อยเหรอ?”
ทันทีที่ซูเถาได้ยินดังนั้นก็ดีดตัวขึ้นทันที ดวงตาโค้งลงเป็นพระจันทร์เสี้ยว “หัวหน้าสวี่ คุณช่วยยืมเครื่องปั่นไฟให้พวกเราหน่อยได้ไหม”
สวี่ฉางเลิกคิ้วและให้ที่อยู่และข้อมูลการติดต่อกับเธอในซินตู
เป็นข้อมูลผู้ติดต่อที่ชื่อเหล่าอวี๋ผอ
“ยืมไปยืมมาไม่สะดวกหรอก พวกคุณไปติดต่อซื้อกับเธอเถอะ บอกว่าผมเป็นคนแนะนำมา เธอไม่น่าจะขายให้พวกคุณราคาสูง แต่เป็นราคาที่สมเหตุสมผล เธอมีของดีอยู่ที่นั่นมากมาย แต่เหมือนผมจะจำได้ว่าเธอมีเครื่องปั่นไฟแบบพกพาขนาดเท่าฝ่ามือที่สามารถให้พลังงานได้ทุกที่ที่ไป” หลังจากพูดจบ สวี่ฉางก็อธิบายอีกครั้ง
“ยังไงก็ตาม เธออายุมากแล้วและมีนิสัยแปลก ๆ คุณอาจจะต้องใช้ความอดทนมากหน่อยนะ และเรียกเธออย่างสุภาพว่าอวี๋ผอผ่อ”
ซูเถารับข้อมูลการติดต่อมาถือไว้ในมือพร้อมกับแสดงความแปลกใจ
หากมีเครื่องปั่นไฟที่สะดวกเช่นนี้ กองคาราวานของเธอก็ไม่จำเป็นต้องหยุดหาสถานีเพื่อเปลี่ยนถ่ายพลังงาน และยังสามารถใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าในระบบได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
หม่าต้าเพ่าได้ยินก็รู้สึกยินดีและขอบคุณหัวหน้าสวี่ที่มีน้ำใจต่อพวกเขา ไม่เพียงแนะนำของดีให้พวกเขา แต่ยังทำให้พวกเขาไม่ต้องซื้อของในราคาที่สูง และได้มาในราคาที่สมเหตุสมผลอีกด้วย
หากไม่ได้ความเมตตาของหัวหน้าสวี่ เครื่องปั่นไฟนี้แม้ว่ามีเงินก็อาจจะซื้อไม่ได้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เขาจึงถามออกมาตรง ๆ “หัวหน้าสวี่อยากให้พวกเราตอบแทนยังไงเหรอ”
เขาจะมาช่วยฟรี ๆ ได้ยังไง? อีกฝ่ายต้องการบางอย่างจากพวกเขาอย่างแน่นอน!
สวี่ฉางนั่งตัวตรง ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าเขาจะคุ้นเคยกับคนตรงหน้าอยู่บ้าง แต่ก็มีความลำบากใจเล็กน้อยที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสงบนี้…
“อืม…อีกไม่กี่วันหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ผมจะเดินทางไปที่ฐานเหอคัง ถ้าพวกคุณสะดวกช่วยแวะไปส่งผมหน่อยได้ไหม” ในขณะที่พูด สายตาก็เหลือบไปมองที่ซูเถา
ซูเถาเข้าใจทันที เขาติดใจรถบ้านของเธอ!
