ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 329 แฟนคลับตัวยงของเถาหยาง
ตอนที่ 329 แฟนคลับตัวยงของเถาหยาง
ตอนที่ 329 แฟนคลับตัวยงของเถาหยาง
หม่าต้าเพ่า เฉียนหลิน และคนอื่น ๆ รีบรุดหน้ามาทันทีเมื่อทราบข่าว พวกเขาต่างตกใจมากเมื่อได้ยินว่าซูเถาถูกยิงได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่สภาพของโรงพยาบาลที่เธอเข้ารักษานั้นไม่เลว มีหมอที่เชี่ยวชาญในการผ่าตัดเอากระสุนออก ซึ่งใช้เวลาไม่นานสำหรับการจัดการกับมัน จากนั้นก็ส่งตัวเธอออกมา
เมื่อเห็นหญิงสาวออกมาจากห้องฉุกเฉิน หลิงเทียนจี้ก็เข้ามาพบเธอทันทีและถามว่า “คุณซู เป็นยังไงบ้าง? บาดเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า?”
ซูเถานั่งอยู่บนรถเข็นพลางบอกว่าตนเองไม่เป็นไร ก่อนจะเธอหันไปมองหัวหน้าสวี่ และคลี่ยิ้มสดใสให้เขา
“รบกวนหัวหน้าสวี่เลยค่ะ”
“คุณไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ผมได้ยินมาว่าความสามารถของคนแซ่หูคือ ‘กำปั้นเหล็ก’ ด้วยความสามารถด้านพลังประเภทนี้ มันไม่ง่ายเลยสำหรับคุณที่จะควบคุมเขาได้” สวี่ฉางโบกมือ
ถ้าคุมไม่ได้… เขาไม่อยากจะนึกภาพต่อเลยจริง ๆ
หลิงเทียนจี้เหงื่อซึมเล็กน้อย ถือว่าโชคดีที่เธอไม่ได้ถูกยิงจุดสำคัญ และไม่ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกใด ๆ เมื่อพักฟื้นแล้วเธอน่าจะดีขึ้นในเร็ววัน หากเธอโดนเหล่าหูต่อย อาการคงจะหนักมากกว่านี้
ซูเถาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ฉันรบกวนให้หัวหน้าสวี่และคุณหลิงตัดสินใจแทนฉันแล้วกันค่ะ ฉันกลัวว่าคุณหูจะไม่ปล่อยฉันไป”
ฉู่หมิงสารภาพกับสามีของเจียวชิ่ง ทำให้เขาเชื่อว่าเธอเป็นคนที่กักขังหรือฆ่าเจียวชิ่ง
เมื่อได้ยินแบบนี้ ก่อนที่สามีของเจียวชิ่งจะพบตัวเจียวชิ่ง เขาจึงเลือกมาเล่นงานเธอก่อน
มันคือความอันตรายอย่างรุนแรงที่ซ่อนอยู่
หลิงเทียนจี้ดูเป็นทุกข์ “ผมรับประกันว่าภายในอาณาเขตของซินตูเขาจะสร้างอันตรายให้คุณอีกเป็นครั้งที่สอง ติ้งหนานจะถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมในกิจกรรมหรือได้รับการสนับสนุนใด ๆ เป็นเวลาสามปี นี่คือการลงโทษ เป็นราคาที่เขาต้องจ่าย แต่ถ้าคุณซูออกจากซินตู ผมก็ต้องขอโทษด้วยที่ผมไม่อาจรับประกันความปลอดภัยของคุณซูได้”
ซูเถาเข้าใจว่าสามีของเจียวชิ่งจะไม่ถูกลงโทษอย่างเฉียบขาด ไม่สามารถจับกุมเขาได้ ไม่สามารถยิงเขาที่ขอเท้าเหมือนที่เขาทำกับเธอ ไม่สามารถทำให้เขาหายไปได้ ทำได้แค่คาดโทษและปล่อยเขาไป
