ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 383 กู้หมิงฉือหยิ่งในศักดิ์ศรี
ตอนที่ 383 กู้หมิงฉือหยิ่งในศักดิ์ศรี
ตอนที่ 383 กู้หมิงฉือหยิ่งในศักดิ์ศรี
หุยซู่กลืนน้ำลายของเขาและพูดว่า “หมอจง สิ่งที่คุณพูดเป็นความจริงเหรอ”
“จริง 100% แล้วนี้ทำไมจู่ ๆ เหล่าต้าถึงเงียบไป?”
เมื่อหุยซู่หันไปมองที่ระเบียง เขาก็บอกว่า “เหล่าต้าต้องการสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์…”
หลังจากวางสายไป ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ หุยซู่ไปมองหน้าเหล่าต้าของเขาและพูดอย่างระมัดระวัง “เหล่าต้า คืนนี้ให้ผมไปบอกคนให้เตรียมรถไว้ไหม วันพรุ่งนี้เราจะได้เดินทางไปที่เถาหยางตั้งแต่เช้าตรู่”
กู้หมิงฉือหยิบบุหรี่ออกมาแล้วถามว่า “นายถามอย่างชัดเจนแล้วเหรอ”
หุยซู่พยักหน้าด้วยความมั่นใจ และน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“ที่เถาหยางมียามากมายจริง ๆ ผมได้ยินจากหมอจงว่ามีตู้จำหน่ายยาอัตโนมัติที่ทุกคนสามารถซื้อได้ตั้งอยู่ในร้านขายยาของเถาหยาง เหล่าต้า ถ้าคนอื่นพูดผมอาจจะไม่เชื่อนะ แต่หมอจง…เขาไม่เคยพูดโกหก”
กู้หมิงฉือเงียบไปเป็นเวลานานและทันใดนั้นก็พูดประเด็นที่คิดได้ขึ้นมา “ครั้งนี้ซูเถาแค่ตอบแทนบุญคุณของฉันหรือมีอะไรอย่างอื่นอีก”
หุยซู่มึนงงในทันที
สิ่งที่เขาคิดในใจคือ นอกเหนือจากการตอบแทนบุญคุณแล้ว เถ้าแก่ซูจะทำอะไรได้อีก
ถ้าเถ้าแก่ซูมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับเหล่าต้าของพวกเขาจริง ๆ ทำไมเธอถึงไม่เคยโทรมาหาเหล่าต้าของพวกเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว เผลอ ๆ เธอลืมเจ้านายของพวกเขาไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่หุยซู่ก็ทำได้แค่ฟังเขาและทำเป็นคล้อยตามกับสิ่งที่เขาคิด “เถ้าแก่ซูนึกถึงความรู้สึกดี ๆ ที่คุณมีให้ และอีกด้านหนึ่งเธอเป็นห่วงคุณและเขตตะวันออก วันนี้เธอเพิ่งจะมียาในครอบครอง และเธอขอให้หมอจงมาแจ้งคุณทันที ผมเดาว่าเขตอื่น ๆ คงไม่ได้รับสิทธิพิเศษเหมือนคุณ”
กู้หมิงฉือรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้อง คิ้วที่ขมวดปมของเขาผ่อนคลายลงมาก จากนั้นเขาก็โบกมือแล้วพูดว่า “ไปเตรียมรถให้พร้อม อย่างไรก็ตาม เราจะส่งอาวุธครึ่งหนึ่งที่ซื้อมาใหม่ไปให้เถาหยางด้วย นอกจากนี้ ฉันจะแจ้งซูเถาว่าคนที่โจมตีเถาหยางเมื่อไม่กี่วันก่อนมาจากฐานติ้งหนาน และคนที่หลบหนีไปได้ 50-60 คนตอนนี้ซ่อนตัวอยู่ในโรงงานธัญพืชและน้ำมันที่ถูกปล่อยทิ้งร้างทางตะวันตกเฉียงใต้ของตงหยาง ฉันล้อมสถานที่ไว้แล้ว ตราบใดที่เธอเห็นด้วย ฉันจะจุดไฟเผาโรงงานเพื่อกำจัดผู้คนเหล่านี้ซะ”
