ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 389 เกิดเป็นสัตว์ประหลาดช่างโดดเดี่ยว
ตอนที่ 389 เกิดเป็นสัตว์ประหลาดช่างโดดเดี่ยว
ตอนที่ 389 เกิดเป็นสัตว์ประหลาดช่างโดดเดี่ยว
ภายนอกเถาหยางมีอุณหภูมิเพียงห้าหรือหกองศาเท่านั้น ทั้งยังมีลมกระโชกแรง ทำให้เมื่อถูกลมปะทะ จะรู้สึกราวกับมีมีดคม ๆ เสียดแทงเข้าที่ใบหน้า
ซูเถาอดไม่ได้ที่จะรวบเสื้อผ้าใส่ให้มิดชิดมากยิ่งขึ้น พร้อมกับสวมหมวก แล้ววิ่งตามเวินม่านออกไป จากนั้นเธอก็เห็นเวินม่านหยิบลูกบอลโลหะขนาดเท่ากำปั้นออกมา อีกฝ่ายโยนลูกบอลไปมาในมืออยู่สองครั้ง แล้วก็โยนมันเข้าไปในอากาศ
เมื่อซูเถามองขึ้นไปบนท้องฟ้า เธอก็เห็นลูกบอลโลหะลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็เริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว และค่อย ๆ เปล่งแสงออกมา
ในเวลาไม่ถึงสองนาที ลูกบอลโลหะก็แผ่ความร้อนออกมาจากตัวมัน ซึ่งความร้อนนั้นทำให้ใบหน้าของซูเถาแทบจะลุกเป็นไฟ
“อ๊ะ ขอโทษด้วยค่ะ ฉันน่าจะปรับอุณหภูมิสูงมากไปหน่อย เดี๋ยวฉันลดอุณหภูมิลงหน่อย…” เวินม่านตกใจ
แน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นาน ซูเถารู้สึกว่าสถานที่ที่โดนแสงจากลูกบอลโลหะที่สาดส่องนั้นอบอุ่นขึ้นมาก ไม่เย็นหรือร้อนจนเกินไป สบายเสียจนทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย
ซูเถาประหลาดใจ “นี่คืออะไรเหรอ”
เวินม่านกำลังรอคำถามนี้อยู่พอดี “มันคือดวงอาทิตย์เทียม เอาเครื่องสื่อสารของคุณมาให้ฉัน ฉันจะเชื่อมต่อให้ เพื่อที่คุณจะได้ควบคุมมันจากระยะไกล”
ซูเถาคิดเพียงว่าเวินม่านแค่เชื่อมต่อเพื่อให้เธอได้ทดลอง
มันมีประโยชน์และน่าสนใจมาก ไม่เพียงแต่ควบคุมอุณหภูมิได้ด้วยตัวเองเท่านั้นแต่ยังสามารถบินไปรอบ ๆ ได้เหมือนโดรนควบคุมจากระยะไกลอีกด้วย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่ต้องชาร์จหรือใช้พลังงานจากผลึกนิวเคลียส
ในอนาคตเมื่อออกเดินทางไกล ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องลมหนาวอีกต่อไป
ซูเถากำลังจะเอ่ยถามเวินม่านว่าเธอไปซื้อมาจากที่ไหน ในขณะเดียวกันเวินม่านก็เผยรอยยิ้มเสมือนว่าเธอประสบความสำเร็จออกมา
“เชื่อมต่อสำเร็จแล้ว ตอนนี้มีแค่คุณเท่านั้นที่สามารถใช้ได้”
“คุณหลอกฉันเหรอ!” ซูเถาตกตะลึง และทำท่าทางตอบโต้เวินม่านทันที
จากนั้นทั้งสองก็หัวเราะและทะเลาะกันเหมือนเด็ก ๆ
“เด็กน้อย..” กู้หมิงฉือเฝ้ามองทั้งสองจากระยะไกล จากนั้นก็พึมพำออกมาเบา ๆ
หลังจากพึมพำกับตัวเอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองซูเถาต่ออีกเล็กน้อย พร้อมเงี่ยหูฟังเสียงหัวเราะของหญิงสาวตรงหน้า ถึงแม้ว่าดวงอาทิตย์ดวงน้อยนี้เธอจะถูกหลอกให้รับเอาไว้ ทว่าซูเถาก็ไม่สามารถคืนสิ่งที่ถูกผูกมัดไปได้ง่าย ๆ
แต่เธอก็ยังพูดกับเวินม่านอย่างจริงจังว่า “คราวหน้าถ้าคุณให้อะไรฉันฟรี ๆ แบบนี้อีก ฉันจะหาคนมาขนเสบียงและยาไปที่เชียนอันของพวกคุณเต็มรถบรรทุก”
ดวงตาของเวินม่านเบิกกว้าง
“โอเค คุณชนะแล้ว”
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่สักพักหนึ่ง และในขณะที่พวกเธอกำลังคุยกัน ซูเถาก็เหลือบไปเห็นเจียงอวี่และน้องสาว
ไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังพูดคุยอะไรกัน แต่การแสดงออกของทั้งคู่ดูไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะเจียงถง แม้ว่าพวกเธอจะอยู่ห่างกัน แต่ซูเถาก็สามารถมองมือที่กำหมัดแน่นของเธอได้ชัดเจน
ซูเถาจำความฝันได้ทันที
หัวใจของเธอเต้นรัวอีกครั้ง จากนั้นจึงผิวปากขึ้นบนท้องฟ้า เมื่อหลิงอวี่ที่กำลังบินวนอยู่รอบ ๆ ได้ยินเสียงผิวปากของเธอก็รีบบินไปทันที จากนั้นก็บินลงมาเกาะที่ไหล่เพื่อรับคำสั่ง
“เข้าไปใกล้ ๆ แล้วฟังสิ่งที่พวกเขาพูด”
ในเรื่องของการดักฟัง หลิงอวี่นั้นเก่งที่สุด มันกระพือปีกแล้วบินออกไปทันที
“ถงถง ทำไมน้องถึงอยากออกไปจากที่นี่ ข้างนอกมีซอมบี้และคนไม่ดีอยู่ทุกที่ อีกทั้งอากาศยังแปรปรวน ขาดเสบียง เราจะลำบาก…น้องต้องเจอกับเรื่องราวที่ยากลำบากมามากพอแล้ว พี่ไม่อยากให้น้องไปเผชิญกับเรื่องราวเหล่านั้นอีก”
“น้องจะปกป้องพี่เอง” เจียงถงยังคงยืนกรานอย่างดื้อรั้น
ซอมบี้ที่หน้าตาน่าเกลียดและโง่เขลาด้านนอกนั้นไม่สามารถสู้เธอได้ด้วยซ้ำ
มนุษย์ธรรมดาแม้แต่ผู้ที่มีพลังวิเศษยังทำร้ายเธอแทบไม่ได้
เธอไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ทำแว่นตาหาย และเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ด้วยความกลัวอีกต่อไปแล้ว
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ เจียงอวี่ก็รู้สึกว่าน้องสาวของเขาเป็นบ้าไปแล้ว เธอยังเด็กแต่กลับมีความคิดพิลึกและไม่สามารถจินตนาการได้
“พี่ไม่เชื่อน้องเหรอ”
“แล้วพี่จะเชื่อน้องได้ยังไง…” เจียงอวี่ตอบอย่างหมดแรง
เจียงถงเกือบจะหลุดปากออกไปหลายครั้งและต้องการที่จะสารภาพเรื่องทั้งหมดกับเขา เธอต้องการที่จะบอกเขาว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มนุษย์ปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นสินค้า ถูกขายต่อเปลี่ยนมือเหมือนของใช้ และถูกทารุณกรรมทุกรูปแบบ
เธอมองเห็นไม่ชัด เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคนที่ทำร้ายเธอหน้าตาเป็นยังไง เธอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ท่ามกลางการมองอันพร่ามัวและความโกลาหลที่เกิดขึ้น วันเวลาที่กว่าจะผ่านไปแต่ละวันของเธอช่างยาวนานเหลือเกิน
คนชั่วร้ายบางคนเมื่อเห็นว่าเธอเหมือนคนตาบอดข้างเดียวอยู่แล้ว ก็เลยควักลูกตาของเธอออกมาอย่างสนุกสนาน ทำให้เธอตาบอดจริง ๆ และหัวเราะเยาะในขณะที่เธอปิดตาและตื่นกลัว
ไม่พอ เธอยังถูกใช้เป็นเหยื่อล่อ และได้ตายในปากซอมบี้…
ทว่าการตายในครั้งนั้น เธอได้ชีวิตใหม่คืนมาด้วย
เมื่อเธอตื่นขึ้น เธอก็เห็นโลกที่สดใสอีกครั้ง
โลกที่แสนสกปรกโสมมนี้ ผู้ที่เอาชีวิตของเธอมาล้อเล่นและหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอย่างไร้ความรู้สึกผิด กลับแสดงท่าทางหวาดกลัวและขอร้องในขณะที่พวกเขากำลังจะถูกเธอฆ่า
ตอนนี้เธอสามารถควบคุมชีวิตตัวเองได้ แข็งแกร่ง จนทั้งคนและซอมบี้ต้องหลบหน้า เธอรู้สึกดีสุด ๆ
เป็นมนุษย์มีอะไรดีเหรอ?
ตราบใดที่เธอสามารถอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีได้ เธอก็ยอมเป็นสัตว์ประหลาดดีกว่า
อย่างไรก็ตาม การเป็นสัตว์ประหลาดนั้นช่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน
ในขณะที่ซอมบี้ระดับต่ำทำได้เพียงเชื่อฟังคำสั่งของเธอ พูดไม่ได้ ไร้ความคิด น่าเบื่อเหมือนซากศพที่เน่าเปื่อย
เธอพยายามเข้าใกล้มนุษย์ แต่มนุษย์เหล่านั้นเห็นว่าเธอเป็นสาวโสดและต้องการหลอกลวงเธอเสมอ
ในที่สุดเธอก็ฆ่าและกินพวกเขาทั้งหมด
เธอยังคงมองหาใครสักคนที่สามารถอยู่เคียงข้างเธอได้
มันไม่ง่ายเลยที่จะพบเด็กชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่มีอายุเท่ากับเธอ เขาไปหาน้ำและอาหารให้เธอกิน คอยเล่านิทานมากมายที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน ชมเธอว่ากล้าหาญและน่ารัก และให้กำลังใจเธอเพื่อที่จะสู้ชีวิต…
เธอคิดว่าเธอพบกับคนคนนั้นแล้ว แต่เมื่อเธอสารภาพทุกอย่างอย่างจริงใจ เด็กชายก็วิ่งหนีไปด้วยความตกใจ และไปหาคนมากำจัดเธอ
ในท้ายที่สุด เธอก็ฆ่าทุกคนและกินเด็กคนนั้นจนไม่เหลือซาก
ต่อมาเธอได้พบกับฮว่าผี ที่เป็นประเภทเดียวกันกับเธอ แต่ฮว่าผีถือว่าการฆ่าคนเป็นความบันเทิง และกินคนทุกวันเพื่อถลกหนังออกและเก็บสะสมเอาไว้
เจียงถงรู้สึกว่าเธอและผู้หญิงคนนั้นมีความแตกต่างกันในเรื่องภาษาทางการสื่อสาร
จนกระทั่งเธอได้เจอกับพี่ชายของเธออีกครั้ง
ความทรงจำของการเป็นมนุษย์ของเธอก็กำลังตื่นขึ้นอย่างช้า ๆ
ผู้ชายคนนี้รักเธอมาก และถือว่าเธอสำคัญกว่าชีวิตของเขาเอง
ในตอนนั้นเธอคิดว่า ถ้าเธอมีทางเลือกเธอยังอยากเป็นคนตัวเล็กตาบอดของพี่ชายคนนี้ เธอไม่อยากเป็นสัตว์ประหลาดอีกต่อไป เธออยากกลับบ้านกับพี่ชายของเธอ
เธอควบคุมตัวเองไม่ได้และเดินไปกับเขาโดยไม่ลังเล
ฮว่าผีมาหาเธอหลายครั้งและบอกเธอว่าพี่ชายของเธอจะไม่ยอมรับว่าเธอเป็นซอมบี้ห่มหนังมนุษย์ เธอต้องโกหกเขาไปตลอดชีวิต และใช้ชีวิตอย่างรอวันถูกเปิดโปง
เจียงถงเริ่มมีความเกลียดชังฮว่าผี
พี่ชายไม่ใช่คนแบบนั้น เขาจะยอมรับเธออย่างแน่นอน ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง