ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 333 ลองดูสักตั้ง
ตอนที่ 333 ลองดูสักตั้ง
ตอนที่ 333 ลองดูสักตั้ง
ซูเถาสั่งให้ทุกคนหยุดรถ
ทุกคนชะโงกมามองเธอด้วยความประหลาดใจ และถามอย่างประหม่าว่า “เกิดอะไรขึ้น? มีอันตรายอะไรเหรอ?!”
พวกเขามีประสบการณ์ระหว่างทางมาที่นี่ มีอุบัติเหตุหลายอย่างรวมถึงการปล้น หรือกระทั่งรถติด
ซูเถาเรียกหม่าต้าเพ่ามาเพื่อหารือ “คุณพาทุกคนกลับไปก่อน เจียงอวี่ มี๋อู๋ไปรับใครบางคนกับฉัน และพวกเราจะตามไปทีหลัง”
หลินฟางจือรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ยินชื่อของเขา และมองไปที่เจียงอวี่อย่างขุ่นเคือง
หม่าต้าเพ่าพยักหน้าเป็นคำตอบ และโบกมือให้ทุกคนเข้าไปในรถและนั่งลง
เซียวเหวินอวี้หันศีรษะและตะโกนถามซูเถา “เฮ้ คุณต้องการความช่วยเหลือไหม ฉันมีพรรคพวกที่ซินตูอยู่”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ไปรับคนเฉย ๆ ขอบคุณนะคะ”
เซียวเหวินอวี้ทำท่าทางตกลงกับเธอ “รีบไปรีบกลับมานะ ระวังความปลอดภัยด้วย”
เสี่ยวอวี๋ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสายได้ยินการวางแผนทั้งหมด เขานั้นพูดไม่ออกในอกเขาเต็มไปด้วยความตื้นตัน
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวล ฉันเองก็มีความแค้นกับตระกูลฉู่เหมือนกัน อีกอย่างความค้างคานั้นยังไม่ได้สะสาง คุณไม่เคยได้ยินเหรอ ว่าศัตรูของศัตรูก็คือมิตร ฉันกำลังเดินทางไปนะ” ซูเถารีบเอ่ยกับคนในสาย
มี๋อู้ขับเคลื่อนรถด้วยความเร็วสูง หลิงอวี่ที่อยู่ในรถด้วยกันยังกระสับกระส่ายและบินไปมาในห้องโดยสาร
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็รับตัวเสี่ยวอวี๋มาเป็นที่เรียบร้อย
เสี่ยวอวี๋สะพายกระเป๋าที่อัดแน่นจนตุงออกไว้ด้านหลัง มันดูไม่เหมาะกับตัวเขาสักนิด และรูปร่างของเขาผอมมากจนเหมือนว่าเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่แขวนอยู่บนไม้แขวนเสื้อ
ซูเถามองดูเขาและอยากจะส่ายหัว “คุณผอมเกินไปแล้ว ระวังจะป่วยเอานะคะ แต่ไว้เราค่อยพูดคุยกันทีหลัง ตอนนี้อวี๋ผอผ่ออยู่ที่บ้านใช่ไหมคะ”
เสี่ยวอวี๋พยักหน้า “น่าจะใช่ แต่ผมกังวลนิดหน่อยว่าเธอจะไม่ไปกับคุณ”
แน่นอนเมื่อพวกเขางัดประตูเข้าไป ใบหน้าของอวี๋ผอผ่อก็เปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเห็นเสี่ยวอวี๋และซูเถา หญิงชราหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้าน แล้วหยิบไม้เท้าออกมาไล่ตีเสี่ยวอวี๋
“แกยังกล้ากลับมาอีกเหรอ? คำพูดของฉันไม่ได้เข้าหูแกเลยใช่ไหม?! แล้วนี่ยังพาเธอกลับมาด้วย! ไหนแกลองบอกฉันมาสิ แกเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟังแล้วใช่ไหม!”