“ไม่มีปัญหาค่ะ ไว้เมื่อถึงเวลาฉันจะทำห้องส่วนตัวเล็ก ๆ ให้คุณนะคะ” ซูเถาตกลงอย่างไม่ลังเล
“ไม่จำเป็น ผมมีแคมป์หลบภัยเคลื่อนที่ สามารถยึดติดกับข้างรถของคุณได้แล้วก็ประกอบได้หลายห้อง” สวี่ฉางโบกมือ
“มันคืออะไรเหรอคะ?” ซูเถาตกตะลึง
“หนุ่มแซ่เหลยคนนั้นไม่ได้ให้ของขวัญกับคุณเหรอ คุณไม่รู้จักของสิ่งนี้ได้ยังไง?” หัวหน้าสวี่สงสัย
ซูเถาเงียบไปครู่หนึ่ง ที่แท้ของขวัญที่เหลยสิงมอบให้เธอคือแคมป์เคลื่อนที่ที่หัวหน้าสวี่กล่าวถึง แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่สิ่งที่หัวหน้าสวี่ใช้นั้นน่าจะเป็นของดีที่ผลิตโดยฉางจิง
หัวหน้าสวี่สังเกตเห็นว่าการแสดงออกของซูเถาดูงงงวยเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงแก้ไขและรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ขอโทษด้วย ผมอาจจะจำผิด ฮ่า ๆ… ยังไงก็ตาม ถึงตอนนั้นไม่ต้องทำห้องให้ผมพิเศษนะ ขอโทษที่รบกวนคุณ นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมเองก็กินข้าวเสร็จแล้ว อาหารรสชาติดีมาก พวกคุณเถาหยางทำให้ผมประหลาดใจไม่น้อย ขอให้คุณเจริญรุ่งเรือง และในอีกสองวันข้างหน้าก็ขอให้ราบรื่นเช่นกัน”
หลังจากที่สวี่ฉางออกจากงานแสดงสินค้า ผู้ช่วยคนหนึ่งก็มาเชิญเขาทันที “หัวหน้าสวี่ คืนนี้คุณว่างไหม คุณหลิงของเราขอเลี้ยงอาหารค่ำคุณ”
“ตกลง มารับฉันตอนสามทุ่มแล้วกัน” สวี่ฉางไม่ปฏิเสธ
หลิงเทียนจี้มีคำอธิบายมากมายเกี่ยวกับอุบัติเหตุต่าง ๆ ในระหว่างวัน เมื่อพวกเขาพบกันในตอนกลางคืน สวี่ฉางถอนหายใจและพูดว่า “เทียนจี้ การแสดงสินค้าในครั้งนี้ ต้องปรับปรุงเรื่องผู้เข้าร่วมงาน”
เมื่อหลิงเทียนจี้ได้รับสัญญาณเตือน หัวใจเขาพลันเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ใครอีก?! ใครมันกล้าท้าทายเขา!
แน่นอนว่าในวินาทีต่อมา สวี่ฉางก็พูดออกมาอย่างจริงจัง
“งานจัดแสดงสินค้าในครั้งนี้ ต้องดำเนินไปด้วยความสามารถของบุคคล แต่ไม่ใช่ว่าพอเห็นใครดำเนินกิจการไปได้ด้วยดีก็จ้องแต่จะไปทำลายเขา”
“ใช่ใช่ใช่ งานแสดงสินค้าของเราโปร่งใสและยุติธรรมเสมอมา หากมีสิ่งรบกวนหรือใครทำอะไรไม่ดี ผมจะลงโทษอย่างรุนแรงแน่นอน!” หลิงเทียนจี้
สวี่ฉางจ้องมองไปที่เขา “เมื่อได้ยินคุณหลิงพูดแบบนี้ ผมก็รู้สึกโล่งใจ ไม่เช่นนั้น คนที่ทำธุรกิจอย่างสุจริตจะต้องเสียหายอย่างแน่นอน และในอนาคตคงไม่มีใครเชื่อถือและเคารพกฎกติกาของงานจัดแสดงสินค้าของคุณอีก”
ยิ้มและสาปแช่งในใจ เขาไม่มีโอกาสอธิบายความยุ่งเหยิงระหว่างวันหลังมื้ออาหาร และมันก็รู้สึกมืดมนเป็นอย่างมาก
หลังจากส่งสวี่ฉางกลับออกไปด้วยความเคารพ หลิงเทียนจี้ก็เรียกจั๋วเอ่อร์เฉิงมาใช้งาน
“นายรีบไปสืบหามาว่าในระหว่างวันมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น และหาตัวคนก่อกวนมาให้ได้! ฉันที่อุตส่าห์ต้มซุปหม้อใหญ่ไว้ให้สวี่ฉางดื่มในปีนี้ แต่เพราะว่ามีหนูสองสามตัวตกลงไปในหม้อ นายคิดว่าฉันยังจะกล้าจัดเสิร์ฟให้ใครได้อีกเหรอ? ห๊ะ?”
————