หุยซู่ฟังเพียงครึ่งประโยคแรกหัวใจก็เต้นแรงแล้ว
อาวุธมากมายเหล่านี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการซื้อและขนส่งพวกมันมาจากฉางจิง
แต่เขากลับยกให้เถาหยางครึ่งหนึ่ง… แต่ช่างเหอะ แค่ใช้อาวุธแลกกับยาก็ถือว่าคุ้มแล้ว
หุยซู่กำลังจะจากไป แต่กู้หมิงฉือหยุดเขาอีกครั้งและพูดว่า “ฉันบอกนายเอาไว้ก่อน ว่าฉันจะไม่ยอมเอาเปรียบเธอโดยที่ไม่ได้ให้อะไรตอบแทนเด็ดขาด”
หุยซู่เข้าใจในทันที
หยิ่งในศักดิ์ศรีจริง ๆ
เพราะเมื่อวานนี้เหล่าต้ากำลังคิดที่จะรับยาจากภายนอกมา และส่งไปที่เถาหยางเพื่อแสดงความแข็งแกร่งของเขตตะวันออก
ในช่วงเวลาวิกฤตที่ตึงเครียดเช่นนี้ ยังสามารถหายามาแจกจ่ายได้อย่างไม่เห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก
ปรากฏว่าในเวลาไม่ถึงวัน เขตตะวันออกกลายเป็นผู้ที่ได้รับยาเสียเอง…
……
ซูเถาติดต่อไปหาเผยตงและขอให้เธอส่งรถมารับยาในวันพรุ่งนี้ เพื่อส่งต่อไปยังเขตต่าง ๆ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหัวหน้าเขตต่าง ๆ ก็รู้ข่าวที่น่ายินดีนี้
ค่ำคืนนี้คงทำให้หลายคนนอนไม่หลับด้วยความตื่นเต้น
ในขณะที่ซูเถานั้นรู้สึกหูอื้อเล็กน้อย เพราะวันนี้ทันทีที่กลับถึงห้องก็มีวิญญาณลอยมาคุยกับเธอ
ขณะที่เธอกำลังล้างหน้าแปรงฟัน เขาก็มาพูดพล่ามอยู่ข้าง ๆ เล่าตั้งแต่ตอนที่เฉินเทียนเจียวถูกแม่ของเขาทุบตีตั้งแต่ยังเด็ก จนถึงตอนที่เขาออกไปเดินเล่นกลางดึกเมื่อคืนก่อน เขาเห็นเซียวเหวินอวี้ยืนอยู่บนระเบียงของเธอและเรียกพ่อของเธอว่า คนไร้ยางอาย
ซูเถากลั้วปากเบา ๆ และบ้วนออกมา
“ตอนนี้ละครทีวีไม่สามารถสะกดคุณอยู่แล้วเหรอ คุณยังต้องออกไปเดินเล่นกลางดึกเพื่อฆ่าเวลาอีกหรือไง?”
เธอกลัวก็แต่ว่าเขาจะไปทำให้ผู้คนตกใจกลัว
สือจื่อจิ้นกล่าวว่า “การดูทีวีมากเกินไปไม่ดีต่อดวงตา”
ซูเถากลอกตา “คุณเป็นวิญญาณ คุณยังกังวลเรื่องสายตาสั้นอยู่อีกหรือไง”
สือจื่อจิ้นพูดอย่างจริงจัง “ผมก็ต้องรักษาสมดุลด้วยสิ ถึงจะเป็นร่างวิญญาณก็รู้สึกเหนื่อยล้าได้นะ ถ้าดูมากเกินไป”
“เมื่อก่อนไม่เคยได้ยินคุณบ่นว่าเหนื่อยเลยตอนที่ต้องออกไปทำภารกิจทุกวัน แต่ตอนนี้แค่ดูทีวีก็เหนื่อยแล้ว ตั้งแต่เป็นวิญญาณนี่พังพินาศไปหมด”
ซูเถาเตะเขาออกไป “ฉันจะไปอาบน้ำ”
สือจื่อจิ้นโดนเธอกระแทกประตูใส่ แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมปล่อยเธอไป เขาพาตัวเองไปยืนพิงกำแพงเพื่อพูดคุยกับเธอต่อ
“ค่อยว่ากันทีหลัง ผมได้ยินมาว่าเจียงอวี่เจอน้องสาวของเขาแล้วเหรอ?”
ซูเถาเปิดน้ำร้อน จากนั้นก็อาบน้ำไปด้วยและคุยกับเขาไปด้วย “เจอแล้ว ฉันก็ค่อนข้างประหลาดใจ ตอนแรกฉันนึกว่าเขาจะพากลับมาพร้อมกับขี้เถ้าของน้องสาวเสียอีก”
สือจื่อจิ้นเริ่มสนใจ “หาเจอได้ยังไงเหรอ”
“ฉันไม่รู้รายละเอียดนะ แต่ว่าสถานที่ที่เธอถูกฝังน่ะเมื่อขุดลงไปกลับไม่พบร่าง ตอนแรกเขาคิดว่าเธอถูกซอมบี้ขุดขึ้นมากิน แต่ว่าเจียงอวี่ก็ไม่ยอมแพ้ หลังจากค้นหาอยู่สองสามวัน ก็มีคนบอกว่าพบน้องสาวของเขา และในที่สุดก็พบเธออยู่ที่ศูนย์พักพิงใกล้ ๆ”
“เธอสบายดีใช่ไหม? เห็นว่าหายไปนานเหมือนกันนี่” สือจื่อจิ้นถาม
ซูเถาที่กำลังสระผมก็หยุดลง “เธอดูสบายดีนะ ไม่มีบาดแผลบนร่างกาย แต่ฉันคิดว่ามีบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ เพราะบุคลิกที่เคยมีในวัยเด็กของเธอดูเหมือนจะเปลี่ยนไปมาก ซึ่งเจียงอวี่ก็รู้สึกเช่นกัน เขาบอกว่าน้องสาวของเขาเย็นชาและเหมือนกลายเป็นคนแปลกหน้า”
สือจื่อจิ้นพยักหน้า “คุณลองถามเธอแล้วหรือยัง?”
“ยัง เจียงอวี่ไม่กล้าถาม พวกเราคนนอกยิ่งแล้วใหญ่ หากไปถามก็เหมือนการล้ำเส้น เราได้แต่รอให้เธออยู่กับตัวเอง แต่…ฉันมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเจียงถงเท่าไหร่”
“คุณไม่ชอบเธอเหรอ? พวกคุณไม่เคยเจอหน้ากันไม่ใช่เหรอ?” สือจื่อจิ้นรู้สึกประหลาดใจ
เขารู้จักนิสัยของซูเถา เธอจะไม่ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยอคติส่วนตัว แม้ว่าเธอจะยังเด็กและไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เธอก็มีจิตใจที่ดีกว่าคนทั่วไป
“ก็ไม่เชิงว่าเกลียดนะ ฉันคงไม่นิยามแบบนั้น แต่ฉันรู้สึกอึดอัดแปลก ๆ ที่เห็นเธอ ฉันไม่อยากที่จะติดต่อกับเธอมากเกินไป และฉันยังรู้สึกว่าเธอเป็นตัวอันตรายด้วย ฉันไม่รู้ ฉันอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน” ซูเถาส่ายหัว
เมื่อสือจื่อจิ้นนึกถึงสัญชาตญาณและความสามารถในการ ‘ทำนาย’ ที่กระตือรือร้นอยู่เสมอของเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจกับมัน
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คืนนี้ผมจะไปหาเธอ”
ซูเถาขมวดคิ้ว “ระวังให้ดี เธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ฉันไม่ว่าอะไรหรอกถ้าคุณแอบเข้ามาในห้องของฉันตอนกลางคืน แต่ถ้าคุณแอบเข้าไปในห้องคนอื่น แบบนั้นมันก็ไม่ดีเท่าไหร่”
สือจื่อจิ้น “…ก็จริง ผมยอมรับความผิดพลาดของผมและจะทบทวนตัวเอง ถ้าอย่างนั้นผมจะไม่เข้าไปด้านใน แต่จะสังเกตการณ์อยู่ด้านนอก”
ในคืนนั้นเขาก็เลือกที่จะไม่ดูทีวี แต่พาตัวเองไปเดินวนเวียนแถวห้องของเจียงอวี่และน้องสาวอย่างตื่นเต้นราวกับว่าเขาใช้เหตุการณ์นี้เป็นสีสันชีวิตที่น่าเบื่อของวิญญาณพเนจร
ซูเถาปล่อยเขาไป และเธอก็เลือกที่จะอ่านหนังสือสักพักก่อนเข้านอนเพื่อปรับปรุงและพัฒนาตัวเองทุกวัน ก่อนจะหลับไปหลังจากที่อ่านจบ
แต่ในครั้งนี้เธอนอนกระสับกระส่ายมาก
เธอฝันถึงเจียงอวี่และเจียงถง
ในความฝันเจียงอวี่ถือปืนและร้องไห้อย่างเงียบ ๆ อย่างหมดหวัง
จากนั้นกระสุนก็พุ่งออกจากปากกระบอกปืนและยิงเข้าที่หว่างคิ้วของเจียงถง