เสี่ยวอวี๋ตัวสั่นสะท้าน แต่เขาไม่ได้เอ่ยปากปฏิเสธจึงถูกตีด้วยไม้เท้า จนสีหน้าก็เปลี่ยนไปเนื่องจากความเจ็บปวด
เมื่อเห็นว่าหลานชายยังปิดปากเงียบไม่ตอบ เหล่าอวี๋ผอจึงรู้ว่าซูเถาน่าจะรู้เรื่องนี้มากที่สุด หญิงชราโกรธจนดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ และเมื่อจะเริ่มลงมืออีกครั้ง ซูเถาก็หยุดเธอเอาไว้
“อวี๋ผอผ่อ! หลานชายของคุณผอมขนาดนั้น ไม้เท้าของคุณฟาดไปก็โดนแต่กระดูก เขาก็น่าจะเจ็บมากนะคะ”บราวนี่ออนไลน์
อย่างไรก็ตาม อวี๋ผอผ่อเองรู้สึกสงสารหลานชายของเธอไม่น้อย จึงโยนไม้เท้าลงพื้นด้วยความโกรธ และทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาก่อนจะเบือนหน้าไปด้านข้างโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เสี่ยวอวี๋คุกเข่าลงที่เท้าของผู้เป็นย่าและเอ่ยขอโทษ แต่เหล่าอวี๋ผอยังคงเพิกเฉยต่อเขา เธอหันไปหาซูเถาและพูดว่า “หลานย่า แกไม่ควรยุ่งกับเรื่องนี้ ตระกูลฉู่ดำเนินกิจการในวันสิ้นโลกมายี่สิบปีแล้ว แกไม่ควรประเมินความแข็งแกร่งของพวกเขาต่ำเกินไป ขนาดทางซินตูยังไม่กล้าทำให้พวกเขาขุ่นเคือง แก…”
ซูเถาส่ายหัว “ฉันเข้าไปพัวพันกับพวกเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายหญิงฉู่มองว่าฉันเป็นศัตรูและเคยลงมือทำร้ายฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เธอทำไม่สำเร็จ เรื่องราวมันไปไกลแล้วค่ะ ถึงเธอจะไม่มาหาฉัน แต่สักวันหนึ่งฉันจะไปหาเธอเพื่อแก้แค้นอยู่ดี”
เหล่าอวี๋ผอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อพิจารณาถึงนิสัยของฉู่หมิงแล้ว เธอทำให้หลายคนไม่พอใจมานับไม่ถ้วน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่
เพราะว่าตระกูลฉู่เลี้ยงลูกสาวมาแบบนั้น และในวันหนึ่งทุกอย่างก็ต้องตกอยู่ในมือของฉู่หมิง
เสี่ยวอวี๋ส่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา “ย่า…”
อวี๋ผอผ่อตีเขา “ฉันให้แกพูดแล้วเหรอ”
“คุณต้องการเข้าร่วมกับฉันในแนวหน้าเหรอ ร่วมมือกันเพื่อจัดการกับตระกูลฉู่” จากนั้นเธอก็หันไปพูดกับซูเถา
ซูเถาชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย”
เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของเธอไม่ได้เสแสร้ง อวี๋ผอผ่อรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“แปลว่าคุณแค่สงสารยายแก่ ๆ อย่างฉันเหรอ แต่ไม่ได้คิดจะช่วยแก้แค้นใช่ไหม?”
“คุณย่าคะ อย่าเพิ่งใจร้อนนะคะ ที่ฉันจะพาคุณไปด้วยไม่ได้จะนำไปเป็นเครื่องต่อรองอะไร ไม่ได้จะพาตัวคุณไปใช้งานฟรี คุณอยากทำอะไรก็ทำได้ตามสบายเลยค่ะ ทุกสิ่งที่คุณต้องการ” ซูเถาพูด
อวี๋ผอผ่อกลัวถูกหลอกจึงต้องคิดอย่างละเอียดรอบคอบ
เสี่ยวอวี๋อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ย่า เถาหยางไม่ใช่ตระกูลฉู่”
อวี๋ผอผ่อคิดอยู่นาน ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นไปที่ห้องทำงานด้านหลัง ก่อนจะมีเสียงโครมครามดังขึ้นตามมาหลังจากหญิงชราเดินเข้าไป และในที่สุดก็ออกมาพร้อมกับกระเป๋าถือใบหนึ่ง
ข้างในเป็นของเธอทั้งหมด
