ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 351 ฝันหวาน
ตอนที่ 351 ฝันหวาน
ตอนที่ 351 ฝันหวาน
“คุณเป็นคนผลิตอาวุธพวกนี้เหรอ” ตอนนี้เป็นตาของซูเถาที่ต้องตกตะลึง
เหล่าอวี๋ผอหยิบมันขึ้นมาจากมือของซูเถา พลิกมันดูมันสองครั้งแล้วพูดว่า “ไม่ผิดแน่ ฉันเคยประดิษฐ์อาวุธพวกนี้ให้ตระกูลฉู่เมื่อนานมาแล้ว… เป็นปืนพลังงานนิวเคลียส แต่เนื่องจากใช้พลังงานมากเกินไป ผลึกนิวเคลียสจึงยิงได้เพียงครั้งเดียว และในเวลานั้นจำนวนของเคียวโลหิตที่มีผลึกนิวเคลียสนั้นหายาก และแทบจะหาผลึกนิวเคลียสไม่ได้เลย ดังนั้นปืนชุดนี้จึงกลายเป็นของไร้ประโยชน์”
“คุณได้ปืนชุดนี้มาจากตระกูลฉู่เหรอ ฉันประเมินคุณต่ำไปจริง ๆ ฉันนึกว่าตระกูลฉู่จะเก็บพวกมันไว้ในโกดังซะอีก แทนที่จะปล่อยพวกมันออกไปง่าย ๆ”
ซูเถากล่าวว่า “คุณอาจไม่เชื่อ แต่ฉันได้ปืนชุดนี้มาเปล่า ๆ ไม่ได้ขโมยมาจากคลังอาวุธของตระกูลฉู่จริง ๆ ค่ะ”
ไม่รู้ว่าถานหย่งได้ปืนชุดนี้มาได้ยังไง เสียดายที่เขาตายไปแล้ว และมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ความลับนี้
หรือว่าในตอนนั้นเขากลัวว่าตระกูลฉู่จะรู้ว่าอาวุธพลังงานนิวเคลียสเหล่านี้มีพลังการทำลายล้างสูง เขาจึงเลือกที่จะซ่อนมันไว้
เหล่าอวี๋ผอเหลือบตามองอีกฝ่าย “คุณโชคดีจริง ๆ คุณเกลี้ยกล่อมหญิงชราอย่างฉันมาที่นี่และคว้าเอาปืนมาได้มากมายโดยไม่ต้องต่อสู้แย่งชิง ฉันเป็นคนสร้างมันขึ้น ฉันก็สามารถซ่อมแซมปรับปรุงมันได้ แม้ว่าจะมีปืนพลังงานนิวเคลียสไม่มากเหมือนฉางจิง แต่ในจำนวนที่เรามีนั้นประสิทธิภาพไม่เลวเลย”
“คุณย่าคะ คุณมีความสามารถมากเลย การมีคุณอยู่ในเถาหยางก็เท่ากับมีมีดคม ๆ ฉันเหมือนกำลังเอาเปรียบคุณเลยค่ะ” ซูเถาคลี่ยิ้มกว้างอย่างไม่คิดปิดบัง
เหล่าอวี๋ผอพ่นลมหายใจเย็นชา “ฮึ่ม อย่ายกยอฉันนักเลย ฉันช่วยเถาหยาง ก็เหมือนช่วยตัวฉันเอง ตระกูลฉู่มีความบาดหมางกับฉัน เมื่อกองกำลังของเถาหยางพัฒนาขึ้น คุณต้องแก้แค้นให้ฉัน”
“ตกลงค่ะ ตกลง ฉันจะทำตามที่คุณพูด ฉันจะขอให้จวงหว่านพาคุณไปที่อาคารเถาหลี่ เพื่อเลือกห้องทำงานส่วนตัวของคุณในภายหลัง หากคุณคิดว่าพื้นที่ไม่เพียงพอ ฉันจะรวมทั้งสองห้องเข้าด้วยกัน เพื่อทำห้องทำงานสำหรับคุณ นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ห้องประชุมได้ตามต้องการอีกด้วยนะคะ”
เหล่าอวี๋ผอขยับปืนในมือไปมา
“ฉันจะเอาอันนี้กลับไปก่อน เมื่อฉันตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการปรับปรุงได้แล้ว คุณค่อยให้คนเอาปืนที่เหลือมาให้ฉัน จำเอาไว้ว่า ระวังอย่าให้ใครขโมยไป ตระกูลฉู่ใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อทำมัน ลำพังแค่วัสดุก็แพงมหาศาลแล้ว”
“ถ้ามีคนเอาสิ่งนี้ไป คุณจะต้องควักเงินทั้งหมดเพื่อหาวัสดุมาทำใหม่ทั้งหมด”
ซูเถาตอบตกลงอย่างแน่วแน่ในทันที
เธอไม่ต้องการใช้เงินจำนวนมากไปกับเรื่องที่ไม่ควร
ปัญหาของอาวุธได้รับการแก้ไขชั่วคราว จากนั้นซูเถาก็รีบไปที่เขตซีซานของตงหยาง เพื่อเข้าร่วมการประชุมหารือเกี่ยวกับแผนการก่อสร้างของเขตซีซาน
เพราะถึงแม้อดีตผู้นำกองทัพจะออกคำสั่งแล้ว แต่การก่อสร้างก็ยังไม่สามารถเริ่มได้หากไม่ได้รับฟังการวางแผนของเธอก่อน กลุ่มวิศวกรของเขตซีซานไม่กล้าวาดแบบออกมาสุ่มสี่สุ่มห้า
เวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืน หลังจากซูเถาเสร็จจากการประชุม เธอก็รู้สึกเหนื่อยและง่วงนอนจนตาแทบปิด
เมื่อคิดว่าเธออาจต้องจัดการประชุมติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน จึงรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
หัวหน้าเขตเซี่ยขับรถพาเธอกลับไปที่เถาหยาง เมื่อเขาเห็นเธอหาวอยู่บนรถด้วยความเหนื่อยล้า จู่ ๆ เขาก็ทนไม่ได้
ลูกสาวของเขาอายุน้อยกว่าซูเถาไม่กี่ปี และสิ่งที่ลำบากที่สุดในแต่ละวันก็คือการบ้านที่โรงเรียน
และตั้งแต่เถาหยางเข้าครอบครองโรงเรียนต่าง ๆ สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ก็ดีขึ้นอย่างมากและสะดวกสบายกว่าอยู่บ้าน ไร้กังวลจริง ๆ
ในขณะที่ซูเถาต้องกลับไปกลับมาเพื่อจัดการเรื่องใหญ่และเล็กของทั้งสองแห่ง เธอต้องกังวลกับชะตากรรมของผู้คนนับหมื่น
หัวหน้าเขตเซี่ยกำลังครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่งแต่จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้อยู่ไม่ไกล และเมื่อมองผ่านกระจกรถก็เห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงอายุสี่หรือห้าขวบ
เมื่อซูเถาเห็นหน้าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ร่างกายพลันแข็งทื่อ
ถังโต้ว…. ลูกสาวของเจียงจิ่นเวย
ซูเถาตื่นเต็มตา นี่ก็เที่ยงคืนแล้ว ทำไมถังโต้วถึงมาร้องไห้อยู่คนเดียวข้างถนน
หัวหน้าเขตเซี่ยเป็นคนที่สังเกตคำพูดและการแสดงออกได้ดีที่สุด “เถ้าแก่ซู คุณรู้จักเด็กคนนั้นไหม เธอหลงทางหรือเปล่า ผมจะรถหยุดและพาเธอเข้ามาในรถก่อน ตอนนี้ก็ดึกมาก และก็ค่อนข้างอันตราย”
คิดไม่ถึงว่าทันทีที่รถหยุด ถังโต้วเห็นซูเถาในที่นั่งผู้โดยสารก็รีบวิ่งเข้ามา พร้อมกับร้องไห้และตบหน้าต่าง
“ผู้หญิงนิสัยไม่ดี! ผู้หญิงนิสัยไม่ดี! มันเป็นความผิดของคุณทั้งหมด ฮือ…”
ซูเถามีสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะหมุนกระจกรถลง พร้อมกับจับมือของถังโต้วและสะบัดออกไป
ถังโต้วถูกผลักออกไปและล้มลงกับพื้น เด็กหญิงเจ็บจนร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจ
แต่ถึงแบบนั้น เธอยังคงจ้องไปที่ซูเถา และพูดซ้ำ ๆ ว่า “ผู้หญิงนิสัยไม่ดี ใจร้าย”
ซูเถาเห็นเงาของเจียงจิ่นเวยในตัวเธอ และรู้สึกเศร้ามาก เพราะคำพูดใจร้ายต่าง ๆ เป็นคำที่เจียงจิ่นเวยพูดกับเธอตั้งแต่เธอยังเด็ก
เจียงจิ่นเวยโจมตีเธอทุกทาง แค่กินข้าวมากขึ้นก็หาว่าเธอไม่มีความรู้สึกละอาย และไม่รู้สึกสงสารกับพ่อแม่
เธอล้างจานขาดไปหนึ่งใบ ก็หาว่าเธอขี้เกียจ ไม่รู้จักบุญคุณที่ครอบครัวคอยเลี้ยงดูเธอมา
เธอไม่ต้องการเข้าร่วมกองทัพแทนเจียงจิ่นเวย ก็ทำเหมือนกับว่าเธอไม่รู้จักความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
“หัวหน้าเขตเซี่ย ออกรถเถอะค่ะ”
หัวหน้าเขตเซี่ยแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เขาอยากจะถามเธอออกไปว่าเด็กคนนี้กำลังทำอะไร!
เด็กที่น่าสงสารคนนี้ดูเหมือนจะเห็นว่าเถ้าแก่ซูเป็นศัตรู!
มาคิด ๆ ดู เด็กคนนี้น่าจะเป็นลูกสาวของลูกบุญธรรมซูเจี้ยนหมิง
ครอบครัวนี้เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง เขาต้องรีบกำจัดให้พ้นตัว
เขาเหยียบคันเร่งและออกรถไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากที่ถังโต้วร้องไห้ ซูเจี้ยนหมิงขี้เมาก็พบเธอ
เมื่อซูเจี้ยนหมิงเห็นเธอ ก็รู้สึกอยากจะจัดการกับเด็กคนนี้
เด็กหญิงตัวน้อยเลือกที่จะวิ่งหนี แถมยังร้องบอกว่าจะไปหาแม่
วันนี้เขาต้องจัดการเด็กหญิงคนนี้และทำให้เธอเชื่อฟังเพื่อที่เจียงจิ่นเวยจะได้อยู่ในมือของเขา
เจียงจิ่นเวยรวยแล้ว แม้ว่าจะถูกผู้ชายทิ้ง แต่เธอก็จะได้รับเงินจำนวนมากมาหนึ่งก้อนจากการเลิกรา และยังมีบ้านในฐานซินตูอีกต่างหาก
เพราะทางตงหยางเรียกคืนบ้านของเขาและพยายามขับไล่เขาออกไป เขาจึงไม่สนใจที่จะอยู่ในตงหยางต่อไป เพราะฐานซินตูร่ำรวยกว่าตงหยางอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
นอกจากนี้เขายังได้ยินมาว่าบ้านของเจียงจิ่นเวยในซินตู ไม่เพียงแต่อยู่ในทำเลที่ดี แต่ยังอยู่ในพื้นที่ขนาดใหญ่ ดังนั้นเธอจะแบ่งห้องให้เขาสักห้องคงไม่เดือดร้อนอะไร
เพราะก่อนหน้านี้เจียงจิ่นเวยก็ยังเคยเข้ามาอาศัยในบ้านของเขา
มีเสียงปรบมือและเสียงร้องของถังโต้วดังขึ้นบนถนนที่มืดและเปลี่ยว แม้ว่าผู้เช่ารอบข้างจะได้ยิน แต่ก็ไม่มีใครสอดรู้สอดเห็น
แต่ซูเถาไม่ได้จริงจังกับมันมากนัก นั่นเป็นเพราะเธอเหนื่อยและง่วงนอนมาก ไม่มีแรงแม้จะอาบน้ำ ดังนั้นเมื่อถึงเตียงจึงหลับไปอย่างรวดเร็ว
สือจื่อจิ้นถอนหายใจเบา ๆ
เขาสามารถปรากฏตัวได้ในเวลากลางคืนเท่านั้น และเขาต้องอยู่ในร่างของคนอื่นในระหว่างวันจึงจะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ มิฉะนั้น เขาจะต้องติดอยู่ในร่างที่แตกสลายของตัวเองเท่านั้น
พระเจ้ารู้ดีว่าเขาต้องการคุยกับซูเถามากแค่ไหน แต่สองคืนที่ผ่านมาเธอดูเหนื่อยมาก
เขาทนไม่ได้จริง ๆ ที่จะดึงเธอขึ้นมาคุยกับเขา
สือจื่อจิ้นนอนอยู่ข้างเธอสักพัก และจ้องมองเพดานด้วยความงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็จ้องมองที่ขนตาของซูเถา ไล่ไปที่ปลายจมูก และริมผีปากของเธอ…
เขาจ้องมองอยู่อย่างนั้น และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเงียบ ๆ หลังจากส่งเสียงหัวเราะออกมา ก็พลิกตัวนอนตะแคงจ้องมองซูเถาไม่ละสายตา
เขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน การที่ได้นอนอยู่ข้าง ๆ เธอในคืนที่เงียบสงบแบบนี้ ความสุขที่เกิดขึ้น เหมือนความฝันที่สวยงามมากจนเหมือนจิตวิญญาณของเขาได้ล่องลอยไป