ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 319 จับชู้
ตอนที่ 319 จับชู้
ตอนที่ 319 จับชู้
ในวันถัดไป งานแสดงสินค้าก็ดำเนินไปตามปกติ และการประมูลวันนี้จะเริ่มขึ้นเวลา 14.00 น. ใครก็ตามที่มีจดหมายเชิญเข้าร่วมการประชุมสามารถเข้าร่วมและประมูลสิ่งของได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งของนั้นจะต้องผ่านการตรวจสอบ และกำหนดราคาก่อน จึงจะสามารถวางบนแท่นประมูลสำหรับการประมูลในช่วงบ่ายได้
ซูเถาไม่มีอะไรจะมาประมูลจริง ๆ
เธอพยายามควานเข้าไปในพื้นที่ของฟางจือ
พวกอาหารหรือเครื่องดื่มไม่มีความจำเป็นต้องนำมาประมูล หรือผลึกนิวเคลียสอย่าง ‘หุ่นเชิดเคราะห์ร้าย’ ที่เธอได้รับจากกลุ่มโจรคราวก่อนนั้นค่อนข้างหายาก หากจะให้เอาไปประมูลเธอก็รู้สึกลังเล
ส่วนของที่เหลือที่คนอื่นให้มาอย่างเช่นทับทิมหรือ ‘นาฬิกาทรายยับยั้ง’ ที่ติงเหออวี้มอบให้เธอ แส้ข้อมือที่สือจื่อจิ้นสั่งทำให้ หรือหมวกสีแดงที่อลิซให้เธอมา…
หมวกสีแดง?
ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ เธอก็นึกถึงภาพหน้าจอเครื่องมือสื่อสารของหัวหน้าสวี่จากฉางจิงที่เป็นภาพวาดที่ถูกขีดเขียนขึ้นมาจากฝีมือของเด็ก รวมถึงหมวกสีแดง
เธออยากบอกว่าเธอรู้สึกคุ้นกับภาพวาดที่เห็นบนภาพหน้าจอนั่น!
ซูเถาเลยรีบโทรหาจวงหว่านทันที
“ฮัลโหลค่ะ พี่จวงหว่าน อลิซเป็นยังไงบ้างคะ” จวงหว่านตกตะลึงกับคำถามของซูเถา
เนื่องจากอลิซอาศัยอยู่ในฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็ก ความรู้สึกของการมีตัวตนของอีกฝ่ายจึงค่อนข้างเบาบาง เด็กหญิงมักจะวิ่งเล่นไปเรื่อย แม้ว่าเธอจะไปที่ฟาร์มปศุสัตว์ก็ไม่ใช่ว่าจะเห็นอลิซทุกครั้ง
“ต้องขอโทษด้วย ไว้ฉันจะไปถามถังฮวนและลูกสาวที่ฟาร์มปศุสัตว์ให้ เพราะฉันเองก็ไม่ได้เจออลิซนานแล้ว”
หลังจากนั้นไม่นาน จวงหว่านก็โทรกลับมาอีกครั้ง
“คุณไม่ต้องกังวลนะ อลิซสบายดี ช่วงนี้เธอกำลังสนุกกับการเล่นกับลูกเจี๊ยบและลูกเป็ด น้ำหนักของเธอก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ถังฮวนและลูกสาวดูแลเธอเป็นอย่างดี”
ซูเถารู้สึกโล่งใจ “ฉันอยากรบกวนพี่ช่วยหาโอกาสให้อลิซวาดรูป วาดแค่หมวกแดง กระต่าย หรือไพ่ก็ได้ค่ะ”
“เพื่ออะไรเหรอ” จวงหว่านสับสน
“ไว้ถ้าพี่เกลี้ยกล่อมให้เธอวาดได้สำเร็จ ฉันจะบอกพี่ทันที รีบไปเถอะค่ะ”
จวงหว่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบรับสิ่งที่ซูเถาไหว้วาน “ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด บางครั้งอลิซก็ไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเราสื่อ และอาจไม่ทำตามที่ใครพูด ไว้ฉันจะลองดูนะ”
ซูเถาเข้าใจจากนั้นกำลังจะวางสาย แต่จวงหว่านก็ถามอย่างรวดเร็ว
“เฉินหยางตัวแสบเป็นยังไงบ้าง เขาติดเล่นจนไม่คิดจะโทรหาฉันเลยใช่ไหม แย่จริง ๆ”
“เขาตามติดเหลยสิงตลอดเลยค่ะ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาไปเที่ยวเล่นกันถึงไหน แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เหลยสิงไว้วางใจได้ เขาไม่พาลูกของพี่ไปทำเรื่องผาดโผนหรอกค่ะ” ซูเถาเล่าให้อีกฝ่ายฟัง
จวงหว่านได้ยินดังนั้นเธอก็เบาใจ ก็มีแค่เหลยสิงคนนี้แหละที่ได้พาลูกชายของเธอไปเผชิญกับโลกภายนอกครั้งแรก ด้วยเหตุนี้ เมื่อซูเถาวางหูโทรศัพท์เฉินหยางก็ปรากฏตัวขึ้นและตรงเข้ามาหาเธอ
เด็กชายที่กำลังงัวเงียมองไปที่ซูเถาอย่างรวดเร็ว จากนั้นหยิบกล่องของขวัญจากด้านหลังแล้วยัดให้เธอ
“พี่เถาจื่อ ฟังผมก่อน! พี่ใหญ่เหลยบอกว่าเดิมทีเขาต้องการมอบของสิ่งนี้ให้พี่ ถ้าพี่ไม่ต้องการก็ทิ้งมันไปซะและอย่าส่งคืนให้เขาอีก! เมื่อเขาเห็นมัน เขาก็รู้สึกปวดใจ! ตอนนี้เขากำลังหดหู่! ผมต้องช่วยเขา!”
