ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 344 ครอบครัวซูเกิดความอลหม่าน
ตอนที่ 344 ครอบครัวซูเกิดความอลหม่าน
ตอนที่ 344 ครอบครัวซูเกิดความอลหม่าน
ซูเถาตกตะลึง
ครั้งหนึ่งซูเจี้ยนหมิงเคยต้องการแนะนำเธอให้รู้จักกับลูกชายของผู้นำระดับสูงเหรอ? เขาต้องการใช้เธอเพื่อประจบประแจงผู้นำ! หลายปีก่อนเธอยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ แต่ซูเจี้ยนหมิงก็กล้าที่จะคิดแบบนั้น ในใจของซูเถารู้สึกเดือดดาลอย่างหาสาเหตุไม่ได้ และในขณะเดียวกันก็รู้สึกเศร้ามากเช่นเดียวกัน
ในขณะที่พ่อของอลิซไม่เคยไม่ยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น และเขายังเฝ้าตามหาเธอมาถึงสี่ปี
แต่พ่อผู้ให้กำเนิดของเธอ…จะใช้เธอเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น
หัวหน้าเขตเซี่ยเป็นคนรู้ทันคนและมีมนุษยธรรม เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของซูเถาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาควรทำอะไรต่อไป
หลังจากการหารือระหว่างทั้งสองเสร็จ หัวหน้าเขตเซี่ยก็ได้เรียกผู้ช่วยของเขาให้เข้ามาพบ “ไปเข้าพบผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมเพื่อทำเรื่องยึดบ้านของซูเจี้ยนหมิงคืน เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการก่อสร้างตงหยางแล้ว การที่เขายังครอบครองบ้านอยู่มันหมายความว่ายังไง?”
ผู้ช่วยของเขาพยักหน้าพร้อมน้อมรับคำสั่งของผู้บัญชาการ “ได้ครับ หน่วยงานด้านวิศวกรรมเคยเก็บบ้านของเขาไว้เพราะเห็นแก่การเป็นวิศวกรเก่า แต่ตอนนี้เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาใด ๆ และใช้ชีวิตวัน ๆ ไปกับการเที่ยวเตร่ แบบนี้ตงหยางของเราจะต้องสูญเสียทรัพยากรให้เขาไปโดยเปล่าประโยชน์”
หัวหน้าเขตเซี่ยพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็มองไปที่ด้านหลังของผู้ช่วยที่เดินจากไป และคิดว่าเขาจะยอมเป็นคนไม่ดีเพื่อช่วยเหลือซูเถา
เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้น เขาก็วางแผนที่จะหาโอกาสเรียกร้องเครดิตจากซูเถา เนื่องจากช่วยปราบปรามครอบครัวซูออกไป และขอให้ซูเถาช่วยปรับปรุงสำนักงานเขตซีซาน เพราะอาคารนี้ก็อายุเป็นสิบปีแล้ว ทั้งผนังและทางเดินก็เริ่มชำรุดทรุดโทรม
ข่าวที่ว่าเถาหยางกำลังจะเข้ามาครอบครองซีซานถูกแพร่ไปราวกับลมกระโชกทั่วถนนทุกสายในเขตซีซานอย่างรวดเร็ว แม้แต่หลี่หรงเหลียนที่อยู่บ้านเลี้ยงหลานก็รู้เรื่องนี้
เธอกอดถังโต้วด้วยความประหลาดใจและพูดกับซูเจี้ยนหมิงซึ่งกำลังดื่มเหล้าจนหน้าแดงก่ำ
“เจี้ยนหมิง ฉันได้ยินมาว่าเขตของเราจะถูกรวมอยู่ในอาณาเขตของเถาหยาง! อาคารเก่า ๆ และทรุดโทรมของเราจะถูกรื้อถอนและสร้างใหม่ ซึ่งทางเถาหยางจะเป็นผู้แจกจ่ายที่อยู่อาศัยใหม่ให้กับเรา!”
“จริงเหรอ?” ซูเจี้ยนหมิงส่งเสียงกลับมา
หลี่หรงเหลียนรู้สึกตื่นเต้น รู้สึกว่าชีวิตในอนาคตของเธอนั้นเต็มไปด้วยความหวัง
“เรื่องนี้แพร่กระจายไปทุกที่ มันไม่น่าจะเป็นแค่ข่าวลือนะ ถึงตอนนั้นเราก็จะถือว่าเป็นชาวเถาหยาง และถังโต้วก็จะสามารถเข้าเรียนที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กได้ เรื่องทุกอย่างมันกำลังลงตัว”
“ยังไงก็ตาม ฉันจะโทรหาจิ๋นจิ่นก่อน เพราะว่าตอนนี้ซินตูคงจะไม่ดีเท่าเถาหยาง หากเธอกับเสี่ยวจั๋วมีลูกด้วยกันก็ให้ย้ายมาที่ตงหยาง และเมื่อพวกเขามีลูกก็จะได้เข้าเรียนที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเหมือนกับถังโต้ว อีกทั้งยังสามารถใช้ชีวิตอย่างดีกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็ก”
“เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้วว่าที่นี่น่ะดีที่สุดแล้ว เมื่อก่อนคุณชอบขอให้ผมไปตระเวนหาเพื่อนร่วมงานเก่าเพื่อที่ผมจะได้ถูกแนะนำไปที่เถาหยาง เฮ้ ไม่ทันไรพวกเราก็กำลังจะกลายเป็นคนเถาหยางเหรอ แถมยังเป็นคนกลุ่มแรกด้วย!” ซูเจี้ยนหมิงพูด
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขากระดกเหล้าเข้าปากและพูดอย่างภาคภูมิใจ “เรียกให้เจิ้งหลันกลับมาโดยเร็วที่สุด โอกาสในการหางานในซินตูคงไม่มากเท่าเถาหยาง”
“ใช่ ถ้าเจิ้งหลันกับจิ๋นจิ่นต่างก็มีงานทำและที่อยู่อาศัย ฉันก็จะโล่งใจ” หลี่หรงเหลียนยิ้มอย่างสดใส
หลังจากพูดจบเธอก็วางถังโต้วลงและโทรหาเจียงจิ่นเวยทันที
เจียงจิ่นเวยเมามากจนต้องใช้เวลานานกว่าจะหยิบเครื่องมือสื่อสารมารับ เธอขมวดคิ้วและกรอกเสียงลงไปอย่างอ่อนแรง “จิ๋นจิ่น ลูกกับเสี่ยวจั๋วเป็นยังไงบ้าง แม่จะบอกอะไรให้ ตอนนี้เขตซีซานของเรากำลังจะได้เถาหยางเข้ามาดูแลจัดการ อีกไม่นานมันก็จะรวมอยู่ในอาณาเขตของเถาหยาง มันจะถูกสร้างขึ้นใหม่เหมือนกับเถาหยางและเราก็จะได้รับการจัดสรรบ้านใหม่ด้วย!” หลี่หรงเหลียนพูดอย่างมีความสุข
เมื่อเจียงจิ่นเวยได้ยินคำว่า ‘เถาหยาง’ ดวงตาของเธอก็แดงก่ำทันที “เถาหยาง เถาหยาง เถาหยาง!! จั๋วเอ่อร์เฉิงพูดคนเดียวยังไม่พอ แม่ก็เอากับเขาด้วยเหรอ! ฉันเกลียดสองคำนี้จริง ๆ!”
“จิ๋นจิ่น ลูกเป็นอะไรไป? ทะเลาะกับเสี่ยวจั๋วเหรอ” หลี่หรงเหลียนตกตะลึง
“แม่! เอ่อร์เฉิงเขาไม่ต้องการฉันแล้ว เขามีความสัมพันธ์กับซูเถา เขาไม่ต้องการฉันเพราะซูเถา แม่! ทำไมตั้งแต่เด็กจนโตซูเถาถึงคอยแย่งชิงทุกสิ่งไปจากฉันตลอด ตอนเด็กก็ขโมยครอบครัวของฉันไป พอโตมาก็มาแย่งคนรักของฉันไปอีก!” เจียงจิ่นเวยหลั่งน้ำตา
หลี่หรงเหลียนไม่อยากจะเชื่อ เธอใช้เวลาอยู่นานในการค้นหาเสียงของตัวเอง “…จิ๋นจิ่น ลูกเข้าใจผิดหรือเปล่า ซูเถารู้จักเสี่ยวจั๋วได้ยังไง”
“ไม่นานมานี้เธอเพิ่งมาที่ซินตู! เธอมาที่นี่ในนามของเถาหยาง และไม่รู้ว่าทำไมเอ่อร์เฉิงเขาถึงชื่นชมเถาหยางมาก และขอให้ฉันสานสัมพันธ์กับเธอหลายครั้ง ฉันก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะซ่อมแซมความสัมพันธ์กับซูเถา แต่ซูเถาไม่ยอมรับและหักหน้าฉันไม่เหลือชิ้นดี แต่เอ่อร์เฉิงกลับโทษว่าฉันไม่จัดการเรื่องนี้ให้เขา”
“ตอนหลังก็ไม่รู้ว่าเขาสองคนคบกันได้ยังไง ฉันจับได้ว่าทั้งคู่คบกันแต่ก็ยังไม่ยอมรับ แม่ ฉันอยู่ไม่ได้แล้ว ฉันแค่อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ทำไมซูเถาต้องมาแย่งทุกอย่างไป…”
เธอทรุดตัวลงและร้องไห้โฮผ่านเครื่องมือสื่อสาร และหลี่หรงเหลียนก็ร้องไห้ไปพร้อมกับเธอด้วยความทุกข์ใจ
“จิ๋นจิ่น แม่เสียใจที่แม่ไม่ได้สอนน้องสาวของลูกให้ดี และคอยแต่จะอิจฉาลูกอยู่ตลอด เธอไม่ต้องการให้ลูกมีชีวิตที่ดีกว่าเธอ มันเป็นความผิดของแม่เอง ถ้าจั๋วเอ่อร์เฉิงไม่ต้องการลูกแล้ว ลูกกลับมาที่ตงหยางนะ แม่จะเป็นที่หลบภัยของลูกเสมอ”
เสียงของซูเจิ้งหลัน ดังมาจากด้านข้างของเจียงจิ่นเวย “พี่ เราขายบ้านในซินตูแล้วกลับตงหยางกันเถอะ ในเวลานั้นเราจะไปสร้างชื่อที่เถาหยางเพื่อให้ซูเถาดูว่าใครกันแน่ที่มีความสามารถและใครกันแน่ที่มีชีวิตที่ดี พี่ไปฟ้องคนของเธอสิ! เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง ให้เขาทิ้งเธอ ให้เธอได้ลิ้มรสสิ่งที่พี่เจอตอนนี้ เพราะเราไม่สามารถใช้ชีวิตในซินตูไปได้เรื่อย ๆ อีกต่อไป!”