เธอโยนกระเป๋าให้เสี่ยวอวี๋และพูดกับซูเถา “ฉันแก่แล้ว อีกไม่นานก็ต้องลงหลุม ฉันจะลองดูสักตั้ง ถ้าฉันไปถึงแล้วเอาฉันไปขาย ถึงเวลานั้นฉันก็คงต้องยอมรับแล้วแหละ”
ใครใช้ให้หลานโง่ไว้ใจอีกฝ่ายขนาดนั้น มันคงเป็นโชคชะตา
ซูเถายิ้มและพูดว่า “คุณต้องไม่ผิดหวังแน่ค่ะ เราต้องชนะการเดิมพันในครั้งนี้แน่นอนค่ะ ฉันเคารพผู้เฒ่าและรักผู้เยาว์เสมอ ฉันจะให้พวกคุณอยู่อย่างสุขสบายในที่ของฉันแน่นอนค่ะ อีกอย่างสถานที่ของฉันมีผู้สูงอายุมากมาย คุณสามารถหาคนที่ถูกใจได้เพื่อไปเต้นรำกันที่ลานในยามว่าง”
เหล่าวอวี๋ผอคิดว่าเธอล้อเล่น เธอไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเถาหยางมาก่อน แต่มันก็คงไม่ดีเท่าฐานใหญ่อย่างซินตู ฉางจิงที่สามารถมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีได้หรอก แต่เธอไม่สนใจชีวิตทางวัตถุมากนัก ดังนั้นจึงไม่สนใจ
ในขณะที่ซูเถาเดินกลับไปที่รถ เหล่าอวี๋ผอพูดอีกครั้ง “เถาหยางแข็งแกร่งแค่ไหน มีผู้ที่มีพลังวิเศษและกองกำลังติดอาวุธกี่คน”
เธอคิดในใจและได้เริ่มร่างวิธีการเสริมความแข็งแกร่งทางอาวุธของสถานที่เล็ก ๆ ในเถาหยางแล้ว แม้ว่าจะไม่สามารถต่อสู้กับตระกูลฉู่ได้ แต่เธอต้องค่อย ๆ เลาะชิ้นเนื้อจากตระกูลฉู่
ซูเถารู้สึกอายเล็กน้อย “ฮ่าฮ่าฮ่า มีไม่ถึงสิบคนค่ะที่มีพลังวิเศษ แล้วก็มีกองกำลัง… เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนับไหมคะ ถึงพวกเขาไม่มีอาวุธ แต่พวกเขาเฝ้าระวังได้ดีมาก”
พวกเขามีความสามารถในการเฝ้าระวังกล้องวงจรปิด
เหล่าวอวี๋ผอตะลึงงัน
เธอกำลังลงเรือโจรหรือเปล่า?
สถานที่เล็ก ๆ นี้มีผู้ที่มีพลังวิเศษกว่าสิบคน
แต่เธอไม่มีแม้แต่คลังอาวุธ ทว่าตอนนี้เมื่อซูเถาพูดถึงความบาดหมางกับตระกูลฉู่นั้นดูมั่นใจเหลือเกิน ซึ่งทำให้จิตใต้สำนึกของเธอคิดว่าความแข็งแกร่งของเถาหยางก็ไม่น่าจะธรรมดา
“แล้วมีผู้มีฝีมือด้านการต่อสู้อยู่ในฐานของคุณหรือมีคนหนุ่มสาวที่แข็งแกร่งหรือเปล่า”
ขอแค่มีคน เธอสามารถช่วยบ่มเพาะและช่วยฝึกฝนได้ และด้วยอาวุธที่เธอพัฒนาขึ้นมามันน่าจะสามารถช่วยพวกเขาได้มาก
“มีคนที่แข็งแกร่งบ้าง แต่ไม่มากนัก คนที่มาอยู่ในพื้นที่ของฉันส่วนมากจะมากันเป็นครอบครัว นอกจากนี้พูดตามตรง เถาหยางยังไม่ใช่ฐานทัพ…” ซูเถายิ่งเขินอายกว่าเดิม
“คุณทำเรื่องก่อตั้งเป็นฐานทัพหรือยัง? ความแข็งแกร่งระดับนี้ฉันว่าสามารถผ่านได้นะ?”
“อย่าถามเลยค่ะ เถาหยางไม่ได้เป็นอะไรเลย เป็นแค่สถานที่เล็ก ๆ ที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ แม้ว่าเถาหยางของเราจะยังไม่มีอะไรรับรอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครหน้าไหนจะบุกเข้ามาได้ง่าย ๆ คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตของคุณนะคะ” ซูเถามึนงง
เหล่าอวี๋ผอหยุดถามคำถามเพิ่มเติมทันที แต่การแสดงออกของอีกฝ่ายนั้นอธิบายไม่ได้ เธอรู้สึกว่าตนเองอาจจะไปที่ค่ายผู้รอดชีวิตที่จัดโดยคนสองสามร้อยคน ไม่มีคน ไม่มีอาวุธ และสถานที่ห่างไกล
คงเป็นเพราะความห่างไกล ถ้าจะเรียกให้ถูกอาจพูดได้ว่าไปลำบากหรือเปล่า แต่ถ้ามันเป็นสถานที่ที่หลบซ่อนตัวได้ดีจริง ๆ เธอจะทำให้เถาหยางพัฒนาไปอีกขั้นและหลุดพ้นจากความน่าสมเพชนี้