ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 403 ทางเลือกคือไม่มีทางเลือก
ตอนที่ 403 ทางเลือกคือไม่มีทางเลือก
เบื้องหลังความชอบธรรมที่แท้จริงก็คือความโหดร้าย
ซูเถานิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง
ถามว่าแรงกดดันจากเสิ่นเวิ่นเฉิงนั้นผิดไหม? จากมุมมองของความชอบธรรมเขาไม่ผิดอะไรหรอก สิ่งที่เขามองนั้นยิ่งใหญ่มาก
เมื่อเสิ่นเวิ่นเฉิงเห็นว่าซูเถาเงียบเสียงไป หัวใจของเขาก็เต้นรัวและรีบกล่าวอย่างกระวนกระวายใจ
“เถ้าแก่ซู การที่เราต้องเสียสละบางอย่างไป มันก็เป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และจากสถานการณ์ปัจจุบัน การส่งเธอไปที่ห้องปฏิบัติการนั้นถือว่าดีกว่า เรามียาที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของเธอ ดีกว่าการปล่อยเธอตายอยู่ที่นี่ ดูสภาพเธอตอนนี้สิ เรื่องความเจ็บปวดไม่ต้องพูดถึง มันเน่าถึงขนาดนี้แล้วนะ?”
“อีกอย่าง ผมให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่มีการปฏิบัติการที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรมในระหว่างการทดลองวิจัยอย่างเด็ดขาด ผมจะไม่ปล่อยให้เธอตาย ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อฟื้นฟูร่างกายของเธอ แบบนี้เจียงอวี่ก็สามารถมาหาน้องสาวของเขาได้ ใช่ไหม?”
เมื่อซูเถานึกถึงความเจ็บปวดของเจียงถง เธอก็ทำได้แค่หลับตาแน่น
“…ไปเรียกเจียงอวี่มาเถอะค่ะ ให้พี่น้องได้กล่าวคำอำลาต่อกัน”
บางทีสถานการณ์ที่น่าเศร้าในปัจจุบัน อาจไม่ดีไปกว่าการส่งเธอไปที่ห้องทดลอง
ทางเลือกที่มี ก็คือการไม่มีทางเลือก การถูกแช่ร่างไว้ในของเหลวเหล่านั้น ไร้ซึ่งอิสระ และเฝ้าดูร่างกายของตัวเองถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ…แค่นี้ก็ไม่อยากจะคิดต่อแล้ว
เสิ่นเวิ่นเฉิงไม่ได้พูดอะไรต่อ
ซูเถาห้มผ้าห่มให้เจียงถง และเผยให้เห็นเพียงส่วนศีรษะของเธอเท่านั้น ให้ดูเหมือนว่าเธอยังอยู่ในสภาพดีอยู่
เจียงอวี่ล้มลุกคลุกคลาน และรีบวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน เขามองเห็นเจียงถงที่กำลังร้องเรียกเขาอยู่ตรงหน้า
แต่ซูเถาหยุดเขาเอาไว้
“อย่ายกผ้าห่มเธอขึ้นนะคะ ให้เกียรติเธอ ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็พูดออกมาได้เลยค่ะ อีกเดี๋ยวจะมีคนพาตัวเธอไปที่ห้องทดลอง”
หลังจากที่ซูเถาพูดจบก็หันหลังกลับและจากไปทันที แต่หลังจากที่เธอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาและสวมกอดเจียงอวี่
“ฉันขอโทษ ฉันปกป้องเธอเอาไว้ไม่ได้ และได้ทำร้ายเธอ”
เจียงอวี่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนปล่อยให้ซูเถาพรั่งพรูทุกอย่างออกมา
หลังจากที่ซูเถาออกไป เธอก็ปิดประตูเอาไว้และยืนพิงเข้ากับกำแพงพร้อมเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า หลิงอวี่ที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า มันกำลังดิ้นรนบินมาหาเธอพร้อมกับกระเป๋าเป้สุดแสนจะสกปรกที่มันคาบไว้ในปาก…
ซูเถายืนตัวตรงทันทีและผิวปากเรียกมัน
หลิงอวี่บินโฉบลงมา และก่อนที่มันจะถึงพื้นมันก็เกิดหมดแรงและปล่อยกระเป๋าที่คาบอยู่ในปากลง แล้วมันก็ทิ้งตัวเองลงในอ้อมแขนของซูเถา
“นกหมดแรง นกหมดแรง”
มันหอบหายใจอย่างหนักและกรอกตาไปมาราวกับมนุษย์
ซูเถารีบเรียกให้จวงหว่านมาเฝ้าประตู คอยดูเจียงอวี่และน้องสาวเอาไว้ จากนั้นก็คว้ากระเป๋าและพาหลิงอวี่กลับไปที่สำนักงานทันที
เธอป้อนน้ำและอาหารให้หลิงอวี่ ก่อนรู้สึกโล่งใจที่ในที่สุดเธอก็เห็นว่ามันฟื้นตัวดีขึ้น จากนั้นเธอก็รีบเปิดกระเป๋าเป้อย่างระมัดระวัง แต่คิดไม่ถึงว่าทันทีที่เธอรูดซิปออกกลิ่นคาวเลือดจะลอยโชยมาแตะจมูกของเธอ
ข้างในมีของจิปาถะค่อยข้างเยอะ และที่ดึงดูดสายตามากที่สุดก็คือกล่องที่บรรจุมาอย่างสวยงาม 2 กล่อง
เมื่อหลิงอวี่ฟื้นตัวแล้วเห็นกล่องมันก็พูดว่า
“สิ่งนี้แหละ สิ่งนี้แหละ ผิวหนังมนุษย์”
ดูเหมือนว่าด้านในจะเต็มไปด้วยผิวหนังของมนุษย์
ซูเถารู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย แต่ยังฝืนสวมถุงมือเพื่อเปิดกล่อง และอดทนต่ออาการผะอืดผะอมนี้
ข้างในมีผิวหนังมนุษย์มากกว่าหนึ่งชิ้น แต่ไม่ใช่ทั้งตัว แต่มีเพียงใบหน้าเท่านั้น บางชิ้นยังคงสดใหม่ เพราะยังมีเลือดไหลซึมออกมา
ซูเถาตระหนักได้ทันทีว่า ฮว่าผีมีงานอดิเรกเป็นการสะสมหนังมนุษย์
หนังมนุษย์ในกล่องสุดประณีตนี้คือ ‘ผลงาน’ ที่เธอโปรดปราน เธอจะต้องหวนกลับมาหาพวกมันอย่างแน่นอน
ในขณะที่เธอกำลังจะใช้พลังของเพื่อ ‘ทำนาย’ อนาคตของสิ่งเหล่านี้และค้นหาที่ซ่อนของฮว่าผี เธอก็ชะงักอีกครั้ง
เจียงถงจะต้องถูกส่งไปที่ห้องทดลองในบ่ายวันนี้
เธอยังจำเป็นต้องจับตัวฮว่าผีอยู่อีกไหม?
แต่ซูเถาลังเลเพียงครู่หนึ่งเท่านั้นก่อนสายตาของเธอจะเปลี่ยนเป็นแน่วแน่
จำเป็นสิ!
เพราะเธอทำชั่ว เธอฆ่าและถลกหนังผู้คน และทำให้เจียงถงเป็นแบบนี้ เราจำเป็นต้องจับกุมเธอและปล่อยให้เธอประสบกับทุกสิ่งที่เจียงถงต้องทนทุกข์ทรมาน
ซูเถาสงบสติอารมณ์ และถอดถุงมือออก หลังจากสัมผัสสิ่งเหล่านี้เบา ๆ ภาพก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในหัวของเธอ ซึ่งเป็นอย่างที่คาดไว้ ฮว่าผีเดินไปมาเพื่อหา ‘ของสะสม’ ของเธอ
……
“พี่ชาย…”
เจียงถงลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง ม่านตาของเธอเปิดออกได้เพียงครึ่งหนึ่ง การมองเห็นครึ่งหนึ่งของเธอแดงฉานด้วยสีเลือด ความรู้สึกนี้ทำให้เธอนึกถึงความทรงจำของการเป็นมนุษย์ชั่วขณะหนึ่ง
เธอรีบตะโกนเรียก “พี่ พี่ น้องมองเห็นไม่ชัดอีกแล้ว น้องมองเห็นไม่ชัด…”
ความทรงจำนี้ทำให้เธอหวาดกลัวมาก เธอมองไม่เห็นคนร้ายที่ทำร้ายตนเอง มองไม่ชัดว่าข้างหน้ามืดหรือสว่างด้วยซ้ำ
เจียงอวี่จับมือเธอผ่านผ้าห่ม “ถงถง! พี่อยู่นี่!”
เมื่อเจียงถงได้ยินเสียงของเขา อาการตื่นตระหนกของเธอก็สงบลง จากนั้นก็เริ่มร้องไห้สะอื้นเบา ๆ
“พี่ น้องมองเห็นไม่ชัด น้องเจ็บมาก เจ็บมาก มีคนตีน้องอีกแล้ว น้องก็เป็นเด็กดีนะ แต่ทำไม…”
ร่างกายของเจียงอวี่สั่นสะท้าน จากนั้นเขาก็พูดด้วยความโศกเศร้า
“ไม่มีใครตีน้อง จะไม่มีใครตีน้องอีก พี่จะปกป้องน้องเอง พี่…”
เจียงอวี่จุกอยู่ที่อก
เขาไม่ได้ปกป้องเธอตั้งแต่ต้นจนจบ
เธอเป็นคนถูกลักพาตัวไป ไม่ใช่เขา
เธอถูกใช้เป็นเหยื่อล่อ แต่ว่าเขาไม่ใช่
ราวกับว่าเจียงอวี่ถูกฟ้าผ่ากลางศีรษะ ร่างกายและหัวใจของเขาถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ร่างกายเหมือนถูกเถ้าถ่านห่อหุ้มเขาไว้และกลืนกินเขาจนหมด
เจียงถงต้องการเอื้อมมือไปจับมือของพี่ชาย แต่เธอไม่สามารถจับมือผ่านผ้าห่มได้
มือของเธอนั้นเจ็บปวดรวดร้าวไม่น้อย ราวกับว่ามีคนกรีดผิวหนังของเธอเป็นหมื่น ๆ ครั้ง และเธอก็ได้แต่สะอื้นออกมา
“พี่ น้องเจ็บปวดมาก น้องคิดว่าการที่น้องกลายเป็นสัตว์ประหลาดมันจะไม่เจ็บปวดอีกแล้ว แต่ทำไมมันถึงยังเจ็บอยู่? น้องไม่อยากเป็นสัตว์ประหลาดอีกต่อไปแล้ว”
ในที่สุดเธอก็ไม่สามารถส่งเสียงได้เนื่องจากความเจ็บปวด ได้แต่พยายามเบิกตาขึ้นและพยายามที่จะเปิดปาก ทุกอย่างทำได้อย่างยากลำบาก เธอยื่นมือที่เคลื่อนไหวได้ออกมาจากใต้ผ้านวม อยากจะจับมือพี่ชายของเธอเหมือนตอนที่เธอยังเป็นเด็ก
แต่เจียงอวี่ทรุดลงเมื่อเห็นมือของเธอที่เกือบจะเหลือแต่กระดูก
เขาตีอกชกหัวตัวเอง และเอาหัวโขกพื้นจนเลือดไหลอาบทั่วใบหน้า
“พี่ พี่ ช่วยน้องที จากนี้..น้องจะเชื่อฟังพี่ น้องจะไม่งอแง ไม่อยากกินอะไรกินอีกแล้ว น้องไม่อยากรับรู้รสชาติของอาหารเลย จริง ๆ นะ ถงถง ไม่…ไม่โกหกพี่”
เธอพยายามยื่นมือที่เปื้อนเลือดปัดป่ายไปในอากาศ
เจียงอวี่ลุกขึ้นและกอดเธอไว้แน่น เลือดอุ่น ๆ ทำให้ความคิดบ้า ๆ ผุดขึ้นในใจของเขา
เจียงถงจับมือของเขาและยิ้ม แต่ใบหน้าของเธอเหยเกด้วยความเจ็บปวด
“พี่ น้องทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ มันเจ็บเกินไป…”
ด้วยน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้า เจียงอวี่จึงหยิบปืนออกมาและชี้ไปที่น้องสาวที่นอนชักกระตุกด้วยความเจ็บปวด บางทีความตายอาจเป็นการบรรเทาความเจ็บปวดที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
ไม่จำเป็นต้องถูกทรมานด้วยความเจ็บปวด และไม่จำเป็นต้องเป็นวัตถุทดลอง
เขาสามารถหาสถานที่เงียบสงบเพื่อฝังเธอ ออกจากโลกที่เต็มไปด้วยบาปนี้ไปตลอดกาล ไปเกิดใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่
เดิมที ในฤดูร้อนเมื่อไม่กี่ปีก่อน เธอควรจะนอนอยู่ใต้ดินแล้วด้วยซ้ำ
“ปัง!”
ควันจากปากกระบอกปืนฟุ้งอยู่ในอากาศ และทั้งห้องก็เปื้อนไปด้วยเลือด
เจียงอวี่ไม่สามารถบอกได้ว่าดวงตาของเขาพร่ามัวด้วยน้ำตา หรือควันจากกระสุนปืนที่ทำให้ดวงตาเขามืดบอด