ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 387 หรือเจียงถงจะเป็นโบนวิงส์
ตอนที่ 387 หรือเจียงถงจะเป็นโบนวิงส์
ตอนที่ 387 หรือเจียงถงจะเป็นโบนวิงส์
เมื่อเห็นว่าเจียงถงไม่ตอบสนอง ผู้หญิงคนนั้นก็เลียเลือดบริเวณมุมปาก
“ถึงแม้มนุษย์จะยอมรับเธอจริง ๆ แต่พวกเขาก็ต้องมีความคิดที่ไม่บริสุทธิ์แน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจับตัวเธอทั้งเป็นหรือต้องการหลอกใช้เธอ มนุษย์มีเล่ห์เหลี่ยมมาก อย่างที่ฉันเคยบอก ว่ามีเพียงเธอกับฉันเท่านั้นที่เป็นประเภทเดียวกันและจะไม่ทำร้ายกัน”
“พี่ชายของฉันก็ไม่มีวันทำ” เจียงถงตอบโต้
“งั้นก็รอดูต่อไปเถอะ แต่ฉันจะอ้าแขนรับเธอที่นี่เสมอ มนุษย์เป็นสิ่งที่ไว้ใจไม่ได้ และซอมบี้ธรรมดาก็โง่เขลาเกินไปและเป็นพวกชั้นต่ำ เหยียนจ่ง หากไม่มีเธอ ฉันคงรู้สึกเหงามาก เธอก็เหมือนกัน ฉันว่าสักวันหนึ่งเธอจะมาหาฉันนะ” ผู้หญิงคนนั้นยักไหล่
เจียงถงหันหลังกลับเพื่อเตรียมตัวจะจากไป แต่จู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ดึงหัวใจจากศพชายคนนั้นออกมาด้วยมือเปล่า พร้อมกับยัดมันลงในถุงแล้วโยนให้เธอ
“รับไปเถอะ ถือว่าเป็นของว่าง ฉันเดาว่าเธอคงไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว หากปล่อยไว้นานกว่านี้ ฉันเกรงว่าเธอจะอดไม่ได้จับพี่ชายสุดที่รักของเธอกินซะก่อน”
เจียงถงเม้มริมฝีปาก แต่ก็ยอมรับมันไว้
ในมุมหนึ่งของส่วนที่ลึกสุดของตรอกที่มืดมิด ดวงตาข้างหนึ่งของเจียงถงก็เริ่มสั่นไหวและขยายใหญ่ขึ้นจนเต็มใบหน้า รูม่านตาที่แน่นขนัดอยู่ข้างในเป็นเหมือนปากที่เอาแต่โห่ร้องด้วยความหิวโหย เหมือนสุสานกินคน
จากนั้นก็มีเสียงแทะดังขึ้นในค่ำคืนอันเงียบสงัด…
……
เมื่อกลับมาที่เถาหยาง เจียงถงก็เปิดประตูเบา ๆ แล้วเดินเข้าไปในห้อง ในขณะที่เธอกำลังจะกลับไปที่ห้องนอน เสียงของเจียงอวี่พี่ชายของเธอก็ดังมาจากโซฟาในห้องนั่งเล่น
“ถงถง ดึกขนาดนี้ไปไหนมา”
“นอนไม่หลับน่ะ ไปเดินเล่นข้างนอกมา” เจียงถงฝีเท้าหยุดชะงักชั่วคราว
เจียงอวี่เปิดไฟ เขายืนขึ้นและเดินไปหยุดตรงหน้าเธอ และทันใดนั้นก็ได้กลิ่นเลือดจาง ๆ มันบางเบาเสียจนเขาไม่ทันได้สนใจมัน
เขามองเข้าไปในดวงตาของน้องสาวอย่างตั้งใจ
“ออกไปเดินเล่นโดยที่ไม่ได้สวมแว่นตา น้องมองเห็นได้ชัดเจนเหรอ”
“มองไม่ชัด ก็แค่เดินวนไปวนมา” เจียงถงกล่าว
เจียงอวี่จ้องมองน้องสาวอยู่นาน ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและเสียใจ
“ถงถง น้องโกหก ตอนเด็ก ๆ เวลาน้องพูดโกหกก็มักจะทำสีหน้าแบบนี้เสมอ ทำไมพี่ถึงได้รู้สึกว่าเรากลายเป็นคนแปลกหน้า มีเรื่องอะไรที่ทำให้เศร้าใจหรือเปล่า บอกพี่ได้ไหม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ก็พร้อมจะรับฟังและยอมรับน้องเสมอ พี่ทำได้ทุกอย่างเพื่อน้อง ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อจับกุมคนเลวที่ทำร้ายน้องและล้างแค้นให้”
การบาดเจ็บที่ร้ายแรงที่สุดที่เขาพอจะจินตนาการได้คือเมื่อมีคนหยามเกียรติเธอ ทำกับเธออย่างโหดร้ายทารุณ จนทำให้เธอเจอกับความเจ็บปวดเกินกว่าที่ใจจะรับไหว
ในฐานะพี่ชาย มันยากและบีบคั้นหัวใจมากสำหรับเขาที่จะยอมรับ
ทุกครั้งที่เจียงอวี่คิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้เหล่านี้ เขาก็จะรู้สึกเหมือนมีมีดทิ่มแทงหัวใจ เขาเกลียดคนที่ทำร้ายเธอ และเกลียดตัวเองที่ปกป้องเธอไม่ได้
บางครั้งเมื่อเกิดอารมณ์แบบนี้ เขาอยากจะเอาหัวโขกพื้นให้ตื่นจากความเสียใจและความฝันที่โหดร้ายนั้น ความเสียใจนั้นมันเหมือนกับการนำไขกระดูกออกมาจากกระดูก
มันเจ็บจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ
แต่เขาไม่กล้าถามออกไป
แต่วันนี้คำถามของซูเถาทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมา
เขาไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป เขาต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของเขา และต้องการช่วยเธอออกมา เขารักเธอมากและอยากจะช่วยรักษาบาดแผลในใจของเธอ
เจียงถงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและมองด้วยสายตาเคร่งขรึม “จริงเหรอ?”
“จริงสิ พี่สาบาน”
“ถ้าอย่างนั้นพี่เต็มใจไปกับฉันไหม ปล่อยเถาหยางไป ที่นี่ไม่เหมาะกับฉัน” เจียงถงเม้มปาก
“ทำไมน้องถึงไม่ชอบที่นี่?” เจียงอวี่ตะลึงไปครู่หนึ่ง
เพื่อให้น้องสาวของเขาเข้ากับเถาหยางได้โดยเร็วที่สุด เขายอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง และริเริ่มที่จะผูกมิตรกับทุกคนในเถาหยางเพื่อที่ว่าเมื่อทุกคนเห็นน้องสาวของเขา พวกเขาจะได้คิดว่าเธอเป็นเด็กดีน่าเอ็นดู และจะได้ช่วยดูแลเธออย่างดี ให้ผู้คนช่วยเข้าใจต่อความเฉยเมยและเย็นชาของเธอ
หรือว่าเขาทำอะไรผิดไป?
“เต็มใจไหม?” เจียงถงมองตรงไปที่เขา
“ถงถง…เถาหยางคือบ้านของเรานะ”
อารมณ์ของเจียงถงปะทุขึ้นทันที รูม่านตาของเธอก็ขยายขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“สุดท้ายพี่ก็ทำไม่ได้! พี่พูดออกมาเต็มปากว่าทำได้ทุกอย่างเพื่อฉัน! คนโกหก คนโกหก! ฮว่าผี พูดถูก พวกคุณทุกคนเป็นคนโกหก!”
เธอรีบเข้าไปในห้องและกระแทกประตูอย่างแรง
เจียงอวี่ไม่เห็นรูม่านตาที่ผิดปกติของเธอ เขาเอาแต่จดจ่อกับคำพูดของน้องสาวมากจนหัวใจของเขาเจ็บปวดอย่างเหลือทน
ออกจากเถาหยาง?
พวกเขาจะไปอาศัยที่ไหน?
และแม้ว่าจะมีสถานที่สำหรับเขาพี่น้อง แต่เขาได้สัญญากับซูเถาว่าเขาจะเป็นคู่หูเป็นเงาข้างกายเธอไปตลอดชีวิต
เขาทิ้งเถาหยางไม่ได้
เจียงอวี่ล้มลงบนโซฟา เขารู้สึกว่าร่างกายนี้ของเขาหมดเรี่ยวแรง
……
“ฮว่าผี? เป็นชื่อเล่นของใครบางคนเหรอ?” ซูเถาถามหลังจากฟังการทะเลาะกันระหว่างเจียงอวี่กับน้องสาว ที่ถูกบรรยายเรื่องราวทั้งหมดโดยร่างวิญญาณอย่างสือจื่อจิ้น
“ผมเองก็ไม่แน่ใจ และนอกเหนือจากการเห็นว่าเธอไม่มีพลังวิเศษแล้ว ผมก็ไม่ได้สังเกตเห็นอะไรผิดปกติเป็นพิเศษ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นข้อจำกัดของ ‘ดวงตาสำรวจ’ หรือตอนนี้ผมเป็นวิญญาณ และความสามารถของผมก็อ่อนแอลง” สือจื่อจิ้นส่ายหัว
ซูเถาครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นจู่ ๆ ก็พูดว่า
“หรือเธอจะเป็นโบนวิงส์อีกตัว?”
วิญญาณของสือจื่อจิ้น ล่องลอยไปในอากาศสองสามรอบ
ซูเถาขมวดคิ้วแน่น
“แน่นอนว่ามันเป็นเพียงการคาดเดาของฉัน บางทีฉันอาจจะคิดมากไปเอง เพราะว่าเจียงถงกลายเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว และสายตาของเจียงถงก็ฟื้นฟูได้ดีอย่างกะทันหัน นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว เธอไม่มีนิสัยรุนแรงเท่าโบนวิงส์และเธอไม่มีสัญชาตญาณและความปรารถนาในการฆ่าแบบโบนวิงส์ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…”
คำพูดของซูเถาหยุดถึงตรงนี้
ที่สำคัญระบบของเธอไม่ได้แจ้งเตือน
ก่อนที่จะมีซอมบี้เข้ามา ระบบจะแจ้งเตือนล่วงหน้า ซึ่งทำให้ซูเถาเชื่ออย่างเต็มใจว่าเจียงถงเป็นเพียงน้องสาวตัวน้อยที่เปลี่ยนไปเท่านั้น
แต่ในใจของเธอก็บอกว่าให้ระวัง เธอจึงนึกถึงสิ่งที่เสิ่นเวิ่นเฉิงเคยคาดการณ์เอาไว้
ซอมบี้นั้นมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง มันสามารถเลียนแบบอุณหภูมิร่างกายและการเต้นของหัวใจของมนุษย์ ทำให้เราไม่สามารถแยกแยะได้ พวกมันจะแฝงตัวในหมู่มนุษย์เงียบ ๆ เมื่อสะสมพละกำลังได้ถึงจุดหนึ่งก็จะจัดการเอาชีวิตมนุษย์…
เป็นไปได้ไหมว่ามีซอมบี้กลายพันธุ์อยู่หลายตัวแล้ว แต่พวกมันคล้ายกับมนุษย์มากเกินไป เราจึงไม่สามารถหาพวกมันได้พบ…
เมื่อซูเถานึกถึงสิ่งนี้ ร่างกายก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว