ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 350 ขึ้นอยู่กับเหล่าอวี๋ผอ
ตอนที่ 350 ขึ้นอยู่กับเหล่าอวี๋ผอ
ตอนที่ 350 ขึ้นอยู่กับเหล่าอวี๋ผอ
พวกสวีฉีไม่เคยเห็นปืนพลังงานนิวเคลียสมาก่อน พวกเขาแค่รู้สึกว่าปืนเหล่านี้ดูแตกต่างออกไปและหาตับกระสุนไม่เจอ
ไม่มีตับกระสุน มีแต่ร่องที่ว่างไว้ใหญ่ ๆ แล้วมันจะใช้งานได้ยังไง?
มี๋อู้ขมวดคิ้ว “ถานหย่งซ่อนพวกมันเอาไว้อย่างดีโดยไม่บุบสลายและไม่มีใครรู้เลยเหรอ?”
เขามองไปที่มู่อั้นอั้นเพื่อหาคำตอบ
มู่อั้นอั้นโบกมืออย่างลนลาน
“อย่าถามฉันเลย ฉันเดาว่าแม้แต่ชวีจิ้งอวิ๋นก็ไม่รู้ ถานหย่งไม่ไว้ใจใครเลย แม้ว่าเขาจะบอกชวีจิ้งอวิ๋นว่ามีปืนซ่อนอยู่ที่นี่ แต่เขาก็ไม่บอกเธอว่าปืนเหล่านี้คืออะไร”
เมื่อทุกคนพอเดาได้ ซูเถาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ฟางจือรีบเก็บมันไว้ ไปกันเถอะ”
หลินฟางจือเดินไปรอบ ๆ แล้วกวาดทุกอย่างบนพื้นเก็บเข้าพื้นที่มิติ
จากนั้นพวกเขาก็ปีนขึ้นมาทีละคน และขึ้นรถกลับเถาหยาง
ซูเถายื่นมือไปทางฟางจือ “หยิบออกมาให้ฉันดูสักอัน”
หลินฟางจือส่งปืนมอบให้อีกฝ่าย
ทุกคนในรถต่างจ้องมองไปที่ซูเถา
ซูเถาขมวดคิ้วและมองอาวุธใหม่ที่เพิ่งได้มาซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะคล้ายกับปืนพลังงานนิวเคลียสมาก ทั้งยังมีร่องและปากกระบอกปืนเหมือนกัน แต่มันก็มีความแตกต่างซ่อนอยู่
ตัวอย่างเช่น ตัวปืนพลังงานนิวเคลียสมีความโปร่งใสและสวยงาม นอกจากนั้นยังเบาและขนาดพกพาสะดวก
แต่ปืนนี้เหมือนกับปืนทั่วไป ซึ่งทำจากเหล็กที่มีน้ำหนักมาก
“เอาผลึกนิวเคลียสมาให้ฉันหนึ่งอัน”
หลินฟางจือรีบหยิบผลึกนิวเคลียสออกมาจากมิติและมอบให้เธออย่างรวดเร็ว
ซูเถาใส่ผลึกนิวเคลียสเข้าไปในช่องเสียบ จากนั้นก็ลดกระจกรถยนต์ลงพร้อมกับเล็งปากกระบอกปืนไปด้านนอก…
ทุกคนดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์นี้เป็นอย่างดี พวกเขาต่างพากันกลั้นหายใจและเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น
ซูเถาเหนี่ยวไก
แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอผงะไปครู่หนึ่งและพยายามยิงอีกครั้ง แต่ก็ไม่เกิดผล
พลังงานของผลึกนิวเคลียสยังไม่ได้รั่วไหลออกไป
ทุกคนตกตะลึง
ซูเถาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอชักปืนกลับ จากนั้นก็เลื่อนกระจกรถขึ้น และกระแอมไอสองครั้ง
“อาจมีบางอย่างที่เราไม่รู้เกี่ยวกับการใช้งานอาวุธนี้ ไว้ค่อยนำกลับไปให้เหล่าอวี๋ผอผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธดู”
เมื่อเธอกลับมาถึงเถาหยาง สวีฉีก็อดไม่ได้ที่จะหันไปหาซูเถาและพูดว่า
“เถ้าแก่ ผมว่าปืนนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่นะ ถ้านี่เป็นปืนพลังงานนิวเคลียส ทำไมถานหย่งไม่ใช้มันบุกเข้ายึดฐานต่าง ๆ ล่ะ เขาทะเยอทะยานจะตาย เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาของดีแบบนี้ไปซ่อนไว้โดยไม่ใช้ประโยชน์”
ซูเถาเห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย
ปืนพลังงานนิวเคลียสนั้นทรงพลังมาก แม้ว่าจะยิงจากระยะไกลก็สามารถฆ่าเคียวโลหิตได้ในนัดเดียวบราวนี่ออนไลน์
ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ใช้ที่ไม่มีพลังเหนือธรรมชาติก็สามารถใช้ปืนพลังงานนิวเคลียสได้
ถ้าถานหย่งมีปืนพลังงานนิวเคลียสเก็บไว้ในห้องนั้น ตราบใดที่เขามีกำลังคนเพียงพอ เขาสามารถลุกขึ้นสู้ได้อย่างแน่นอน เขาจะมีโอกาสชนะสูงมากหากต่อสู้กับซินตู
ไม่มีเหตุผลจริง ๆ… ทำไมถานหย่งถึงต้องเก็บซ่อนอาวุธเหล่านี้เอาไว้
สวีฉีกล่าวต่อ “ผมเดาว่าปืนชุดนี้เป็นของชำรุดที่เขาได้มา เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการชิงมันมาแต่กลับใช้งานไม่ได้ และเขาก็ลังเลที่จะโยนมันทิ้งรวมถึงกลัวว่าจะถูกพบ ดังนั้นเลยซ่อนเอาไว้”
ซูเถาพยักหน้า “คุณพูดถูก”
“เถ้าแก่… ไปซื้ออาวุธจากช่องทางปกติกันเถอะ มันน่าเชื่อถือมากกว่า”
ซูเถาถามอย่างลังเลว่า “ราคาเท่าไหร่”
นานมาแล้ว สือจื่อจิ้นเคยพาเธอไปที่ตงหยางเพื่อซื้อปืนพกกระบอกแรกในชีวิต แต่มันแพงเกินไป เธอเลยไม่กล้าคิดเรื่องนี้
อย่างน้อยสวีฉีก็เป็นคนที่ดูแลสถานีเก่ามาก่อน เขาน่าจะพอคำนวณบางอย่างได้แล้วโพล่งออกมา
“คำนวณจากปืนเล็กยาว ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนเหลียนปัง เราต้องซื้ออย่างน้อยห้าสิบกระบอก ซึ่งก็คือห้าล้านเหลียนปัง”
ซูเถาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอกลายเป็นเถ้าแก่ซูที่ร่ำรวยและทรงพลังอีกครั้ง
“เอาล่ะ ไปหาเฉียนหรงหรงเพื่อขอถอนเงินเอาไว้ใช้จ่ายในเรื่องอาวุธก่อน”
ในอดีตเธอยากจนเกินกว่าจะตัดใจซื้ออาวุธราคาแพง
ซึ่งในครั้งนี้สวีฉีรับหน้าที่หนักในการหาช่องทางซื้ออาวุธ
ถ้าไม่มีคนมาสืบก็คงไม่มีใครรู้ว่าทางเถาหยางให้วงเงินการซื้อมากมายขนาดนี้
“เฮ้ พี่สวี ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเรานะ แต่มีเบื้องบนเล็งชื่อพี่เอาไว้ บอกว่าห้ามขายอาวุธใด ๆ ให้กับพี่หรือเถาหยาง ใครก็ตามที่กล้าขาย พวกเขาจะไม่ทำธุรกิจด้วย”
ใบหน้าของสวีฉีสลดลงทันที “เบื้องบนนี่ใครเหรอ?”
“แล้วทำไมถึงมาเล็งผมล่ะ ผมเป็นแค่คนธรรมดาตัวเล็ก ๆ ที่ทำงานหาเช้ากินค่ำ ทำไมพี่ไม่คิดดูให้ดี ๆ อีกทีว่าพี่เคยขัดใจนายใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้หรือเปล่า”
สวีฉีเย้ยหยัน “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า จะมีคนกล้าบอกปัดเงินมากมายขนาดนี้ เอาล่ะถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร งั้นฉันจะไปที่อื่น”
อย่างไรก็ตาม เขาไปพบซัพพลายเออร์สามรายติดต่อกัน แต่ทั้งหมดล้วนปฏิเสธเขา
สถานการณ์ตอนนี้เริ่มกลายเป็นปัญหา สวีฉีไม่รอช้าและรายงานซูเถาทันที
“ถูกปฏิเสธทั้งหมดใช่ไหม คุณได้แจ้งไหมคะว่าเราให้ราคาพิเศษ”
สวีฉีขมวดคิ้วและพยักหน้า “ผมบอกว่าเราสามารถจ่ายเงินเพิ่มได้ถึงสิบเปอร์เซนต์ แต่พวกเขายังคงปฏิเสธโดยไม่ลังเล หรือทางเราไปเหยียบเท้าใครเข้า”
ซูเถาจ้องมองท้องฟ้าโดยไม่พูดอะไร
“ผู้บงการน่าจะเป็นคนจากฐานโส่วอัน ก่อนหน้านี้เราไม่ยอมขายเสบียงให้พวกเขา และมีการปะทะกันมากมายในการประชุมสุดยอดพันธมิตร ครั้งนี้พวกเขาก็เลยเริ่มเปิดศึกกับเรา”
สวีฉีพบว่าเรื่องนี้ค่อนข้างยากที่จะรับมือ “ไว้ผมจะมองหาซัพพลายเออร์อาวุธหลาย ๆ ทางแล้วกัน ตั้งแต่ฐานโส่วอันล่มสลาย ขอบเขตอิทธิพลก็ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ถึงพวกเขาจะเคยคุมตลาดอาวุธ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ผมว่าใคร ๆ ก็ต้องยอมขายเรา เพียงแต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย”
ซูเถาเหนื่อยใจแทนเขา เธอรู้สึกว่าการไปหาซื้ออาวุธจากด้านนอกนั้นช่างยากเย็น
บางทีอาจไม่ใช่แค่ฐานโส่วอันเท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับการจำกัดการซื้ออาวุธของเถาหยาง
น่าจะมีฐานหรือองค์กรอื่นที่รู้ถึงความแข็งแกร่งและกองกำลังป้องกันตนเองเถาหยางเข้าร่วมการต่อต้านนี้ด้วย
ตอนนี้เถาหยางเป็นเหมือนทารกในชุดเกราะ และเมื่อมีอาวุธแล้ว ก็จะกลายเป็นนักรบที่มีดาบคมกริบทันที
เถาหยางช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ทว่าหากเถาหยางไม่มีอาวุธ ไม่ว่าจะรุ่งเรืองแค่ไหนก็ไม่มีอะไรต้องหวาดหวั่น เพราะพวกเขาไม่มีพลังในการต่อสู้
บรรดาผู้นำฐานต่าง ๆ ที่เฉลียวฉลาดเห็นสิ่งเหล่านี้มาสักพักแล้ว พวกเขาเลยตัดช่องทางการซื้ออาวุธของเถาหยางล่วงหน้า พวกเขาเลือกที่จะบีบคอนักสู้ของเถาหยา เพื่อป้องกันไม่ให้เถาหยางมีโอกาสไปโจมตีพวกเขาได้ในอนาคต
ซูเถาต้องพยายามเข้าใจสิ่งนี้ เธอรู้สึกว่าไหล่ของเธอหนักเป็นพิเศษ
ถึงแม้ว่าชาวเถาหยางจะเป็นคนดี แต่กลับรู้สึกเหมือนมีศัตรูรายล้อมเต็มไปหมด พวกเขาไม่รู้หรอกว่ามีสายตากี่คู่ที่จ้องมองพวกเขาอยู่ข้างหลัง มีมือมืดอีกกี่คนที่คอยเติมไฟให้ลุกโชน และคลื่นใต้น้ำก็คือความโกรธแค้น
การเป็นเถ้าแก่… ไม่ง่ายเลยจริง ๆ
ซูเถาสงบสติอารมณ์ เธอหยิบปืนที่ขุดขึ้นมาจากพื้นแล้วไปหาเหล่าอวี๋ผอ
เมื่อเหล่าอวี๋ผอเห็นเธอ ประโยคแรกของหญิงชราถามขึ้นว่า “ฉันขอให้เมิ่งเชียนไปเตือนคุณให้ซื้ออาวุธ คุณซื้อมันมาหรือยัง”
“ฉันมาหาคุณเพื่อคุยเรื่องนี้ค่ะ เถาหยางถูกปิดช่องทางการซื้ออาวุธ และคาดว่าในตอนนี้คงไม่มีใครกล้าขายอาวุธให้เรา”
เหล่าอวี๋ผอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นสองวินาที เธอก็เข้าใจประเด็นสำคัญและพึมพำ
“ฉันกะเอาไว้แล้วเชียว… พวกเขาไม่ใช่คนโง่ เขาจะปล่อยให้คุณมีอาวุธในมือได้ยังไง เห็น ๆ อยู่ว่าคุณมีพลังมาก ฉันชักจะสับสนแล้วสิ”
ซูเถาหยิบปืนออกมาแล้วยื่นให้เธอ
“ยังมีทางไปต่อ แต่จะทำได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับคุณ คุณรู้วิธีใช้ปืนนี้ไหมคะ มันพอจะซ่อมได้ไหม”
เหล่าอวี๋ผอไม่ตอบ เธอตะลึงหลังจากดูและถามด้วยความประหลาดใจ “คุณไปเอามันมาจากที่ไหน นี่เป็นปืนที่ฉันทำขึ้น แต่มันก็นานมาแล้ว”