ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 32 การออกแบบและวางแผนที่ดิน (รีไรท์)
ตอนที่ 32 การออกแบบและวางแผนที่ดิน (รีไรท์)
ตอนที่ 32 การออกแบบและวางแผนที่ดิน (รีไรท์)
อากาศอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มมีกลิ่นอายของฤดูร้อน
จวงหว่านเปิดหน้าต่างในพื้นที่ส่วนกลางเพื่อให้มีลมพัดผ่านและระบายอากาศ
เมื่อเธอเห็นว่าซูเถากำลังจะออกไปข้างนอก จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า
“สองสามวันมานี้คุณออกไปข้างนอกทุกวัน ออกไปข้างนอกแต่เช้ากว่าจะกลับมาก็ค่ำมืดแล้ว เห็นคุณออกไปกับพี่เผย ไปทำอะไรกันเหรอ?”
ซูเถาหัวเราะ “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่แต่บ้านมานาน ตอนนี้สถานการณ์ข้างนอกก็ดีขึ้นมากแล้ว ฉันเลยอยากออกไปเที่ยวเล่นสักหน่อย”
เธออยากจะร้องไห้เสียจริง เธอออกไปที่โรงรถร้างสามแห่งในตงหยาง แต่ว่าระบบไม่ตอบสนองเลย
วันนี้เธอวางแผนจะไปที่นั่นเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อทำการตรวจสอบอีกครั้ง หากว่ามันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือยังไม่มีการตอบสนองของระบบเธอก็จะล้มเลิกความตั้งใจนี้ชั่วคราว
เพราะว่ามันอาจจะเป็นสถานที่อื่นที่ไม่ได้อยู่ในตงหยาง แต่เธอยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะออกไปนอกตงหยาง
หลังจากเดินวนเวียนอยู่ทั้งวัน แต่มันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซูเถาคิดแล้วคิดอีก พยายามอย่างหนักเพื่อให้ระบบมีการตอบสนองอย่างสถานการณ์ในวันนั้น
ตอนที่เธอเจอ ‘โบนวิงส์’ ระบบเหมือนจะทำงานและคำว่า ‘โรงรถร้าง’ ก็ได้ปรากฏขึ้น
ทำไมถึงมีข้อความแจ้งเตือนเมื่อเห็น ‘โบนวิงส์’
หรือว่าโรงรถร้างนั้นมีอะไรเกี่ยวข้องกับ ‘โบนวิงส์’
ซูเถาไปหาเฉินเทียนเจียวและถามว่า “ครั้งแรกที่คุณได้เจอกับโบนวิงส์ คุณเจอมันที่ไหนเหรอ?”
สายตาของเฉินเทียนเจียวสั่นไหว เขาพูดว่า “ผมไม่มีวันลืมวันนั้น ในลานจอดรถที่เชิงเขาผานหลิว สัตว์ร้ายนั่นฆ่าผู้รอดชีวิตทุกคนที่ซ่อนตัวอยู่ที่นั่น หลอกล่อให้พวกเราตกเป็นเหยื่อ! ให้ตายเถอะ! ผมต้องเห็นคนบริสุทธิ์ถูกพวกมันฉีกทึ้ง!”
ดวงตาของซูเถาเป็นประกาย ที่แท้ก็คือโรงรถร้างตรงเชิงเขาผานหลิว!
“ช่วงนี้คุณยุ่งหรือเปล่า? ถ้าไม่ยุ่งช่วยพาฉันไปที่นั่นหน่อยสิ”
เฉินเทียนเจียวขมวดคิ้ว “คุณจะไปที่นั่นทำไม อย่าไปเลย มันอันตราย คุณก็เคยได้ยินเกี่ยวกับวิวัฒนาการของซอมบี้กลายพันธุ์แล้วนี่ มันมีกรงเล็บขนาดใหญ่เหมือนเคียว ผมเคยโดนสัตว์ร้ายนั้นทำร้ายมาแล้ว ความสามารถอย่างเหล่าต้าก็ยังต้องสูญเสียแขนของเขาไป ถ้าผมพาคุณไป เราทั้งคู่คงได้ถูกฝังอยู่ที่นั่น”
ซูเถากล่าวว่า “เพื่อไม่ให้ถูกฝังอยู่กับคุณ ฉันตัดสินใจไม่ไปแล้ว”
เฉินเทียนเจียวสำลัก
“ถ้าคุณมีเหตุผลที่จะไปจริง ๆ ผมแนะนำให้คุณรอเหล่าต้ากลับมา แล้วปรึกษากับเขาว่าครั้งต่อไปที่ออกไปปฏิบัติภารกิจสามารถพาคุณไปที่ภูเขาผานหลิวได้ไหม”
ทำได้แค่นี้แล้วแหละ
ซูเถาหยุดพักการทำภารกิจที่ซ่อนอยู่ไว้ชั่วคราว หลังจากกินนอนอยู่ที่บ้านถึงสองวัน เธอก็ขอให้จวงหว่านช่วยสรุปบัญชีตลอดเดือนสามให้เธอ