แม้ว่าเธอจะเตรียมใจมาแล้ว แต่ซูเถายังคงกำหมัดแน่น
ในกรณีนี้เธอจะกลับมาแก้แค้นด้วยตัวเอง แน่นอน
ถ้าเธอไม่ได้การทำนายของเธอ หมัดนั่นจะทำให้เธอกลายเป็นอัมพาตแน่นอน
ติ้งหนานมาที่นี่โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำร้ายเธอด้วยเจตนาร้าย
สวี่ฉางไม่ได้พูดอะไรในเวลานั้น และหลังจากที่หลิงเทียนจี้จากไปแล้ว เขาก็พูดกับซูเถาอย่างจริงจัง “เรื่องนี้คุณทำได้แค่อดทน หลังจากได้รับคำเตือน ทางติ้งหนานก็จะวางมือในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หากตอนนี้คุณทำอะไรหุนหันพลันแล่นเพื่อแก้แค้นหรือยั่วยุพวกเขา ติ้งหนานเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร ถึงแม้ว่าเถาหยางจะไม่สามารถบุกรุกเข้าไปได้ แต่พวกเขาจะต้องดักรอที่ประตูเขตเถาหยางแน่นอน เมื่อมีคนออกมาเขาจะลงมือฆ่าพวกนั้นทีละคน แบบนั้นคุณทนได้เหรอ?”
เมื่อซูเถาได้ยินสิ่งนี้ อารมณ์ของเธอก็ยิ่งแย่ลงไปอีก
“ฉันรู้สึกว่าเถาหยางนั้นช่างอ่อนแอและถูกรังแกได้ง่าย หากเปลี่ยนเป็นซินตู ผู้คนในติ้งหนานจะก้มหัวให้โดยไม่ต้องคิด ไม่ต้องพูดถึงการปิดกั้นประตูใด ๆ”
“เถาหยางจะต้องมีวันนั้นแน่นอน” สวี่ฉางปลอบโยนเธอ
ซูเถาจ้องมองอีกฝ่ายและถามว่า “หัวหน้าสวี่ เถาหยางสามารถขอก่อตั้งเป็นฐานได้ไหม ฉันรู้ว่าอายุของเถาหยางนี้ยังไม่นานพอ แต่บางทีคุณน่าจะตามเราไปที่เถาหยางเพื่อดูก็ได้ ฉันเชื่อว่าคุณจะไม่ผิดหวัง”
“เกรงว่าปีนี้ผมอาจจะไม่มีเวลา เอาไว้ปีหน้าแล้วกัน” หัวหน้าสวี่ยิ้มและส่ายหัว
เขาได้รับข่าวว่าลูกสาวของเขาปรากฏตัวทางใต้ เขาจะต้องสืบหาทีละคนจากฐานทางใต้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เขาจะไม่ยอมแพ้แม้มีความหวังริบหรี่
ซูเถาไม่สามารถพูดอะไรได้ ดังนั้นจึงได้แต่พยักหน้า และหลังจากที่เขาจากไป เธอก็เอนตัวลงบนรถเข็นและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้วนไปวนมา เธอยอมรับว่าตนเองยังเด็กเกินไปที่จะปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แม้ว่าเหล่าหูจะไม่ถูกฆ่าตายแต่เขาก็มีราคาที่ต้องจ่าย
เธอควานมือเข้าไปในห้วงมิติและได้พบผลึกนิวเคลียสของผู้ที่มีพลังวิเศษ
ผลึกนิวเคลียสลอยอยู่ในฝ่ามือของเธอ รอบ ๆ ลำแสงสีฟ้าพุ่งออกมาและมันก็แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเธอทันที ภายในเวลาไม่ถึง 3 วินาทีแสงสีของผลึกนิวเคลียสก็หมดลง และแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในอากาศ
ซูเถาลืมตาขึ้นและรู้สึกถึงการมีอยู่ของ ‘หุ่นเชิดเคราะห์ร้าย’ อย่างชัดเจน เธอหงายฝ่ามือขึ้นโดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ และตุ๊กตาหุ่นเชิดหน้าตาน่ารักก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเธอ
ตุ๊กตาหุ่นกลม ๆ ซึ่งไม่รู้ว่าทำด้วยอะไร สีของมันใส ๆ มีความแวววาวเหมือนอัญมณีเม็ดงาม แต่ความงามนี้สามารถนำโชคร้ายมาสู่ผู้คนได้ อย่างน้อยที่สุดคนผู้นั้นจะต้องพัวพันกับโชคชะตาอันเลวร้าย และที่แย่ที่สุดก็คือกลายเป็นคนพิการหรือเสียชีวิต
ซูเถาปิดตาตุ๊กตาหุ่นเชิด และเรียกหม่าต้าเพ่ามาเพื่อยื่นหุ่นเชิดให้เขาแล้วพูดว่า “ต้าเพ่า วานคุณไปหาเติ้งจื่อฉิงหน่อยนะคะ ผู้หญิงของจั๋วเอ่อร์เฉิงน่ะค่ะ ให้เธอหาทางส่งหุ่นเชิดนี้ให้กับคนที่ฐานติ้งหนานในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนแซ่หูคนนั้น”
หม่าต้าเพ่าไม่ได้ถามเหตุผลแต่อย่างใด และพยักหน้าโดยไม่ลังเล “ได้ แต่ถ้าเติ้งจื่อฉิงปฏิเสธล่ะ?”
“เธอไม่กล้าปฏิเสธหรอกน่า แต่ถ้าเธอปฏิเสธ คุณสามารถพูดได้ว่าฉู่หมิงลากเธอออกไปเพื่อรับผิดแทน โดยบอกว่าเติ้งจื่อฉิงเป็นคนเสนอความคิดนี้ขึ้นมาและขู่เธอ ถ้าเธอไม่เห็นด้วยคุณก็บอกไปว่าคุณจะแทงหัวหน้าจั๋วต่อหน้าเธอ เธอจะต้องทำตามคำสั่งอย่างแน่นอน” ซูเถาเย้ยหยัน
หม่าต้าเพ่าไม่รู้เรื่อง ‘พลังหลงใหล’ ดังนั้นเขาจึงไม่ถามคำถามมากเกินไป เขาเพียงแค่ท่องจำสิ่งที่ซูเถาฝากมา และเก็บหุ่นเชิดใส่กระเป๋าแล้วไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย
เดิมทีเขามีนัดกับคุณเซียวในเช้านี้เพื่อหารือเกี่ยวกับพื้นที่ว่างในเถาหยาง แต่เนื่องจากซูเถาถูกยิง เรื่องการพูดคุยวันนี้จะต้องขอเลื่อนออกไปก่อน
แต่ทว่าทายาทลำดับที่สามของตระกูลเซียวไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจแม้แต่น้อย และยังถามว่าซูเถาอยู่ในโรงพยาบาลไหน และขับรถตรงมาเพื่อเยี่ยมพร้อมของขวัญ
เมื่อซูเถาเห็นเธอเป็นครั้งแรก ก็เกิดความสงสัยในตัวตนของอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง เพราะคุณชายใหญ่ตระกูลเซียวได้สร้างความประทับใจแย่ ๆ ไว้ให้เธอเสียใหญ่โต ทั้งหยิ่งยโส และมีท่ากะลิ้มกะเหลี่ย
ตอนที่เธอได้ยินว่าตระกูลเซียวเป็นผู้ประมูลที่ดินเปล่าในเถาหยางไป ซูเถาก็ยังรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย โดยคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเหมือนทายาทอย่างรุ่นที่สองที่ชอบเหยียดหยามคนอื่นและไร้ความสามารถ
แต่ทายาทคนที่สามของตระกูลเซียวแต่งกายด้วยกางเกงวอร์มธรรมดา ๆ เสื้อยืดสีขาวเรียบ ๆ บนศีรษะสวมหมวกแก๊ป เธอแต่งตัวเรียบง่ายจนไม่สามารถบอกได้ว่าเธอเป็นลูกสาวของตระกูลเซียวเช่นกัน
เธอเหมือนคนที่ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกันกับคุณชายใหญ่
หญิงสาวเปลือยหน้าสด และเดินทางมาที่นี่ด้วยใบหน้าเกลี้ยงเกลาเป็นธรรมชาติ พร้อมกับทักทายซูเถาอย่างให้เกียรติ “สวัสดีค่ะ ฉันเซียวเหวินอวี้”
ซูเถาได้รับการปฏิบัติจากเธอเป็นอย่างดี จึงยิ้มตอบกลับอย่างสุภาพ
“สวัสดีค่ะ ฉันซูเถา ขอโทษที่วันนี้ต้องผิดนัดนะคะ ถ้าสะดวกเรานัดกันอีกครั้งได้ไหม”
เซียวเหวินอวี้นั่งลงบนโซฟาตัวเล็กข้างซูเถาอย่างสบาย ๆ “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร บ่ายวันนี้พวกคุณจะเดินทางกลับกันแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันขอถือโอกาสนี้ไปกับพวกคุณได้ไหม ฉันจะไปที่เถาหยางกับคุณ”
เธอมองไปที่ซูเถาด้วยดวงตาที่เป็นประกายราวกับว่าเธอปรารถนาเป็นอย่างมาก
ซูเถามองไปที่เธอและพยักหน้า จากนั้นก็ถามคำถามที่ตนสนใจมากที่สุด “ที่ดินนี้คุณเก็บไว้เองหรือต้องการนำมันไปมอบให้คนอื่นต่อคะ?”
ดวงตาของเซียวเหวินอวี้เบิกกว้าง “ถ้าฉันเอามันไปมอบให้คนอื่นก็คงบ้าแล้วล่ะค่ะ ฉันจะเก็บมันไว้เองค่ะ”
เธอไม่คิดจะนำที่ดินนี้ไปมอบให้ใคร? แม้กระทั่งพ่อของเธอเอง?
เธอทนทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก ของขวัญแต่งงานสามารถหาซื้ออะไรก็ได้แบบเรียบง่าย เพราะในอนาคต พ่อของเธออาจแต่งงานอีกหลายครั้ง ถ้าเธอใช้เงินไปอย่างมหาศาลเพื่อมอบของขวัญให้เขาทุกครั้ง ตอนนี้เธอคงจะปวดหัวตายพอดี
ได้ยินแบบนั้นอารมณ์ของซูเถาจึงดีขึ้นทันที แบบนี้ไม่เลวเลย เธอจะได้ไม่ต้องติดต่อกับคนตระกูลเซียว
“ถ้าอย่างนั้นคุณวางแผนเอาไว้คร่าว ๆ หรือยังว่า ถ้าเก็บไว้ใช้ประโยชน์ส่วนตัวคุณอยากจะก่อสร้างเป็นอะไรนอกเหนือจากบ้านพักตากอากาศ?”
เซียวเหวินอวี้พูดอย่างมีความสุข “สร้างวิลล่า วิลล่าหลังเดียว ฉันอยู่คนเดียว ฉันอยากย้ายออกมาอยู่ด้วยตัวเองตั้งแต่ฉันยังเด็ก ๆ ตอนนี้ที่บ้านของฉันเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ฉันพอแล้วจริง ๆ แต่ฉันยังหาที่ที่เหมาะสมไม่ได้ หลังจากค้นหามาเป็นเวลานาน ฉันก็ได้ยินเกี่ยวกับเถาหยางเมื่อครึ่งปีก่อน และฉันพยายามลงชื่อในใบสมัครของคุณ แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้รับเลือก”