ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 339 ความลำบากใจของเหล่าอวี๋ผอ
ตอนที่ 339 ความลำบากใจของเหล่าอวี๋ผอ
ตอนที่ 339 ความลำบากใจของเหล่าอวี๋ผอ
ในเวลาเดียวกัน เหล่าอวี๋ผอที่ยืนอยู่ที่ประตูเขตเถาหยาง ก็มองไปที่หม่าต้าเพ่าที่ยืนอยู่ทางซ้ายมือแล้วเอ่ยถามเขาในที่สุด “ผู้จัดการหม่า พวกเราถึงแล้วเหรอ”
สายตาของเธอมองไปที่กำแพงสูงและรั้วลวดหนามไฟฟ้าที่ตระหง่านอยู่ตรงหน้า สายตาจับจ้องไปที่ผู้คนไร้บ้านที่อาศัยอยู่รอบ ๆ เถาหยาง
นี่คือเถาหยางเหรอ?
มีเครื่องหมายคำถามมากมายบนหัวของเธอ เหมือนว่าสถานที่แห่งนี้กับสภาพแวดล้อมด้านนอกจะแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่ากำแพงสูงและรั้วลวดหนามไฟฟ้านี้มาจากฐานไหน แต่เมื่อมองจากประตูอันงดงามด้านนอกนี้แล้ว มันเหมือนกับทางเข้าของชุมชนอันศิวิไลซ์ก่อนวันสิ้นโลก
แต่พนิจพิจารณาดูแล้ว อวี๋ผอผ่อรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอีกครั้ง จนกระทั่งเธอเห็นเฉียนหรงหรงที่ตื่นเต้นรีบวิ่งไปที่ประตูใหญ่และโอบกอดเพื่อนที่เธอรู้จัก
หืม?
เสี่ยวอวี๋หลานชายของเธอไม่ได้คิดอะไรมาก เขารีบวิ่งไปที่ประตูและยอมรับทันทีว่านี่คือเถาหยาง!
หม่าต้าเพ่าที่กำลังก้มมองตารางงานที่ยุ่งเหยิงของตนเอง ก่อนเงยหน้าขึ้นพูดกับเหล่าอวี๋ผอ “ใช่ใช่ใช่ พวกเรามาถึงกันแล้วครับ มาแล้วเหรอผู้จัดการจวง! รบกวนคุณพาเหล่าอวี๋ผอไปเดินสำรวจรอบ ๆ เถาหยางหน่อยนะ ที่ภูเขาผานหลิวมีหลายเรื่องให้ผมต้องจัดการ เดี๋ยวยังไงผมคงต้องขอตัวก่อน!”
เฉียนหลินแนะนำเหล่าอวี๋ผอและหลานชายกับจวงหว่าน
จวงหว่านเคยได้ยินซูเถาพูดถึงย่าหลานคู่นี้แล้ว หญิงสาวจับมือของเหล่าอวี๋ผอและกล่าวต้อนรับอย่างเป็นมิตร “ยินดีต้อนรับค่ะ ยินดีต้อนรับ เถ้าแก่ซูของเราขอให้ฉันจัดห้องให้คุณสองคนล่วงหน้าแล้ว เชิญทางนี้ค่ะ”
ระหว่างทางจวงหว่านพยายามอย่างเต็มที่เพื่ออธิบายคำแนะนำในการเข้าพัก
เวลานั้นใจของอวี๋ผอผ่อได้โบยบินไปตามสายตาของอีกฝ่ายแล้ว ด้านหน้าเป็นเขตที่อยู่อาศัยที่สร้างขึ้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีน้ำพุเล็ก ๆ เย็นใสแจ๋ว พร้อมต้นไม้สีเขียวที่อยู่ตามริมทางเดินที่ทอดยาวไปยังอาคารสำนักงานอันงดงาม…
“เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ?”
“ฉันบอกว่าถ้าคุณรู้สึกไม่สบาย คุณสามารถเดินตรงไปทางนี้แล้วเลี้ยวซ้ายจะเจอคลินิกเถาหยางอยู่ที่นั่น และมีคนเข้าเวรตลอด 24 ชั่วโมง” จวงหว่านหยุดชะงักก่อนเอ่ยซ้ำอีกครั้ง
อวี๋ผอผ่อที่เอียงศีรษะและพึมพำ “มีคลินิกและหมอเหรอ? บ้าไปแล้ว ไม่ใช่ ฉันหมายถึงคุณเรียกใครว่าเถ้าแก่?”
จวงหว่านพูดไม่ออก เธอรู้สึกว่าตัวเองอธิบายไปตั้งมากมาย แต่เหมือนจะไม่เข้าหูของหญิงชราคนนี้เลยเรอะ?! “เถ้าแก่ซูของพวกเรา ซูเถา เธอมีเรื่องต้องทำและยังไม่กลับมา” ทำไมหญิงชราคนนี้ถามแปลก ๆ
“แล้วผู้จัดการหม่าล่ะ?”
“เขาก็เหมือนกับฉันค่ะ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของเถ้าแก่ซู แต่เขารับผิดชอบดูแลอยู่ที่ภูเขาผานหลิวเป็นหลัก”
“ภูเขาผานหลิวคืออะไร?”
“เถาหยางเปิดสถานีให้บริการที่นั่นค่ะ เป็นจุดแวะพัก ให้บริการครบวงจรเช่นที่พัก อาหาร เติมน้ำมัน และชาร์จไฟ โดยมีผู้จัดการหม่าก็เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจดังกล่าว”
เหล่าอวี๋ผอเงียบไปนาน และเธอก็เดินโซเซไปมา
อย่างไรก็ตามเสี่ยวอวี๋ที่ไม่ได้รู้จักสังเกตอะไร เขาติดตามเฉียนหรงหรงไปเพื่อเดินเล่นรอบ ๆ และกลับมาพร้อมถือโคล่าเย็น ๆ สองขวดมาแบ่งปัน ตอนนี้ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสุขและความประหลาดใจ
“ย่า ที่เถาหยางมีโรงอาหารขนาดใหญ่ด้วย เป็นอาคารสามชั้น มีตู้ขายของอัตโนมัติมากมายอยู่ที่ชั้นบนและชั้นล่าง สามารถซื้ออะไรก็ได้ที่ต้องการและราคาถูกมาก หรงหรงบอกผมว่าบางครั้งจะมีคนจากภูเขาผานหลิว ที่เป็นพ่อครัวมาทำอาหารให้สองสามอย่าง ทุกเมนูล้วนแต่เป็นผักใบเขียวสดใหม่ทั้งหมด! ผมไม่เคยเห็นผักสดมาก่อนเลย!”
“เรามีพื้นที่เพาะปลูกค่ะ วันพรุ่งนี้สามารถให้อาอู๋เจิ้นพาไปเยี่ยมชมได้นะคะ วันนี้อาจต้องให้เขาพักผ่อนก่อน เราสามารถเก็บผักกาดหอมและสตรอว์เบอร์รีได้เอง และยังสามารถขอให้พ่อครัวฉินทำผัดผักน้ำมันหอยได้ และไปหาคุณย่าเฉินเพื่อทำแยมสตรอว์เบอร์รีไว้ใช้ทาขนมปังตอนเช้าได้ค่ะ” หรงหรงพูดทันที
“ย่า ย่า ได้ยินไหม!” ความประหลาดใจของเสี่ยวอวี๋มันเอ่อล้นแทบจะทะลักออกมาจากอก
“ฉันไม่ได้หูหนวกนะ” เหล่าอวี๋ผอฟาดหลานชายไปหนึ่งฉาด
เสี่ยวอวี๋รอจวงหว่านพาพวกเขาไปที่บ้านใหม่เอี่ยมขนาด 5 ห้องนอนที่ตกแต่งอย่างดี
“ย่า ดูสิ ผมได้มีห้องของตัวเองด้วย! พี่จวงเพิ่งบอกว่าห้องของผมมีระเบียงด้วยล่ะ!” เขาจับมือเหล่าอวี๋ผอแน่น
หลังจากออกจากตระกูลฉู่ที่เหมือนคุกคลุมขัง พวกเขามักจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่มาตลอด นับประสาอะไรกับบ้าน มีเต็นท์ก็ถือว่าดีมากแล้ว
ต่อมาพวกเขาลงหลักปักฐานในซินตู แต่ว่าบ้านหลังนั้นก็มีขนาดเล็กและเขาต้องนอนบนโซฟาในห้องนั่งเล่น
เหล่าอวี๋ผออยากจะสะบัดมือของหลานชายออกจริง ๆ แต่เธอทำไม่ได้
เสี่ยวอวี๋มีความสุขจริง ๆ
เมื่อจวงหว่านได้ยินเขาเรียกเธอว่าพี่สาวก็ยิ้มหน้าบาน น้ำเสียงที่พูดเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนกว่าเดิม “เสี่ยวอวี๋ ถ้าในอนาคตต้องการอะไรก็บอกฉันได้ตลอดนะ อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เรากำลังรับสมัครพนักงาน ฉันคิดว่านายค่อนข้างเหมาะกับงานบุคคลนะ ทำไมไม่ลองดูล่ะ”
“พี่หมายความว่ายังไงนะ?” เสี่ยวอวี๋ตกตะลึง
เหล่าอวี๋ผอลอบเตะเขาเบา ๆ เจ้าเด็กโง่ เธอหางานให้แกทำไง โง่จริง ๆ หลานคนนี้
จวงหว่านอธิบายอย่างอดทน “ตอนนี้ฉันขาดผู้ช่วย นายอยากทำงานกับฉันในเถาหยางไหม เนื้อหางานคือให้บริการพนักงานของเถาหยาง ช่วยพวกเขาเรื่องขั้นตอนการเข้างาน ตรวจสอบการเข้างาน และจัดกิจกรรมบางอย่างของพนักงาน หรืองานอื่น ๆ ในบางครั้ง”
เสี่ยวอวี๋รีบไปหาย่าของเขา
อวี๋ผอผ่อไม่ได้มองเขาแต่เธอกล่าวขอบคุณจวงหว่านโดยตรง “ขอบคุณผู้จัดการจวงมากที่คิดถึงเขา เขาต้องทำงานหนักอย่างแน่นอน แต่หลานชายของฉันเป็นคนเรียบง่ายแต่เขาไม่เคยทำงานมาก่อน ช่วยแนะนำเขาด้วยนะ”
“ฉันจะค่อย ๆ สอนเขาเอง ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปค่ะ” จวงหว่านไม่ได้สนใจเลย
เสี่ยวอวี๋สัมผัสได้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งดี ๆ มากมายจะเกิดขึ้นได้ในวันเดียว ไม่เพียงแต่จะมีห้องของตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีงานของตัวเองด้วย เขาไม่ต้องคอยแต่พึ่งพาย่าอีกต่อไปแล้ว!
“พี่จวง ผมจะตั้งใจเรียนรู้นะ!” เขาเอ่ยอย่างกระตือรืนร้น
เฉียนหรงหรงก็ดีใจกับเขาเช่นกัน มือเล็กกระจิดริดปรบมืออยู่ข้าง ๆ เพื่อแสดงความยินดี
กลางดึก อวี๋ผอผ่อที่นอนอยู่บนเตียงที่กว้างขวางนุ่มนิ่ม หญิงชรานอนพลิกตัวไปมากำลังเผชิญกับอาการนอนไม่หลับ เธอลุกขึ้นนั่งและหยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมา ก่อนจะใช้งานเครือข่ายท้องถิ่นของตงหยางและเถาหยาง โดยเฉพาะการเข้าใช้งานบนเว็บไซต์ทางการของเถาหยาง
ภาพถ่ายและวิดีโอปรากฏในครองจักษุของเธอ ทั้งหมดนี้บอกเธอว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คือเรื่องจริง เถาหยางไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมดีเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยด้านความปลอดภัยสูงอีกด้วย ว่ากันว่ากำแพงสูงด้านนอกไม่เพียงป้องกันการโจมตีของเคียวโลหิตเท่านั้น แต่ยังป้องกันไฟไหม้และการโจรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
กระทั่งมีโดมป้องกันในภายหลัง…ไม่มีภัยใดที่ขวางกั้นไม่ได้
เหล่าอวี๋ผอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าผ่านหน้าต่างโดยไม่รู้ตัว และทันใดนั้นก็แค่นเสียงหัวเราะเยาะตนเอง เธอคิดว่าเถาหยางเป็นสถานที่เล็ก ๆ และห่างไกล ดังนั้นจึงกังวลเกี่ยวกับมันมาตลอดทาง
เมื่อมองดูตอนนี้ เถาหยางที่เต็มใจรับเธอเข้ามา และเธอก็เป็นเหมือนคนฉวยโอกาส หากไม่มีเธอ ตระกูลฉู่ก็จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ ต่อเถาหยาง