ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 330 ความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าสวี่กับอลิซ
ตอนที่ 330 ความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าสวี่กับอลิซ
ตอนที่ 330 ความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าสวี่กับอลิซ
“ตอนนี้เถาหยางรับเฉพาะใบสมัครจากตงหยางเท่านั้นค่ะ เมื่อเจ้าหน้าที่ของเราเห็นว่าคุณเป็นคนต่างพื้นที่ พวกเขาจะคัดคุณออกทันที” ซูเถาอธิบาย
เซียวเหวินอวี้ไม่ได้ถือสาอะไร และก็พูดอย่างมีความสุขมาก “ฉันเข้าใจ แต่ตอนนี้ฉันพอใจแล้วที่สามารถซื้อที่ดินผืนนี้ได้”
ในเวลานี้เครื่องสื่อสารของซูเถาก็ดังขึ้น ซึ่งเป็นสายเรียกเข้าจากจวงหว่าน
“เถ้าแก่ ฉันส่งรูปที่อลิซวาดให้คุณแล้วนะ ฉันเกือบเอาชีวิตไม่รอดแหนะ ตอนที่ฉันไปเกลี้ยกล่อมให้เธอวาดภาพนะจู่ ๆ เธอก็คลุ้มคลั่งขึ้นมา เธอกุมหัวตัวเองพร้อมกับกรีดร้องโหยหวน พวกเราตกใจแทบตาย”
“ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ” ซูเถาถามทันที
จวงหว่านส่ายหัวและพูดว่า “ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว หลังหายจากอาการคลุ้มคลั่งเธอก็เข้านอน ฉันถามถังฮวนที่คอยดูแลอลิซ เธอบอกว่าอลิซจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งเป็นบางคราว และเมื่ออาการนั้นรุนแรงมากขึ้น สิ่งต่าง ๆ รอบตัวหรือแม้แต่หัวของเธอก็จะพองออก”
“พองออก?” ซูเถาอ้าปากค้าง
ใช่ อาจเป็นเพราะอลิซไม่สามารถควบคุมความสามารถของเธอตอนที่เสียสติได้ ผู้คนและวัตถุที่อยู่ใกล้เธอจะพองและขยายใหญ่ขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ และพวกมันจะกลับมาเป็นปกติเมื่อเธอสงบลง”
“ในตอนแรก เธอขยายขนาดไก่และเป็ดขนาดเล็กในทุ่งหญ้าจนเกือบตัวเท่าช้าง ซึ่งทำให้ถังฮวนตกใจแทบเป็นลม”
ซูเถาบอกว่าเธอเข้าใจ และวางสายโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบภาพที่จวงหว่านส่งถึงเธอทันที
หมวกสีแดงถูกขีดเขียนด้วยพู่กันแบบลายเส้นของเด็ก ๆ ลวดลายที่อลิซวาดนั้นมีเอกลักษณ์มาก เธอขีดเขียนรูปภาพต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยเส้นและวงกลม รูปวาดของหมวกสีแดงบนรูปภาพหน้าจอเครื่องสื่อสารของหัวหน้าสวี่ก็มีลักษณะที่เหมือนกัน แทบจะสรุปได้ว่ารูปภาพบนหน้าจอเครื่องสื่อสารของหัวหน้าสวี่นั้นวาดโดยอลิซเอง
เธอมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับหัวหน้าสวี่! และมันก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ธรรมดา หัวหน้าสวี่มองภาพวาดที่ดูมีเอกลักษณ์และตวัดไปมานี้ด้วยความรักทุกวัน
อลิซน่าจะเป็นคนที่สำคัญมากสำหรับเขา
ชวนให้นึกถึงอายุของหัวหน้าสวี่…
ซูเถาเงยหน้าขึ้นและถามเซียวเหวินอวี้ทันที “คุณรู้จักหัวหน้าสวี่ไหมคะ”
“หัวหน้าสวี่ฉางจากฉางจิงเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
