ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 369 ต้องลุยแล้ว
ตอนที่ 369 ต้องลุยแล้ว
ตอนที่ 369 ต้องลุยแล้ว
การอัปเกรดเป็นเลเวล 7 ต้องการจำนวนผู้เช่าถึง 1,000 คนและใช้เงินถึง 12 ล้านเหลียนปัง
ตอนนี้เธอไม่เคยขาดแคลนเงินสกุลเหลียนปังเลย เพราะด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากอดีตผู้นำกองทัพ แม้ว่าหลังจากหักค่าใช้จ่ายในการสร้างโดมป้องกันสำหรับเขตซีซานทั้งหมดแล้ว ทรัพย์สินทั้งหมดของเธอก็ยังคงเหลือมากกว่า 150 ล้านเหลียนปัง
และเธอประเมินว่าค่าใช้จ่ายในการสร้างเขตซีซานทั้งหมดจะไม่เกิน 60 ล้านเหลียนปัง
เงินที่เหลือเพียงพอสำหรับการอัปเกรด ดังนั้นไม่มีอะไรที่เธอต้องกังวล
ซูเถาวางแผนที่จะประหยัดเงินสำหรับการสร้างกองกำลังป้องกันตนเอง และสนับสนุนทีมวิจัยของเสิ่นเวิ่นเฉิง
นี่คงเรียกว่าความอู้ฟู่สินะ 1 ปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะมีทรัพย์สินมากกว่า 100 ล้านเหลียนปังได้
ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้ หัวหน้าเขตเซี่ยก็ถามอย่างระมัดระวัง “เถ้าแก่ซู หลังจากสร้างเขตซีซานเสร็จแล้วผมต้องทำงานร่วมกับใครเหรอ? ต้องทำความคุ้นเคยล่วงหน้าหรือเปล่า”
ซูเถาไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เมื่อเห็นท่าทางกังวลและลังเลของหัวหน้าเขตเซี่ยเธอก็เข้าใจทันที
เขาน่าจะกลัวว่าเธอจะมาเสียบตำแหน่งเป็นผู้นำแทนที่เขา เพื่อจัดการเขตซีซานโดยตรง
“เมื่อเขตซีซานเสร็จสิ้นแล้ว ต้องรบกวนให้หัวหน้าเขตเซี่ยดูแลจัดการนะคะ ส่วนเรื่องที่อยู่อาศัยที่สร้างขึ้นใหม่ พวกคุณจัดสรรได้เลยค่ะว่าจะให้ผู้อยู่อาศัยเดิมหรือว่าปล่อยเช่า หรือแม้กระทั่งการปล่อยห้องให้ทิ้งว่าง พวกคุณตัดสินใจได้เลยค่ะ แต่เถาหยางมีข้อเรียกร้องเพียงสองข้อเท่านั้น” ซูเถาพูดอย่างเคร่งขรึม
“อย่างแรก หากเป็นการเช่า ราคาจะต้องไม่ต่ำกว่าราคาเช่าของเถาหยาง ประการที่สอง เขตซีซานต้องมอบรายได้ 50% ของรายได้ให้กับเถาหยางทุกเดือน รวมทั้งผลึกนิวเคลียสด้วย”
“หัวหน้าซูหมายความว่าทีมบริหารเขตซีซาน จะยังคงเป็นทีมเดิมของเราใช่ไหม?” หัวหน้าเขตเซี่ยแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“ใช่ค่ะ หัวหน้าเขตเซี่ยต้องการเพื่อนร่วมงานเพิ่มไหมคะ?” ซูเถาถามด้วยรอยยิ้ม
“ผมไม่ได้คาดหวังเรื่องดี ๆ แบบนี้เลย หมายความว่าเราใช้งบประมาณครึ่งหนึ่งของเราเพื่อแทนเมืองใหม่ และการก่อสร้างนี้ก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย…” หัวหน้าเขตเซี่ยโบกมืออย่างรวดเร็ว
เขาคิดว่าซูเถาจะขอให้ใครสักคนเข้ามาแทรกแซงการจัดการเขตซีซานเสียอีก
อย่าโทษว่าเขาเป็นตัวร้าย ถ้าเขาจัดการโดยตรง ไม่เพียงแต่เงินที่ได้รับจากเขตซีซานจะเข้ากระเป๋าของเถาหยางเท่านั้น แต่ยังสามารถเสริมสร้างและช่วยเหลืออย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อสนับสนุนการควบรวมตงหยางอีกด้วย
คงมีคนที่ทะเยอทะยานบางคน ที่คิดจะใช้โอกาสนี้เพื่อคว้าสิทธิ์ในการจัดการของเขตซีซาน
“หัวหน้าเขตเซี่ย เขตซีซานแห่งใหม่นี้ยังคงเป็นดินแดนที่คุณอุทิศเพื่อมันมาหลายปี ในวันข้างหน้าก็ยังต้องการให้คุณดำเนินการต่อไป คุณเหมาะที่จะเป็นผู้นำต่อไปค่ะ” ซูเถากล่าว
“นอกจากนี้ ฉันรู้สึกเสมอว่าการควบรวมอาจไม่สามารถทำให้เกิดการพัฒนาได้ แต่การกระจายอำนาจเท่านั้นที่ทำได้”
หัวหน้าเขตเซี่ยจ้องมองหญิงสาวสายตาว่างเปล่า จนกระทั่งเขาส่งเธอไปที่ประตูเขตเถาหยาง ระหว่างทางที่เขาเดินทางกลับ คำพูดของเธอก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
การควบรวมไม่สามารถพัฒนาได้ มีเพียงการกระจายอำนาจเท่านั้นที่ทำได้
ย้อนกลับไปในเขตซีซาน หัวหน้าเขตเซี่ยเรียกทุกคนมาประชุมเพื่อจัดการงานพัฒนาต่อไป ซึ่งทุกคนก็กระตือรือร้นอย่างมาก
ผู้นำกลุ่มเล็ก ๆ หลายคนรู้สึกเหมือนกับว่าดวงอาทิตย์ได้ขึ้นทางทิตตะวันตก ในอดีตพวกเขาไม่มีอำนาจแทรกแซงในการทำงาน แต่คราวนี้ พวกเขามีหน้าที่แบ่งแยกอย่างชัดเจน ทันใดนั้นความรู้สึกพึงพอใจของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หัวหน้าเขตให้ความสำคัญกับพวกเขาจริง ๆ! ถ้าทำไม่ดีก็ขออภัยด้วยความเคารพท่านหัวหน้าเขต!
ให้ตายเถอะ ต้องลุยแล้ว
……
ไม่นานหลังจากที่ซูเถากลับมาที่เถาหยาง เซียวเหวินอวี้ก็มาชวนเธอไปสนุกข้ามคืนอีกครั้ง
เธอวางแผนที่จะจัดปาร์ตี้ริมสระ ซึ่งเซียวเหวินอวี้ได้ชวนเพื่อนสนิทบางคนจากทางไกลให้มาร่วมงานด้วย งานปาร์ตี้ครั้งนี้จะต้องสนุกแน่ ๆ
“ไม่ ไม่ ฉันคงไม่ไหวหรอก ช่วงนี้ฉันนอนไม่ค่อยพอ เชิญพวกคุณสนุกกันเลย แล้วก็ไม่ต้องชวนฉันแล้วนะคะ ถือว่าช่วยรักษาจิตวิญญาณในการทำงานหนักของฉัน” ซูเถาโบกมือปฏิเสธ
“ฉันคิดว่าคุณเล่นไพ่ได้ดีมาก ฉันชอบเล่นกับคนฉลาด มันน่าสนใจ” เซียวเหวินอวี้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“ไม่ต้องมาชมฉันเลย ฉันไม่เปลี่ยนใจหรอกค่ะ” ซูเถา
“ฉันพูดจริง ๆ ฉันไม่ค่อยเห็นใครที่เรียนรู้วิธีเล่นบอร์ดเกมเป็นครั้งแรก และได้รับการสอนเพียงครั้งเดียวสามารถเอาชีวิตรอดจนจบและได้เป็นผู้ชนะมาก่อน อีกอย่างฉันยังได้ยินมาว่าคุณกำลังจะยึดครองเขตต่าง ๆ ของตงหยาง คุณอายุยังไม่ถึงสิบเก้าปีใช่ไหม …ซูเถา คุณฉลาดจริง ๆ คุณเหมาะที่จะเป็นลูกของตระกูลเซียวมาก คุณจะต้องได้รับทรัพย์สินส่วนใหญ่ของครอบครัวอย่างแน่นอน”
ซูเถาตกใจมาก “ครึ่งหลังของประโยคไม่จำเป็นหรอกนะ”
เซียวเหวินอวี้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พักหนึ่งว่า หากเธอมีความสามารถมากขนาดนี้เธอก็คงออกไปอยู่ข้างนอกและต่อสู้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมาง้ออะไรจากครอบครัว
“เอาล่ะ ฉันมีพื้นที่เล็ก ๆ สองสามแห่งในวิลล่าที่ฉันต้องการเพิ่มเติม คุณช่วยฉันเปลี่ยนแปลงได้ไหม ถ้าคุณมีเวลา”
ซูเถาตกลงอย่างง่ายดาย และเมื่อเธอกลับไป ก็เห็นว่ามีบางสิ่งที่เซียวเหวินอวี้ต้องการเพิ่มเติมไม่มากเท่าไหร่ เธอจึงลงมือทำมันเสร็จภายใน 5 นาที ใครจะคิดว่าหลังจากสื่อสารกับเซียวเหวินอวี้แล้ว เฉียนหรงหรงก็มาที่สำนักงานของเธอและบอกว่า เซียวเหวินอวี้ได้โอนเงิน 40 ล้านไปยังบัญชีกลางของเถาหยาง
ซูเถารีบโทรไปสอบถาม
เซียวเหวินอวี้ยักไหล่ “ฉันซื้อแค่ที่ดิน ส่วนบ้านนี้ฉันให้คุณสร้างฟรี ๆ ไม่ได้หรอก หากใช้ทีมก่อสร้างเนรมิตบ้านหลังนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าต้องถูกเรียกเก็บเงินมากกว่า 80 ล้านเหลียนปังแน่ ๆ ฉันโอนให้คุณแค่ 40 ล้านเหลียนปัง คุณก็ขาดทุนจะแย่แล้ว คุณรับเอาไว้เถอะ”
หากว่าทั้งหมดที่ซูเถาทำให้นี้ไม่เรียกเก็บเงิน เธอคงรู้สึกไม่ดี
เซียวเหวินอวี้พอใจมาก จึงถามซูเถาอีกครั้ง “คุณยังขายที่ดินอยู่ไหม”
“ตอนนี้ไม่ได้ขายค่ะ” ซูเถาส่ายหัว
เพราะว่าตอนนี้เธอไม่ได้ขาดเงินเหมือนก่อนหน้าแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า และหลินฟางจือก็ยังจัดหาผลึกนิวเคลียสได้อยู่ตลอด
“จบแล้ว ม่านม่านเธอต้องการซื้อที่ดินที่ติดกับฉัน ช่วงนี้ลั่วเหยียนก็คงเหนื่อยหน่อย เมื่อภรรยาของเขาไม่มีความสุข เธอก็จะทรมานเขาเล่น ๆ แบบนี้แหละ”
หลังจากที่เซียวเหวินอวี้พูดเช่นนี้ ก็เป็นความจริงที่เวินม่านและลั่วเหยียนมาหาเธอเพื่อขอซื้อที่ดินในบ่ายวันนั้น
ลั่วเหยียนกล้าหาญเช่นเคย และเขาไม่ลดละที่จะใช้เงินเพื่อภรรยาของเขา
“ผมได้ยินมาว่าเซียวเหวินอวี้ซื้อที่ดินในราคา 60 ล้านเหลียนปัง ผมจะจ่าย 80 ล้านเหลียนปัง พร้อมผลึกนิวเคลียส 20 อัน และฐานทัพเคลื่อนที่รุ่นล่าสุดจากเชียนอันอีกหนึ่งคัน”
ดวงตาของเวินม่านเป็นประกาย และเธอก็ได้ส่งสายตาที่น่าสงสารของเธอไปให้ซูเถา
เมื่อซูเถาถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น เธอก็ไม่สามารถเอ่ยปฏิเสธได้
“ฉันคงต้องขอคิดดูก่อน อีกอย่างพวกคุณจะว่าอะไรไหม ถ้าฉันจะขอเสียมารยาทถามว่าฐานทัพเคลื่อนที่ของพวกคุณราคาเท่าไหร่”
ลั่วเหยียนต้องการขึ้นราคาเพื่อสะท้อนมูลค่าของฐานทัพเคลื่อนที่ของเขา แต่ภรรยาของเขาเปิดปากของเธอและเสนอราคาต่ำสุด
“สิบล้าน ถ้าจะซื้อก็ลดราคาได้!”
“…” ลั่วเหยียน
เหนื่อยใจจริง ๆ