“ยอดรวมทั้งหมด 153,000 เหลียนปัง ผู้เช่าทุกคนจ่ายค่าเช่าตรงเวลา ยกเว้นเหวินเพ่ยเจิน ฉันไปทวงค่าเช่าเธอถึงสามครั้งแต่เธอก็เอาแต่บอกปัดมาตลอดโดยบอกว่าพรุ่งนี้ ๆ แล้วเธอก็หลบหน้าฉัน เถ้าแก่ซู หรือว่าเราให้เสี่ยวป๋อโยนเธอออกไปดี ฉันรำคาญเธอเต็มทนแล้ว เธอใช้ประโยชน์จากทุกที่ของส่วนกลางแต่ก็ยังค้างค่าเช่า ยังมีหน้าอยู่ต่ออีกเหรอ”
ซูเถาพูดไม่ออก ปีนี้เหวินเพ่ยเจินอายุ 50 กว่า เธอมีลูกสาวคนเดียวที่แต่งงานกับพวกอันธพาล และอันธพาลคนนี้รู้จักวิธีทำปืนลูกซองมาจากลูกพี่ของเขา ทำให้ในวันสิ้นโลกนี้พวกเขามีรายได้มหาศาล แต่เธอก็ให้เงินแม่เป็นบางครั้งบางคราว
สิ่งที่เหมือนจะมีค่าน้อยที่สุดในวันสิ้นโลกก็คือเงิน เพราะไม่ว่าจะให้เงินไปเท่าไหร่มันก็เหมือนว่าจะไร้ค่า แต่เหวินเพ่ยเจินขี้เหนียวจนเคยชิน เธอมักจะใช้ประโยชน์จากสิ่งต่าง ๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
หยางจวี๋แฟนสาวของเมิ่งเสี่ยวป๋อมีนิสัยปากร้าย เธอแอบค่อนแคะว่าเหวินเพ่ยเจินจะนำเงินนี้ออกไปใช้ในโลกหน้า
แต่ที่เธอพูดก็ไม่ผิด
ซูเถารู้สึกว่าเธอใช้ชีวิตแบบนี้มันเอาเปรียบคนอื่นเกินไป จึงเงยหน้าแล้วพูดว่า
“ตามกฎแล้ว ให้จ่ายค่าเช่าภายในสิบห้าวัน ถ้าเกินสิบห้าวันก็จำเป็นต้องให้ย้ายออก พี่ไปแจ้งเธอนะคะ แต่ถ้าเธอไม่ยอมพบพี่ พี่ก็ปิดประกาศไว้ที่ประตูหน้าห้องเธอ ถ้าพ้นสิบห้าวันไปแล้วเธอยังไม่ยอมจ่ายอีกก็ให้มาบอกฉัน”
ฉันจะได้ให้บริการตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวแก่เธอ หึ
“นี่ก็ใกล้จะเข้าเดือนสี่แล้ว ฉันกำลังจะเตรียมห้องใหม่อีก 10 ห้อง ถึงเวลาพี่ก็เตรียมประกาศปล่อยห้องเช่าได้เลยค่ะ”
จวงหว่านตอบรับและจดทุกอย่างลงในสมุดบันทึกเล่มเล็ก
ซูเถานอนดูตลอดทั้งคืน ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 5 ห้อง ส่วนต่อเติมและค่าตกแต่งมีราคารวมอยู่ที่ 94,000 เหลียนปัง
ทำให้กระเป๋าเงินของเธอแฟบลงครึ่งหนึ่ง
เดิมทีเธอต้องการเพิ่มคู่อีก 5 ห้อง แต่แล้วจู่ ๆ ซูเถาก็พบปัญหา จำนวนห้องมีมากเกินไป ปัจจุบันมีห้องมากถึง 30 ห้อง ทางเดินสลับซับซ้อน และการจัดผังของห้องก็ไม่เป็นระเบียบ
ผู้เช่าเดินไปผิดห้องได้ง่าย คนที่ไม่รู้ทิศรู้ทางก็อาจจะหลงได้
ยังมีพื้นที่โล่งด้านนอกบ้านอีกมากที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ การที่ห้องต่าง ๆ มากระจุกกันอยู่ที่เดียวมันก็ดูไม่สมเหตุสมผล
นี่มันไม่ถูกต้อง นี่ไม่ใช่บ้านที่อบอุ่นในอุดมคติของเธอ
สิ่งที่เธอต้องการคือความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะดวกและสวยงามคล้ายกับชุมชนเล็ก ๆ ที่มีห้องเป็นสัดเป็นส่วนไม่กระจุกตัว และมีห้องจำแนกเป็นประเภทต่าง ๆ เช่นโรงอาหารที่กว้างขวางและพื้นที่พักผ่อนให้ความบันเทิงต่าง ๆ
ในอนาคตเธอก็อยากที่จะตั้งป้อมยาม ห้องกระจายเสียง ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด ห้องเก็บของ และห้องอื่น ๆ อีกมาก
เธอยิ่งคิดก็ยิ่งมีความสุข
เช้าวันรุ่งขึ้นซูเถามาหาจวงหว่านแล้วพูดว่า
“ฉันต้องการหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อมาออกแบบและวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเหมาะสมสำหรับเถาหยาง พี่รู้จักคนที่ทำงานในสายนี้ไหมคะ?”
จวงหว่านส่ายหัว “ไม่รู้จักเลย ทำไมคุณไม่ลองประกาศรับสมัครงานโดยตรงล่ะ ที่ตงหยางมีประชากรมากกว่า 50,000 คน คุณน่าจะเจอคนที่เหมาะสมมาทำงานนี้ได้”
ซูเถาตบโต๊ะ “ประกาศรับสมัครได้ แต่ต้องมีผลงานมาแสดงด้วย ผู้ที่ได้รับการว่าจ้างและทำงานสำเร็จจะได้รับรางวัลเป็นโควตาใบสมัครเข้าอยู่อาศัยในเถาหยาง 3 ใบ และจะได้รับการยกเว้นค่าเช่าสามเดือนแรก”
เมื่อเทียบกับการให้ค่าจ้าง บ้านในเถาหยางน่าจะเป็นที่ต้องการมากกว่า
จวงหว่านตกตะลึง “ฉันคาดว่าในอนาคตภาระงานของฉันน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก”
แน่นอนว่าทันทีที่ข้อมูลการรับสมัครได้ถูกเผยแพร่ออกไป มันก็กระจายไปทั่วทุกตรอกซอกซอยของตงหยาง ทุกครัวเรือนก็ดึงเอาคนที่มีความสามารถและมีคุณสมบัติมาสมัครงาน
ถ้าเป็นข้อเสนอนี้ นั่นหมายความว่าจะมีอย่างน้อย 3 ครอบครัว ครอบครัวละประมาณ 3 คนที่จะเข้ามาอาศัยในเถาหยาง!
แม้แต่ครอบครัวซูที่รู้สึกโศกเศร้ามานานก็ยังร่าเริง
ซูเจี้ยนหมิงศึกษาด้านวิศวกรรมโยธาก่อนวันสิ้นโลก และหลังจากวันสิ้นโลกเขาก็ได้เข้าร่วมในโครงการก่อสร้างส่วนใหญ่ในตงหยาง
หลี่หรงเหลียนพูดอย่างตื่นเต้น “เหล่าซู ถ้าไม่ลองแล้วคุณจะรู้ได้ยังไง แล้วถ้าคุณทำสำเร็จเจิ้งชิงและภรรยาของเขาก็จะได้เป็นหนึ่งในสามที่ได้เข้าไปอยู่ที่นั่น เรื่องที่คุณกังวลที่สุดก็จะได้รับการคลี่คลาย”
เหลืออีกสองที่ ที่หนึ่งก็สำหรับจิ๋นจิ่น ส่วนที่เหลือก็สำหรับเจิ้งหลัน วิธีนี้ก็จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
ยิ่งหลี่หรงเหลียนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น เธอไม่อยากที่จะตื่นจากความฝันนี้เลย
ซูเจี้ยนหมิงพูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “ผมมีส่วนร่วมในการสร้างฐานหลักก็จริง แต่เรื่องการออกแบบวางแผนที่ดินของเถาหยางมันค่อนข้างห่างไกลกับอาชีพของผม”
“งั้นให้เจิ้งชิงไปไหมล่ะ? ตอนนี้เขาทำงานอยู่ที่ฝ่ายการจัดการวิศวกรรมไม่ใช่เหรอ เขาทำงานอยู่ที่นั่นตั้งหลายปีน่าจะพอรู้เรื่องอยู่บ้าง”
ใบหน้าของซูเจี้ยนหมิงยิ่งมืดมน “รู้เรื่องอะไรล่ะ เรื่องงานของเขาก็ไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้ ไม่ใช่เพราะหน้าหนา ๆ ของผมเหรอที่ไปขอร้องให้ปู่กับย่ายัดเขาเข้าไปน่ะ แต่ตอนนี้เขาก็ยังคงทำงานเป็นผู้ช่วยอยู่ ผมล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ!”
หลี่หรงเหลียนไม่เข้าใจ “การออกแบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เหรอ ก็แค่การวาดบนกระดาษ ลองดูก่อนสิ ได้โควตาตั้งสามที่นะ ภรรยาของเจิ้งชิงก็มาสร้างปัญหาเป็นระยะ ๆ ชีวิตเราก็ไม่สงบสุขสักที”