ซูเถารับเอาไว้อย่างไม่เต็มใจ และเธอก็ไม่กล้าทิ้งของสิ่งนี้ไปเช่นกัน
เฉินหยางยังคงทำเพื่อเหลยสิงและพูดอย่างตรงไปตรงมา “พี่เถาจื่อ ผมคิดว่าพี่ใหญ่เหลยจริงใจกับพี่นะ พี่ไม่ชอบเขาจริง ๆ เหรอ? เขาได้เดินทางไปที่บ้านตระกูลฉู่เพื่อชำระบัญชีกับฉู่หมิงให้พี่ โดยที่เขาไม่สนใจความเป็นความตายของตัวเองด้วยซ้ำ”
ซูเถาหยุดเขา “มากเกินไปแล้ว เขาน่ะเหรอเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ซอมบี้เขายังไม่กลัวเลย นี่เขาไปแค่บ้านของฉู่หมิงเขาจะตกอยู่ในอันตรายเหรอ?”
เฉินหยางเม้มริมฝีปาก “แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การเข้าไปที่บ้านตระกูลฉู่ก็เหมือนบุกถ้ำหมาป่านะ”
“พี่ใหญ่เหลยของเราน่ะเป็นคนดีมากนะ ดีมาก และมีเสน่ห์มาก แต่พี่ไม่ได้ชอบเขาแบบนั้น ไม่ได้มีความรู้สึกระหว่างชายหญิง เข้าใจไหม ลืมมันไปเถอะ นายยังเด็กคงไม่เข้าใจ” ซูเถาอธิบายให้เขาฟัง
เฉินหยางรู้สึกเจ็บปวดแทนพี่ใหญ่ของเขา ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความคับแค้นใจ
“ผมไม่เข้าใจ ถ้าเขามีเสน่ห์และน่าดึงดูดขนาดนั้น ทำไมพี่ถึงไม่ชอบเขา”
“หรือไม่นายก็ให้เหลยสิงเอาหัวใจของพี่ไปผ่าดูไหม พี่เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” ซูเถาส่ายหัว
เฉินหยางรู้สึกแทนเขามากจริง ๆ เขาชื่นชมเหลยสิงมากแค่ไหน และตอนนี้เขารู้สึกเสียใจแทนเหลยสิงมากแค่นั้น เขาแทบจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ และเขาก็ร้องไห้ออกมาจริง ๆ เด็กชายหมุนตัวและวิ่งออกไปโดยทิ้งซูเถาไว้เพียงลำพัง
จั๋วเอ่อร์เฉิงที่กำลังพากลุ่มคนเดินเข้ามา เขาก็เห็นซูเถากำลังทำเด็กน้อยร้องไห้
แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา และก็เป็นหม่าต้าเพ่าที่เห็นพวกเขาก็เลยริเริ่มที่จะทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้มและถามว่าเกิดอะไรขึ้น
จั๋วเอ่อร์เฉิงเผยรอยยิ้มออกมาผ่านดวงตาของเขา เหมือนมีอะไรแฝงอยู่ในแววตา ดังนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจึงลากคนสองคนที่ถูกมัดเป็นเกี๊ยวข้าวออกมา
“เมื่อวานนี้ผมได้ยินมาว่าเครื่องปั่นไฟของพวกคุณถูกใครบางคนทำลาย ผมจับพวกเขาได้ พวกเขามาจากฐานโส่วอัน ผมเดาว่าก่อนหน้านี้พวกเขาอาจเคยขัดแย้งกับคุณมาก่อน พวกเขาเลยต้องการแก้แค้น ผู้จัดการจะเอายังไงกับคนพวกนี้ดี?”
