ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 343 ยอมรับการจัดการของซูเถา
ตอนที่ 343 ยอมรับการจัดการของซูเถา
ตอนที่ 343 ยอมรับการจัดการของซูเถา
ซูเถาสร้างอาคารหอพักและอาคารสำนักงานที่เรียบง่ายเหนือพื้นที่เปิดโล่งสำหรับเสิ่นเวิ่นเฉิงและคณะวิจัยของเขาภายในชั่วข้ามคืน เพื่อความสะดวกในการรับประทานอาหารจึงได้สร้างโรงอาหารเล็ก ๆ ขึ้น และจ้างป้าแม่บ้านที่สามารถทำอาหารได้มาช่วยทำอาหาร ทำความสะอาด และจัดการเรื่องอื่น ๆ ให้พวกเขา
ส่วนที่เหลือของห้องปฏิบัติการต่าง ๆ ต้องค่อยเป็นค่อยไป และเสิ่นเวิ่นเฉิงต้องเป็นผู้ที่สื่อสารกับผู้อาวุโสเหม่ยก่อน เธอจึงค่อยเริ่มการก่อสร้างได้หลังจากมีการสื่อสารและวางแผนเสร็จสิ้น
ในเช้าตรู่ของวันถัดไป ซูเถาก็ไปที่ตงหยางอีกครั้งโดยไม่คิดจะหยุดพัก เธอเข้าพบอดีตผู้นำกองทัพและหัวหน้าเขตต่าง ๆ ในตงหยาง เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องการเข้าไปจัดการอาณาเขตตงหยาง
เพียงไม่นานหลังจากที่ซูเถาออกจากเถาหยาง กัปตันต้วนแห่งทีมทหารรับจ้างพั่วจู๋ก็มาหาเธอ แต่แน่นอนว่าพวกเขาต้องคลาดกัน
“ฉันแนะนำคุณให้มาหาเถ้าแก่ในสัปดาห์ถัดไป เนื่องจากเธอเพิ่งกลับมาจากซินตูและมีหลายสิ่งหลายอย่างรอให้เธอจัดการ จึงไม่ได้มีเวลามาพบคุณ” จวงหว่านส่ายหัวแล้วพูด
“ผมใจร้อนเกินไป บอกตามตรง ช่วงที่อาจารย์ของผมอาศัยอยู่ในเถาหยางแม้ว่าเขาจะยังเจ็บปวด แต่สภาพจิตใจของเขาก็ดีขึ้นมาก และยังมีอารมณ์ที่จะสอนวิชาการต่อสู้ให้คนอื่นได้บ้าง ซึ่งมันทำให้เขามีความสุขไม่น้อย” กัปตันต้วนถอนหายใจ
“ผู้จัดการจวง ถ้าผมรู้ว่ามีสถานที่อย่างเถาหยางแบบนี้ ผมคงส่งอาจารย์ไปที่ตงหยางก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสได้เกษียณในเถาหยาง…”
มันสายเกินไปที่จะบอกตอนนี้ว่ารู้สึกเสียดาย และตอนนี้ก็ทำได้แค่รอพบเถ้าแก่ซู แสดงความจริงใจที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อหวังว่าจะให้อาจารย์ได้อยู่ต่อ
ด้วยเหตุผลนี้ ไม่เพียงแต่เขาไม่ต้องการให้เถาหยางชำระเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายที่พวกเขาไปช่วยเสิ่นเวิ่นเฉิงและทีม แต่เขายังเต็มใจที่จะจ่ายเงินบำนาญจำนวนมากให้กับเถาหยางอีกด้วย
เพราะอาจารย์คงมีชีวิตอยู่ต่อไม่กี่ปี…
“อาจารย์หนิงเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านการจัดการทางทหารที่หาได้ยาก เถ้าแก่ของเราก็กำลังต้องการผู้ที่มีพรสวรรค์ และมีแนวโน้มมากที่จะอนุญาตให้เขาได้อยู่ต่อ” จวงหว่านปลอบเขา
กัปตันต้วนยังไม่วางใจ อาจารย์ของเขามีความสามารถมากจริง ๆ ด้วยประสบการณ์การสู้รบที่โชกโชนและมีประสบการณ์การจัดการเชิงทฤษฎี แต่จะมีฐานใดที่จะต้องการผู้มีความสามารถที่ป่วยหนักและกำลังจะตาย?