เสียงร้องไห้ของเจียงจิ่นเวยหยุดลงทันที
ฟ้อง?
ทุกวันนี้เธอรู้สึกเจ็บปวด รู้สึกว่าชีวิตของเธอจะต้องจบลงหากไม่มีจั๋วเอ่อร์เฉิง แต่ก็ไม่ได้คิดจริง ๆ ว่าจะแก้แค้นซูเถายังไง ถ้าเธอนำเรื่องนี้ไปฟ้องก็คงไม่เลว เพราะคงไม่มีใครทนกับการถูกสวมเขาได้หรอก
หลี่หรงเหลียนพูดคุยทุกอย่างและในที่สุดก็เกลี้ยกล่อมเจียงจิ่นเวยให้กลับมาที่ตงหยาง
หลังจากวางหูโทรศัพท์และนั่งดื่มบนโซฟา ใบหน้าของซูเจี้ยนหมิงก็เผยความไม่พอใจออกมา “ใช้ไม่ได้ แม้แต่ผู้ชายของตัวเองก็รักษาเอาไว้ไม่ได้”
หลี่หรงเหลียนรู้สึกเสียใจที่เจียงจิ่นเวยต้องมาเจอเรื่องราวที่น่าบอบช้ำแบบนี้ เธอจึงเปล่งเสียงออกมาด้วยความไม่พอใจ “ซูเถาเป็นคนให้ท่าแฟนของจิ๋นจิ่นก่อน! แทนที่จะโทษเธอ คุณกลับมาโทษจิ๋นจิ่นของฉัน จิ๋นจิ่นทำอะไรผิด! ซูเจี้ยนหมิง ฉันจะบอกอะไรคุณให้นะ ซูเถาเองก็เป็นความรับผิดชอบของคุณครึ่งหนึ่ง! มันเป็นเพราะคุณไม่สนใจเธอและคอยประคบประหงมลูกชายทั้งสองคนนั้น มันเลยทำให้เธอเป็นคนแบบนี้!”
ซูเจี้ยนหมิงหายใจเข้าออกอย่างแรงด้วยความโกรธ “พูดออกมาได้ว่าเป็นเพราะผม ผมถามหน่อยว่าเป็นคุณหรือเปล่าที่ให้กำเนิดซูเถาออกมา ตอนที่เธอยังเด็กก็ต้องอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ เพราะความไม่ใส่ใจของคนเป็นแม่ และกว่าเธอจะพูดได้ชัดก็ปาเข้าไปสามขวบแล้ว ไหนจะการที่คุณเอานมผงกระป๋องที่คนอื่นให้เธอเพราะความสงสารไปเลี้ยงเจียงจิ่นเวยที่อายุตั้งหกเจ็ดขวบแล้ว!”
ทั้งสองโต้เถียงกันไม่หยุดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเกือบจะทะเลาะกัน
ถังโต้วขดตัวอยู่ที่มุมห้องพร้อมกับเบิกตาโตด้วยความตกใจ ไม่กล้าขยับเขยื้อนบราวนี่ออนไลน์
เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่น้าสาวของเธอจากไป แม่ของเธอก็เริ่มหงุดหงิดง่ายขึ้น ตาของเธอก็เริ่มดื่มเหล้าทุกวัน และยายก็มีแต่ความขุ่นเคืองและโมโหทุกทีเมื่อพูดถึงน้าสาว
เธอไม่ชอบน้าสาวคนนี้เลย แม่บอกว่าน้าเป็นผู้หญิงไม่ดี และเป็นคนทำให้บ้านของเธอเป็นแบบนี้