หม่าต้าเพ่ารู้สึกประหลาดใจกับการบริการอย่างน่าประทับใจ อีกทั้งยังช่วยพวกเขาจัดการเรื่องนี้อีกด้วย
เนื่องจากเช้าวันนี้เขาได้เครื่องปั่นไฟเครื่องใหม่มาใช้แล้ว จึงไม่ได้โกรธอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ซูเถาโดยไม่ตั้งใจ และหลังจากได้รับการส่งสัญญาณ เขาก็กระแอมสองครั้งและเริ่มพูดเรื่องราคา
“ชดใช้ค่าเสียหายมาก็พอ เนื่องจากเครื่องปั่นไฟเครื่องเก่าไม่สามารถซ่อมแซมได้ ให้โส่วอันจ่ายเงินชดเชยมา 2 ล้านเหลียนปัง และจ่ายเพิ่มอีก 3 ล้านเหลียนปังเพื่อซื้อเครื่องปั่นไฟเครื่องใหม่ให้เรา”
เครื่องปั่นไฟเครื่องเก่าได้รับการซ่อมแซมและส่งคืนไปแล้ว เงินที่พวกเขาเรียกไม่ใช่เพื่อสิ่งนั้นหรอก
คนสองคนที่ถูกมัดตาเบิกกว้าง ปากของพวกเขาถูกปิดอยู่ และพวกเขาทำได้เพียงใช้สายตาดุว่าหม่าต้าเพ่านั้นหน้าเงิน
จั๋วเอ่อร์เฉิงเพียงต้องการที่จะจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว เขาไม่สนใจว่าราคาจะยุติธรรมหรือไม่ ดังนั้นจึงพยักหน้าอย่างสุภาพด้วยรอยยิ้ม
“ทางซินตูจะปล่อยตัวพวกเขาไปหลังจากที่โส่วอันจ่ายเงินให้พวกคุณแล้ว และเพื่อแสดงความขอโทษ เราจะเตรียมห้องวีไอพีให้กับคุณในการประมูลในช่วงบ่ายนี้ เป็นที่น่าพอใจหรือไม่”
แน่นอนว่าหม่าต้าเพ่าพอใจกับเงินห้าล้านที่จะได้มา แต่เขาแค่รู้สึกงงเล็กน้อยที่ท่าทีของซินตูนั้นดีเกินไป จั๋วเอ่อร์เฉิงก็พอใจเช่นกัน ในที่สุดเรื่องห่วย ๆ นี้ก็ได้รับการแก้ไข การที่เขาใช้เวลาทั้งคืนเพื่อจับกุมผู้คนก็ไม่เสียเปล่า
ไม่รู้ว่าเถาหยางและหัวหน้าสวี่พบกันได้อย่างไร เพราะเขาถึงขนาดออกหน้าเรื่องเครื่องปั่นไฟให้กับเถาหยาง
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงการหายตัวไปของเจียวชิ่ง ดังนั้นจึงมองไปที่ซูเถาและถามด้วยรอยยิ้ม “คุณซู ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
ซูเถาก็ไม่แปลกใจเช่นกัน เธอชี้ไปยังร้านที่มีผู้คนพลุกพล่านน้อยกว่าที่อยู่ติดกัน “ไปคุยกันที่นั่นเถอะค่ะ”
จั๋วเอ่อร์เฉิงถามตรงประเด็น “คุณซูรู้ไหมว่าคุณนายเจียวอยู่ที่ไหน?”
แต่ซูเถากล่าวว่า “คุณไม่ได้สนใจหรอกว่าคุณนายเจียวอยู่ที่ไหน คุณคงอยากรู้ว่าใครทำให้ผู้อาวุโสข่งอับอายที่ต้องวิ่งเปลือยกายในวันนั้นใช่ไหม”
จั๋วเอ่อร์เฉิงไม่คาดคิดว่าเธอจะถามออกมาตรง ๆ “คุณซูรู้เรื่องนี้เหรอ?”
ซูเถายักไหล่ “ฉันขอแนะนำให้คุณถามผู้หญิงของคุณให้ดี”
จั๋วเอ่อร์เฉิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและกำลังจะถาม แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยดังมาจากข้าง ๆ เขา “ซูเถา?! แกเองเหรอ!”
เจียงจิ่นเวยรีบวิ่งไปกระชากผมของซูเถา
ช่วงนี้เธอรู้สึกว่าจั๋วเอ่อร์เฉิงไม่สนใจเธอ ดังนั้นเธอจึงสงสัยว่าเขาได้พบรักใหม่หรือไม่ วันนี้เธอเลยจงใจตามเขาไปดู และในที่สุดเธอก็เห็นเขากับซูเถา!
พวกเขาสองคนยังค้นหาสถานที่ที่มีคนน้อยเป็นพิเศษเพื่อพูดคุยกัน!