เขาเดินกลับไปอย่างเป็นกังวล มองดูอาจารย์ของเขาซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นและสั่งให้เมิ่งเสี่ยวป๋อชก ภาพนั้นทำให้ดวงตาของเขาก็แดงก่ำด้วยความขมขื่น
ถ้าซูเถาอยู่ที่นี่ เธอจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอนที่ได้เห็นเมิ่งเสี่ยวป๋อแบบนี้
ชายร่างใหญ่คนนี้มีจิตใจเรียบง่าย เขามีแขนขาที่ถูกพัฒนามาอย่างดี เพียงแค่ไม่ได้ฝึกฝนอย่างมืออาชีพ จริง ๆ แล้วเขาต้องการที่จะเรียนรู้การชกอย่างมีแบบแผนโดยไม่ใช้กำลังที่ดุร้าย
เมิ่งเสี่ยวป๋อมีความมุ่งมั่นมากในการเรียนรู้การออกหมัด…
แต่ในขณะเดียวกัน การทะเลาะวิวาทที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเกิดขึ้นในการประชุมผู้นำระดับสูงของตงหยาง
มีแม้กระทั่งหัวหน้าเขตที่ถอดรองเท้าและทุบตีหัวหน้าเขตอีกคน เหตุผลก็คือเนื่องจากหัวหน้าเขตว่านต้องการไปติดสินบนซูเถา เพราะอยากให้ซูเถาให้ความสำคัญกับพื้นที่ของเขาก่อน
ตอนนี้ทุกคนในตงหยางต่างก็รู้ว่าเถาหยางจะเข้าครอบครองตงหยาง ซึ่งหมายความว่าพื้นที่ใดที่เถาหยางเข้าครอบครอง พื้นที่นั้นจะมีความปลอดภัย มีสภาพแวดล้อมและเสบียงอาหารที่สมบูรณ์
สำหรับสิ่งที่ดีเช่นนี้ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เถาหยางเข้าครอบครองพื้นที่ที่พวกเขาดูแลก่อน เพราะหากช้าไปแม้แต่วันเดียว หัวหน้าเขตต่าง ๆ ก็กลัวว่าวันหนึ่งซอมบี้จะกลับมาโจมตีอีกครั้ง
การดำเนินการติดสินบนของหัวหน้าเขตว่านกระตุ้นความไม่พอใจของผู้คนจำนวนมาก และการต่อสู้ของทุกคนก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ภายในไม่กี่นาที หัวหน้าเขตว่านก็ถูกทำร้ายจนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
ซูเถาตกตะลึง…
คนเหล่านี้ปรากฏในพาดหัวข่าวของตงหยาง
ในหมู่พวกเขามีผู้สูงอายุสองคนที่ซูเถาเคยพบเจอตั้งแต่เธอยังเด็ก ซูเจี้ยนหมิงใช้พวกเขาเป็นแบบอย่างสำหรับซูเจิ้งหลันและซูเจิ้งชิง และหวังให้พวกเขามีอนาคตที่ดี เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในตงหยาง
แต่ในเวลานี้ หัวหน้าเขตสูงอายุสองคนกำลังก่อความวุ่นวาย มีเรื่องทะเลาะวิวาทจนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย และสบถคำหยาบคายออกมาอย่างไม่มีฝ่ายไหนยอมแพ้ ซึ่งต่างจากหัวหน้าเขตระดับสูงที่ร่าเริงในความทรงจำของเธอ
ซูเถากลืนน้ำลายและถอยหลังไปสองก้าวเมื่อได้ยินอดีตผู้นำกองทัพตะโกนอย่างดุร้ายอยู่ข้างหลังบราวนี่ออนไลน์
“พวกนายเป็นบ้ากันไปแล้วหรือไง ดูสภาพแต่ละคนสิ!”
ทุกคนเงียบเสียงลง แต่ก็ยังมีใครบางคนลอบเตะหัวหน้าเขตว่านส่งท้าย
หัวหน้าเขตว่านไม่กล้าส่งเสียงพูดออกไป
“หนูเถา ไม่ต้องสนใจกับสิ่งที่หน้าละอายเหล่านี้เลย ได้ยินว่าเธอมีแผนเอาไว้แล้วใช่ไหม และใครก็ตามที่คัดค้านก็ให้ข้ามศพฉันไปก่อนแล้วกัน”
ทุกคนกลัวที่จะพูดอะไรออกมา พวกเขาทั้งหมดจ้องมองที่ซูเถาอย่างเงียบ ๆ
ซูเถาถูกจ้องมองไปที่ชายร่างใหญ่คนหนึ่ง และมันคงเป็นการโกหกที่จะบอกว่าเธอไม่ประหม่า
ความทรงจำในวัยเด็กของเธอล้ำลึกเกินไป เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าคนเหล่านี้ไม่สามารถปรับปรุงตัวได้ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยติดต่อกับพวกเขาเลย ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้พวกเขาทั้งหมดจะต้องมาฟังตนเอง
ซูเถาพยายามอย่างหนักที่จะคิดว่าพวกเขาไม่มืออาชีพ และเริ่มบอกแผนของตนเองว่า “ฉันจะเริ่มจากบริเวณรอบนอกของตงหยางก่อน สำคัญรองลงมาคือผู้ที่อยู่ใกล้กับเถาหยางในปัจจุบัน ซึ่งเขตที่ฉันจะเริ่มก่อนก็คือเขตซีซานและเขตตงเอ้อร์ มีความเหมาะสมที่สุด”
หัวหน้าเขตซีซานและเขตตงเอ้อร์ ยิ้มแย้มด้วยความยินดีทันที
หัวหน้าเขตคนอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในอันดับถัด ๆ ไป รู้สึกเหมือนโดดสายฟ้าฟาด
อดีตผู้นำกองทัพตัดสินใจขั้นสุดท้ายทันที “นั่นสินะ เขตซีซานมีความเสี่ยงมากที่สุด ดังนั้นเราจะเริ่มที่เขตซีซานก่อน จากนั้นก็เป็นเขตตงเอ้อร์ และก็เขตอื่น ๆ ตามลำดับ เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับตงหยาง ไม่ใช่เรื่องของเขตใดเขตหนึ่ง!”
ทุกคนพยักหน้า
จากนั้นอดีตผู้นำกองทัพขอให้ใครบางคนนำกล่องที่มีผลึกนิวเคลียส 86 อันอยู่ข้างในมามอบให้ซูเถาและพูดว่า “ภาระของการควบรวมตงหยาง ไม่สามารถโยนมาที่เธอคนเดียวได้ ทางตงหยางจะรวบรวมผลึกนิวเคลียสให้ได้มากที่สุดเพื่อรวมเข้าด้วยกันระหว่างเถาหยางและตงหยาง”
ซูเถาตกตะลึงและแอบวิตกเล็กน้อยเมื่อคิดถึงความหมายของคำว่า ‘การรวมกัน’
อดีตผู้นำกองทัพไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก และให้เซี่ยคังต๋าหัวหน้าเขตซีซานเป็นผู้สื่อสารกับซูเถาโดยตรง
ซูเถาแยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออก ดังนั้นเธอจึงรีบสื่อสารกับหัวหน้าเขตเซี่ยและจะได้กลับไปจัดการกับเรื่องของเถาหยาง
เป็นผลให้ประโยคแรกของหัวหน้าเขตเซี่ยทำให้เธอตะลึง “คุณคือลูกสาวของซูเจี้ยนหมิง”
แม้จะเป็นคำถามแต่ก็ยืนยันชัดเจน
แม้ว่าซูเถาจะไม่เต็มใจ แต่ก็ยังพยักหน้า “หัวหน้าเขตเซี่ยเคยเจอฉันเหรอคะ”
หลังจากถามคำถามนี้ เธอก็จำได้ลาง ๆ ว่าบ้านของซูเจี้ยนหมิงตั้งอยู่ในเขตซีซานไม่ใช่เหรอ…ชีวิตในเถาหยาง เกือบทำให้เธอลืมความทรงจำที่ไม่พึงประสงค์เหล่านั้นมาก่อน
เธออาศัยอยู่ในเขตซีซานมานานกว่าสิบปีและหัวหน้าเขตเซี่ยไม่เคยถูกย้าย ไม่แปลกใจที่เขาจะเคยพบเธอและเหล่าซู
หัวหน้าเขตเซี่ยส่ายหัว “ผมไม่เคยพบคุณ แต่ผมรู้ชื่อของคุณ เพราะเคยเจอพ่อของคุณที่งานประชุมทางวิศวกรรมเมื่อหลายปีก่อน ได้ยินมาว่าเขาต้องการแนะนำคุณให้รู้จักกับผู้นำระดับสูงหรือลูกชายของพวกเขา ดังนั้นผมเลยจำได้”
เหตุผลที่จำได้อย่างชัดเจนเป็นเพราะท่าทางของซูเจี้ยนหมิงน่ารังเกียจเกินไป เขานำซูเถาขึ้นมาเสนอราวกับกำลังแนะนำผลิตภัณฑ์และสินค้า เหมือนเขาเอาลูกสาวมาขาย
หัวหน้าเขตเซี่ยมีความรู้สึกไม่ดีต่อซูเจี้ยนหมิงในเวลานั้น เนื่องจากเขาก็มีลูกสาว จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจต่อผู้หญิงคนนี้ที่เขาไม่เคยพบเจอ
แต่คิดไม่ถึงว่าไม่กี่ปีต่อมา ผู้หญิงที่ชื่อซูเถาคนนี้ที่เกือบจะถูกพ่อผู้ให้กำเนิดของเธอขาย จะสามารถนั่งที่โต๊ะเดียวกันกับเขาเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในตงหยางได้แล้ว
ไม่ มันไม่ใช่การเจรจา เรียกว่าเขาเป็นฝ่ายยอมรับการตัดสินใจและการจัดการของซูเถาดีกว่า