“ฉันรู้จักเขาฝ่ายเดียว พ่อของฉันบอกว่าเขาเป็น ‘ดวงตา’ ของระดับผู้นำสูงสุด พวกเรารุ่นหลังได้ทำความคุ้นเคยกับรูปถ่ายและวิดีโอของเขาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะเกรงว่าจะได้พบกับเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว” เซียวเหวินอวี้กล่าว
ซูเถากล่าวโทษตัวเองอยู่สักพัก เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ใส่ใจกับเหตุการณ์ปัจจุบันจริง ๆ ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าตำแหน่งของหัวหน้าสวี่นั้นเป็นตำแหน่งสูงในรัฐบาลกลาง
ไม่น่าแปลกใจที่ทีมผู้นำของซินตูจะกลัวเขามากบราวนี่ออนไลน์
ซูเถาดึงตัวเองออกมาจากความคิดนั้น และถามออกไปอย่างตรงไปตรงมาหลังจากพิจารณาอยู่สักพัก “หัวหน้าสวี่มีลูกสาวไหมคะ หรือมีสมาชิกในครอบครัวผู้หญิงที่เป็นคนสำคัญของเขาไหม”
เซียวเหวินอวี้ลังเลอยู่พักหนึ่ง “ฉันได้ยินมาว่ามีลูกสาวคนหนึ่งที่มีปัญหาทางด้านสติ สิ่งที่ฉันพูดอาจฟังดูไม่ค่อยดีนัก แต่ฉันเดาว่าเธอมีสติปัญญาบกพร่อง หรือพิการแต่กำเนิด ฯลฯ แต่หัวหน้าสวี่ก็เก็บข่าวนี้ไว้ จนถึงตอนนี้มันก็เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น แต่ไม่มีใครเคยเห็นลูกสาวของเขา”
เมื่อซูเถาได้ยินคำว่า ‘ผู้มีปัญหาทางสติปัญญา’ หัวใจของเธอก็เต้นรัว
มันตรงกับอลิซ… ความมั่นใจเก้าในสิบของเธอ อลิซต้องเป็นลูกสาวของหัวหน้าสวี่แน่ ๆ
เธอช่างโชคดีอะไรเช่นนี้
ในเวลานั้นตอนที่เธอเข้ายึดครองสถานีเก่า อลิซเป็นหนึ่งในผู้ที่มีพลังวิเศษที่ถูกทอดทิ้ง แม้ใครจะมองว่าอลิซเป็นเด็กโง่ตัวน้อย และแม้ว่าเธอจะช่วยอะไรใครไม่ได้ ซูเถาก็ยินดีที่จะสนับสนุนเธอ
ซูเถาไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์หรือรางวัลใด ๆ แต่อย่างไรก็ตาม เธอมีความสุขแทนหัวหน้าสวี่เป็นอย่างมากที่เขาจะได้พบกับลูกสาวสุดที่รักของเขาอีกครั้ง
แน่นอนว่าเธอยังมีโอกาสเชิญหัวหน้าสวี่ไปที่เถาหยาง
ดวงตาของซูเถาเต็มไปด้วยความสุข และเซียวเหวินอวี้ก็หัวเราะไปกับเธอ
เสียงหัวเราะของเซียวเหวินอวี้นั้นน่าฟังเป็นพิเศษ มีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างมาก ดังนั้นซูเถาจึงอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“คุณหัวเราะตามฉันทำไม”
“ฉันเห็นคุณมีความสุขก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุขเช่นกัน ฉันคิดว่าฉันไปเตรียมตัวก่อนดีกว่า เอาล่ะ ฉันขอตัวก่อนนะ หลังจากเก็บข้าวของแล้วฉันจะไปหาคุณ! ไปถึงเร็วก็เริ่มก่อสร้างเร็ว และย้ายเข้าอยู่เร็ว!” เซียวเหวินอวี้พูดอย่างมีความสุข
หลังจากบอกซูเถาแล้ว เธอก็รีบออกไป
ทันทีที่เซียวเหวินอวี้ออกจากโรงพยาบาล อารมณ์อันสดใสของเธอก็ถูกสายเรียกเข้าของพี่สาวคนรองโทรเข้ามา “เซียวเหวินอวี้ เธอซื้อที่ดินที่เปิดโล่งในราคามากกว่า 60 ล้านเหลียนปังในการประมูลงั้นเหรอ!”
เซียวเหวินอวี้เกาหูของตัวเอง “ข่าวนี่มันแพร่ไปไวจริง ๆ เลยเนอะ พี่ใหญ่เป็นคนบอกเหรอ”
“เธอไม่ต้องสนหรอกว่าใครเป็นคนบอก 65 ล้านเพื่อซื้อที่ดินเปล่าไร้ค่าเนี่ยนะ เธอถูกหลอกหรือเปล่า ใครกันที่กล้ามาหลอกทายาทตระกูลเซียว”
เซียวเหวินอวี้หมดความอดทน “พี่รอง อย่ามัวแต่คิดเรื่องการเก็งกำไรเลย เงินที่ฉันใช้ไปเป็นจำนวนมาก มันมาจากการที่ฉันทำธุรกิจ ฉันตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องการให้พี่มาเดือดร้อนแทนฉันหรอก”
พี่สาวคนรองโมโหขึ้นเล็กน้อย “ฉันเป็นห่วงเธอผิดด้วยเหรอ? เรื่องนี้ถึงหูพ่อแล้ว เธอไม่รู้หรือไงว่าเหล่าแม่เลี้ยงและพี่สาวน้องสาวพวกนั้นเยาะเย้ยเธอถึงขนาดที่ว่าเธอซื้อที่ดินรกร้างเพื่อเป็นสุสานให้ตัวเอง”
“พวกเขาเดาถูกจริง ๆ ในอนาคตฉันจะเกษียณที่นั่น และฉันจะถูกฝังไว้ที่นั่น สภาพแวดล้อมของหลุมฝังศพของฉันดีกว่าที่ที่ทุกคนอยู่แน่นอน” เซียวเหวินอวี้หัวเราะ
“เธอ…”
“เอาล่ะ ฉันจะวางสายแล้ว ฉันไม่อยากจะอธิบายอะไรมาก คอยดูเถอะ หากวันไหนพี่ต้องการมันขึ้นมา ถึงพี่มีเงินพี่ก็ไม่สามารถซื้อมันได้”
“นี่! อย่าเพิ่งวางสาย ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ฉันได้ยินมาว่าน้องสี่ น้องห้า และน้องเจ็ด รวบรวมเงินกันเพื่อซื้อบ้านให้พ่อในวงแหวนชั้นในของฉางจิง ฉันเดาว่าราคาคงแพงกว่าที่เธอซื้อหลายสิบเท่า”
เซียวเหวินอวี้หน้ามุ่ย ค่อนข้างน่าสมเพชที่จะซื้อลานเล็ก ๆ ในฉางจิงในราคาที่มากกว่าสิบเท่า
เธอเคยไปที่ฉางจิง แม้ว่ามันจะเจริญรุ่งเรือง แต่บ้านเหล่านั้นเป็นแถวติด ๆ กัน ถึงแม้ว่ามันจะแยกเป็นหลัง ๆ ของแต่ละครอบครัว แต่ก็ยังถือว่ารั้วยังติดกับเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ยังมีข้อบังคับในฉางจิงอีกด้วยว่า เพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่ที่อยู่อาศัยของครอบครัวเดี่ยวไม่ควรเกิน 200 ตารางเมตร และเพื่อให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงามจึงจำกัดให้ไม่สามารถสร้างได้ตามต้องการ แต่ต้องสร้างในลักษณะที่ทางการกำหนดให้เท่านั้น
เธอไม่ชอบเลย…
พี่สาวคนรองเสริมประเด็นสำคัญ “เมื่อเปรียบเทียบกับแผ่นดินที่รกร้างว่างเปล่าของเธอ พ่อคงพอใจกว่ามาก”
“แล้วยังไงเหรอ? ฉันเก็บที่ดินนั้นไว้อยู่อาศัยเอง พี่คิดว่าฉันจะให้พ่อเป็นของขวัญวันแต่งงานหรือไง?” เซียวเหวินอวี้สงสัย
พี่สาวคนรองตะลึงทันที “นี่เธอไม่ได้ทำเพื่อพ่อเหรอ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ใช้เงินไปมาก…”
เพราะช่วงนี้พี่น้องตระกูลเซียวได้ใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อของขวัญให้กับพ่อ
“ฉันบอกว่าฉันจะซื้อสุสานให้ตัวเอง ฉันไม่ต้องการแย่งสมบัติของตระกูลกับพี่ไง ทำไมต้องใช้เงินมากมายเพื่อเอาใจพ่อด้วยล่ะ มันไม่จำเป็น ฉันจะไปเถาหยางเพื่อดูว่ามีของดีอะไรบ้าง แล้วค่อยซื้อไปฝากพ่อแล้วกัน”
คุณหนูรองตระกูลเซียวหยุดพูดทันที
เพราะว่าน้องสาวคนที่สามของเธอได้ประกาศกับทุกคนไว้นานแล้วว่าเธอจะไม่แย่งชิงอะไรกับใคร แต่ไม่มีใครเคยเชื่อเธอ
ทรัพย์สินของตระกูลเซียวนั้นมันไม่ใช่น้อย ๆ ห่วงโซ่แห่งผลประโยชน์และสายสัมพันธ์ขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังมันก็ไม่ได้ธรรมดาเหมือนคนทั่วไป
ทายาทของตระกูลเซียวไม่มีใครต้านทานการล่อลวงนี้ได้
แต่ตอนนี้คุณหนูรองตระกูลเซียวรู้สึกว่าน้องสาวคนที่สามคงไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้จริงๆ
“เอาล่ะ ว่าแต่เธอวางแผนจะซื้อที่ดินรกร้างนั่นเพื่ออะไร?”