ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 372 เสร็จสิ้นการก่อสร้างเขตซีซาน
ตอนที่ 372 เสร็จสิ้นการก่อสร้างเขตซีซาน
ตอนที่ 372 เสร็จสิ้นการก่อสร้างเขตซีซาน
ซูเถาเหนื่อยเกินไปที่จะมีเวลาไปคิดเรื่องของเฉินหยาง
ในเขตซีซานภายใต้การควบคุมของหัวหน้าเขตเซี่ย บรรดาวิศวกรต้องทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อเขียนแบบวิศวกรรมทั้งหมดให้เสร็จ ซึ่งมีจำนวนสองกอง
หลังจากอพยพผู้อยู่อาศัยทั้งหมดในเขตซีซานออกไปแล้ว ซูเถาก็ได้อัปโหลดแบบวิศวกรรมไปยังระบบทีละแผ่น
โชคดีที่มีโหมดการก่อสร้างอัตโนมัติ ไม่เช่นนั้น เธออาจจะต้องกระอักเลือดหลังจากสร้างสิ่งก่อสร้างแต่ละหลังด้วยตนเอง
ซึ่งก็เป็นการดีกว่าที่จะเสียผลึกนิวเคลียสบางส่วนและปล่อยให้ระบบได้ทำงานไป
ในเวลาเดียวกัน พื้นดินในเขตซีซานทั้งหมดก็เริ่มสั่นสะเทือน และอาคารสูงก็ลอยขึ้นมาจากพื้น อาคารค่อย ๆ สูงตระหง่านขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวกับว่าขึ้นไปรับแสงจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
ถนนที่กว้างขวางและเป็นระเบียบ เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่เชื่อมต่อทุกส่วนของเขตต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด
ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที เขตซีซานก็เปลี่ยนโฉมใหม่ ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ต่างก็อ้าปากค้าง บางทีภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้อาจจะฝังอยู่ในความทรงจำของพวกเขาตลอดไปและจะไม่มีวันลบเลือน
หลังจากนั้นฝูงชนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในเขตซีซานด้วยความตื่นเต้น
หัวหน้าเขตเซี่ยได้เตรียมการไว้แล้ว และได้ขอให้ผู้คุมยิงปืนขึ้นฟ้าสามครั้ง จากนั้นเหตุการณ์ก็เงียบสงบลงทันที
“ขอให้ผู้นำของแต่ละเขตควบคุมคนของตนให้ดี! ทุกอย่างต้องดำเนินไปตามลำดับที่ได้คุยกันไว้ ใครคิดไม่ซื่อ ระวังไว้ว่ากระสุนจะกระเด็นเข้าตา!”
ฝูงชนที่กำลังตื่นเต้น ต่างก็พากันเดือดพล่านอีกครั้ง ถ้าพวกเขาไม่กลัวปืน พวกเขาคงจะรีบเข้าไปเป็นคนแรก
อดีตผู้นำกองทัพที่นั่งอยู่ในรถที่อยู่ไกลออกไป อดไม่ได้ที่จะเปิดประตูรถและมุ่งหน้าไปทางนั้น เขามองไปที่อาคารของเขตซีซาน แต่เขามองไม่ชัด จึงให้คนนำเอากล้องส่องทางไกลมาด้วย
“หนึ่งชั้น สองชั้น…ยี่สิบชั้น กี่ปีแล้วที่ตงหยางไม่ได้มีอาคารระฟ้าแบบนี้”
เขาถามเผยตงและสิงซูอวี่ที่อยู่ข้าง ๆ เขา
เผยตงกล่าวว่า “เป็นเวลากว่ายี่สิบปีแล้วนับตั้งแต่วันสิ้นโลก มันได้ทำลายอาคารจำนวนมาก ทำให้ไม่มีอาคารสูงในตงหยางอีกต่อไป”
แม้ว่าในตอนนั้นเธอจะยังเด็ก แต่เธอก็ยังจำฉากที่รถถังเล็งไปที่อาคารบ้านเมืองเพื่อฆ่าซอมบี้เป็นวงกว้าง
แม้ว่าจำนวนซอมบี้จะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่เมืองก็ถูกทำลายเช่นกัน
เวลาล่วงเลยมายี่สิบปี อดีตผู้นำกองทัพทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างเมืองใหม่ท่ามกลางซากปรักหักพัง จนมาถึงวันนี้ตงหยางกำลังจะมีอนาคตใหม่
ตึกสูงเหล่านั้นคือสัญลักษณ์แห่งความทรงพลัง
อดีตผู้นำกองทัพหัวเราะและอดไม่ได้ที่จะกระแอมออกมาเบา ๆ
“ดูเหมือนว่าฉันจะได้เกษียณเร็ว ๆ นี้ ฮ่าฮ่า แค่ก ๆ”
สิงซูอวี่ลูบหลังเขาเบา ๆ “ปู่คะ ระวังหน่อยค่ะ ปู่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอว่ามันต้องมีวันนี้ ทำไมปู่ถึงตื่นเต้นขนาดนั้นล่ะ”
อดีตผู้นำกองทัพไอจนน้ำตาไหล “หลานไม่เข้าใจ หลานไม่เข้าใจ ไปกันเถอะ กลับกัน”
เฉินเทียนเจียวและพรรคพวกก็หยุดดูเช่นกัน
ตั่งซิ่งเหยียนเอ่ยปากถาม “เหล่าเอ้อร์ หลังจากเถาหยางเข้าควบคุมตงหยางอย่างสมบูรณ์แล้ว พวกเรายังต้องออกไปปฏิบัติภารกิจบ่อย ๆ อยู่อีกไหม”
เฉินเทียนเจียวมองไปที่ตึกสูงตรงหน้าและพูดว่า “ถึงตอนนั้นพวกเราก็คงไม่เป็นที่ต้องการแล้วแหละ และมันก็ถึงเวลาที่พวกเราจะพักผ่อนแล้วเหมือนกัน”
ส่วนเหล่าต้าก็ชิงเกษียณไปก่อนพวกเขาแล้ว เขาไปใช้ชีวิตที่เถาหยางอย่างราชา
ตั่งซิ่งเหยียนรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เขาไม่อยากจะเชื่อเลย
“เขายังจำได้ลาง ๆ ว่าตอนเดือนสอง เถ้าแก่ซูมีห้องว่างให้เช่าเพียงห้องเดียว แต่ในพริบตาเดียวเขตซีซานก็ถูกสร้างขึ้นใหม่”
โจวไห่และโจวหยางยังนึกถึงคืนที่เถาหยางช่วยเหลือและรับพวกเขาเอาไว้
“ไป กลับไปบอกข่าวดีให้เหล่าต้าฟังดีกว่า” เฉินเทียนเจียวโบกมือ
เมื่อเขามาถึงศูนย์การรักษา เฉินเทียนเจียวมองไปที่สือจื่อจิ้นที่ลอยอยู่ในแคปซูลบำบัด เขาตบกระจกและพูดด้วยความโล่งใจ
“เหล่าต้า วันนี้เราก่อสร้างเขตซีซานสร็จสิ้นแล้วนะ ตอนกลางคืนหากคุณมีเวลาคุณลองไปเดินเล่นที่เขตซีซานสิ อย่ามัวแต่เกาะแกะเถ้าแก่ซูทั้งวันเลย เธอยุ่งมากจนเท้าแทบไม่ติดพื้น ให้พื้นที่เธอหน่อย”
ทันทีที่ฟ้ามืดลง วิญญาณสือก็ก้าวออกจากพื้นที่การรักษา จากนั้นเขาก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่มั่นคง และมองไปทางเขตซีซาน
ในตอนกลางคืน อาคารสูงตระหง่านในเขตซีซานจะสว่างไสว ซึ่งเกือบจะเหมือนกับบรรยากาศยามรามตรีของเมืองก่อนวันสิ้นโลก
เขาจ้องมองอย่างว่างเปล่าอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นตรงไปที่เถาหยาง และเมื่อเขาเข้าไปในห้องก็เห็นซูเถาหลับไปโดยที่ยังนั่งฟุบลงอยู่บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยแบบวิศวกรรม
ขอบตาของเธอดำคล้ำหลังจากนอนดึกมาหลายคืน และผิวหน้าก็ดูซีดเซียว
น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาเป็นวิญญาณ จึงพลาดโอกาสที่จะอุ้มเธอกลับไปที่ห้องนอนแล้วห่มผ้านวมผืนบางด้วยมือของเขาเอง
“หืม? คุณอยู่ที่นี่เหรอ” ซูเถารู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังมองมาที่ตนเอง และเมื่อลืมตาขึ้น แน่นอนว่าคือสือจื่อจิ้น
เธอหาวและขยี้ตาเบา ๆ
หลังจากก่อสร้างเขตซีซานเสร็จสิ้นแล้ว ความตึงเครียดของเธอก็ผ่อนคลายลง ไม่ทันรู้ตัวก็ผล็อยหลับไปจนตอนนี้ไม่รู้เวลาว่ากี่โมงแล้ว
“ห้าทุ่มแล้ว คุณรีบกลับไปนอนที่ห้องเถอะ”
“ฉันอยากไปที่เขตซีซาน คุณไปกับฉันสิ” ซูเถาส่ายหัว
ในขณะที่พูด เธอก็เดินไปยังชั้นรองเท้าเตรียมที่จะออกไป
เมื่อเธอมาถึงห้องนั่งเล่น ก็เห็นคอนโดแมวและของเล่นมากมาย มันเยอะจนเกือบเต็มห้องนั่งเล่นในบ้านเธอ
เฮยจือหม่าก็ปีนขึ้นไปด้านบน และสะบัดหางไปมา มองดูแม่น้ำลำธารและภูเขาเบื้องล่าง เหมือนว่ามันจะพอใจมาก
ซูเถาเอามือก่ายหน้าผากของเธอ ในตอนกลางวันเวินม่านก็จะเดินทางมาที่นี่อีก หากเป็นแบบนี้ต่อไป ห้องเธอคงเต็มไปด้วยสิ่งของเหล่านี้ แล้วจะกลายเป็นเธอไม่มีที่อยู่อาศัยเอาได้
จากนั้นเธอก็เดินทางออกไป เมื่อไปถึงซูเถาและผีหนึ่งตนลงจากรถเพื่อเข้าไปในเขตซีซาน หลังจากผ่านประตูหมุนเข้าไป ก็จะพบกับย่านที่อยู่อาศัยที่เป็นอาคารสูงระฟ้า
แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว แต่บรรยากาศที่นี่ก็ยังคงมีชีวิตชีวา ผู้คนต่างก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เพราะพวกเขาได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่ ซึ่งแต่ละคนก็มารวมตัวกันที่ชั้นล่าง เพื่อพูดคุยกัน ซึ่งบรรยากาศไม่ต่างจากเถาหยาง
สือจื่อจิ้นเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลานาน และในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เถาเถา ขอบคุณนะ”
ก่อนหน้านี้เขาเฝ้าทำงานอย่างหนักเพราะอะไร ก็เพราะอยากให้ผู้คนได้อาศัยและทำงานอยู่ที่ดินแดนแห่งนี้อย่างสงบสุข
ซึ่งในวันนี้ถือว่าเป้าหมายได้บรรลุไปแล้วกว่าครึ่งแล้ว
ซูเถาก้มมองไปที่ปลายเท้า จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ดวงจันทร์ที่สว่างไสว
“ด้วยความยินดี คุณและอดีตผู้นำกองทัพปกป้องตงหยางมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว หลังจากนี้ฉันจะรับช่วงต่อเอง”
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนเรียกชื่อเธออยู่ไม่ไกล
“เอ๋? หนูใช่ลูกสาวคนเล็กของครอบครัวซูหรือเปล่า?”
เมื่อซูเถามองใกล้ ๆ เธอก็จำได้ทันทีว่านี่คือไป๋เหล่าอี๋ เป็นอดีตเพื่อนบ้านของครอบครัวซูมานับสิบปี
ปีนี้ไป๋เหล่าอี๋ก็อายุห้าสิบกว่าแล้ว ก่อนวันสิ้นโลกเธอเป็นครูสอนภาษาจีนในโรงเรียนประถม แต่หลังจากวันสิ้นโลก โรงเรียนก็หายไป เธอจึงเปิดสอนเด็ก ๆ ที่บ้าน ตอนซูเถายังเด็กซูเถามักจะไปนอนอยู่ริมหน้าต่างบ้านเธอเพื่อซึมซับบทเรียน
ไป๋เหล่าอี๋สงสารเธอ ไม่เพียงแต่ไม่ขับไล่เธอไป แต่บางครั้งเธอก็หาอะไรให้ซูเถากินด้วย
ซูเถาใช้เวลาสี่หรือห้าปี กับการมาเข้าฟังคาบเรียนภาษาจีนของระดับประถมโดยที่เธอไม่มีหนังสือเรียนสักเล่ม เธอเพียงขโมยสมุด กระดาษ และปากกาจากพี่ชายทั้งสองของเธอเป็นครั้งคราว เมื่อนึกย้อนถึงเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกว่า ตัวเธอเองก็เรียนรู้ได้ดีอย่างคาดไม่ถึง
เวลาสี่ห้าปีนั้น หากไม่ใช่เพราะเธอได้รับบทเรียนพื้นฐานนี้ เธอคงไม่สามารถพัฒนาความตระหนักในการเรียนรู้ที่จะอ่าน และเธอก็คงเป็นผู้ไม่รู้หนังสือต่อไป
เมื่อปีหรือสองปีก่อน ไป๋เหล่าอี๋ทะเลาะกับหลี่หรงเหลียน เพราะเธอไม่เห็นด้วยกับความลำเอียงที่ซูเถาได้รับจากครอบครัว
ซูเถาจำความเมตตาของไป๋เหล่าอี๋คนนี้ได้เสมอ
“หนูเองค่ะคุณครูไป๋” เธอวิ่งมาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ไป๋เหล่าอี๋มองไปที่หญิงสาวที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเธอ และพูดด้วยความประหลาดใจว่า
“นี่คือเสี่ยวเถาจริง ๆ เหรอ ไม่เจอกันปีเดียวโตขึ้นมากเลยนะ ดูเหมือนว่าจะแข็งแรงดีอีกด้วย หนูกลับมาเยี่ยมพ่อแม่เหรอ ครูเห็นว่าพ่อของหนูพาถังโต้วไปที่ซินตู ส่วนแม่ของเราน่ะล้มหัวฟาดพื้น ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ถ้าหนูได้พบเจอคนดี ๆ อย่ากลับมาอีกเลย ครอบครัวของหนูเต็มไปด้วยเรื่องน่าปวดหัว”
“หนูได้ยินว่าเขตซีซานได้รับการสร้างขึ้นใหม่ เลยมาดูเฉย ๆ ค่ะ” ซูเถาส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
ไป๋เหล่าอี๋กล่าวว่า “ดีแล้ว ต่อแต่นี้ไปติดต่อกับครอบครัวฝั่งนี้ให้น้อย ๆ ลงหน่อย ไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเถอะนะ เห็นหนูเป็นแบบนี้แล้ว สามีของหนูคงรักหนูมากใช่ไหม เขาคงดูแลหนูอย่างดี ไม่ต้องกลับมาให้พ่อแม่รังแกอีกนะ รู้ไหม”
ในขณะที่เธอพูด เธอก็ส่งยิ้มและพยักหน้าไปทางสือจื่อจิ้นที่อยู่ไม่ไกล
ผู้ชายคนนี้ดูบุคลิกดีมาก แต่ในตอนกลางคืนแบบนี้ สายตาของเธอไม่ดีจึงเห็นไม่ค่อยชัดเจน
————————-