ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 414 เขาไม่คิดว่าเราเป็นทหารของเขา
ตอนที่ 414 เขาไม่คิดว่าเราเป็นทหารของเขา
ตอนที่ 414 เขาไม่คิดว่าเราเป็นทหารของเขา
ทหารตัวน้อยมองไปที่จวงหว่านอย่างประหม่า และใช้มือลูบลงบนเครื่องแบบทหารของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
จวงหว่านเห็นแบบนี้ก็สงสารเขาและพยายามเกลี้ยกล่อม “รีบกินเข้าเถอะ ฉันจะเตรียมอาหารให้หัวหน้าหน่วยของนายอีก นายกินก่อนเลย”
ซูเถาพาคนไปที่โรงอาหารเพื่อดูทหารตัวน้อยคนนั้น หลังจากเธอรู้เรื่องราวทั้งหมดก็ให้หลินฟางจือเตรียมกล่องช็อกโกแลตบาร์เอาไว้ทันที
มันค่อนข้างมีประโยชน์และมีแคลอรีสูง ตอบโจทย์ดีมากเวลาหิว
ซูเถาขอให้ทหารตัวน้อยนำบาร์ให้พลังงานเหล่านี้กลับไปเพื่อแบ่งให้พวกเขากินเป็นอาหารมื้อเย็นจะได้อิ่มท้อง
ทหารตัวน้อยรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมากและส่ายหัวอย่างลนลาน
“ไม่ ไม่ ไม่ ถ้าหัวหน้าตั่งรู้เข้าเขาต้อง…เขาต้องฆ่าผมแน่!”
“หัวหน้าตั่งของนายต้องฟังฉัน หากฉันบอกให้นายนำมันกลับไป เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ และถ้าเขาทำอะไรนาย ฉันจะรับผิดชอบเอง” ซูเถากล่าว
ทหารตัวน้อยพูดตะกุกตะกักและถือกล่องนั้นเอาไว้ในมือ
ตอนที่เขามากินข้าว เขาก็รู้แล้วว่าซูเถาคือเถ้าแก่ซู แต่เธอยังดูเด็กมาก และดูอายุไล่เลี่ยกับเขา เทียบกับหัวหน้าตั่งวัยกลางคนที่ดุร้ายและโหดเหี้ยม ทหารตัวน้อยก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเถ้าแก่ซูเป็นถึงระดับหัวหน้า
และเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว มือไม้ของเขาจึงสั่นอย่างห้ามไม่ได้ ทั้งเรื่องที่เขากลัวหัวหน้าตั่งจับได้ ทั้งเรื่องที่เขาได้พบกับเถ้าแก่ซู
แต่เมื่อนึกถึงหัวหน้าหน่วยและสหายร่วมรบคนอื่น ๆ ที่กินไม่อิ่ม พวกเขาทำได้เพียงดื่มน้ำโดยหันปากเข้าหาก๊อกเพื่อสนองความหิวทุกวัน
ซูเถาลูบหลังให้กำลังใจเขา “กลับไปเถอะ เถาหยางจะไม่เพิกเฉยต่อเรื่องของพวกนาย”
ทหารตัวน้อยเดินกลับไปพร้อมกับบาร์ให้พลังงานในอ้อมแขนด้วยความงุนงง และเมื่อเขาเดินไปใกล้จะถึงชั้นล่างของหอพัก ความกล้าที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นก็ถูกระบายออกอีกครั้ง
เขากลัวหัวหน้าตั่งจริง ๆ เพราะเมื่อนึกถึงเสียงของเขา ก็ได้เกิดความกลัวระลอกสองขึ้นมา
หากสิ่งนี้ถูกพบเข้าจริง ๆ ไม่เพียงแต่เขาจะชอกช้ำเท่านั้น แต่จะโยงไปถึงหัวหน้าหน่วย สหายร่วมรบหรือพี่น้องทั้งหมดด้วย
เมื่อคิดได้ดังนั้น ทหารตัวน้อยก็หยิบบาร์ให้พลังงานออกมาทีละแท่ง และยัดเข้าไปในเสื้อผ้าของเขาทีละแท่งโดยหนีบไว้ข้างลำตัวของเขา
แม้แต่กางเกงชั้นในเขาก็ยังยัดเข้าไป
ของเหล่านี้ล้วนเป็นของกิน เป็นของอร่อย กินแค่แท่งเดียวก็สามารถมีพลังงานได้ครึ่งวัน เขาต้องนำมันกลับไปให้ได้
เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และคิดว่าจะหลีกเลี่ยงการลาดตระเวนและกลับไปที่หอพัก หลังของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ปากสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว หลังจากปิดประตู เขาก็ปลดกระดุมเสื้อผ้า พร้อมกระโดดอย่างแรงจนบาร์ให้พลังงานตกลงสู่พื้นทีละแท่ง
หลังจากที่เห็นว่าเป็นของกินแล้วทั้งหอพักก็เงียบสนิท
หัวหน้าหน่วยไม่พูดอะไร และรีบหยิบมันยัดเข้าไปในผ้านวม เขาจ้องมองอย่างกระวนกระวายและถามว่า
“ไปเอามาจากไหน?”
ทหารตัวน้อยล้วงมือเข้าไปในกางเกงของเขาและหยิบออกมาอีกหนึ่งอัน เขาแกะถุงบรรจุออกแล้วยัดเข้าไปในปากของหัวหน้าหน่วย
“รีบกิน รีบกิน”
หัวหน้าหน่วยไม่มีอารมณ์จะกิน เขาบีบข้อมือของทหารตรงหน้าและพูดอย่างจริงจัง
“นี่ไม่ใช่เรื่องตลก หัวหน้าตั่งห้ามพวกเราเอาของจากเถาหยางโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะอาหาร เมื่อวานนี้มีคนจากหน่วยข้าง ๆ ขอให้ผู้เช่าในเถาหยางซื้อขนมปังหนึ่งถุง ก็ถูกสั่งลงโทษกักขังทันที และให้อดอาหารเป็นเวลาสองวันก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัว!”
ทหารตัวน้อยตัวสั่นและน้ำตาเริ่มไหล
และความคับแค้นใจที่อัดอั้นมาหลายวันก็ได้ระบายออกมา
“หัวหน้าหน่วย เถาหยางไม่ได้ขาดแคลนอาหาร เถ้าแก่ซูพาผมไปกินข้าวที่โรงอาหารของเถาหยางเมื่อครู่นี้ ที่นั่นมีอาหารมากมายที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ข้าวหมูสับก็อร่อยและมีผักสีเขียวอยู่ในนั้นด้วย ผมถามเถ้าแก่ซูแล้ว เธอบอกว่าอาหารเหล่านี้ไม่แพง เราจ่ายได้ แต่ทำไมเรากินไม่ได้ ทำไมเขาถึงปฏิบัติกับเราอย่างรุนแรงแบบนี้”
หัวหน้าหน่วยปิดปากของเขา
“เบา ๆ หน่อย นายเจอกับเถ้าแก่ซูแล้วเหรอ?”
ทหารตัวน้อยที่ถูกปิดปากพยักหน้าอย่างแรง
“เถ้าแก่ซูได้บอกอะไรนายบ้างไหมนอกจากพานายไปกินข้าว”
ทหารตัวน้อยถอนหายใจออกแล้วตอบว่า “เธอบอกว่าเธอจะไม่เพิกเฉยต่อเรื่องของเรา”
หัวหน้าหน่วยถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่เถ้าแก่ซูคิดถึงพวกเขา หัวหน้าหน่วยกลัวมากว่าเธอมีจะความคิดเดียวกันกับตั่งเหวยหราน
เพราะไม่อย่างนั้นชีวิตกองพลอิสระอย่างพวกเขาในเถาหยางจะไม่ง่ายอีกต่อไป
ทหารตัวน้อยยัดบาร์ให้พลังงานเข้าปากเขาอีกครั้ง “เมื่อคืนคุณไม่ได้กินอะไรมาเลย…”
หัวหน้าหน่วยกัดเบา ๆ ถั่วแข็ง ๆ เคลือบด้วยช็อกโกแลตชั้นหนา เมื่อเคี้ยวแล้วก็ได้รสหวานอร่อย ช่วยบรรเทาความหิวไปได้มาก
สำหรับบาร์ให้พลังงานกล่องสุดท้าย ทหารหลายคนในหอพักเลือกที่จะปิดไฟและซ่อนตัวในผ้านวมเพื่อรับประทานอาหาร
ส่วนที่เหลือจะถูกส่งมอบให้กับสหายคนอื่น ๆ ในการฝึกซ้อมในเช้าวันพรุ่งนี้อย่างลับ ๆ แบบนี้ก็จะสามารถอยู่รอดไปได้อีกหนึ่งวัน
ก่อนเข้านอน ทหารตัวน้อยมาที่เตียงของหัวหน้าหน่วยและถามด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
“เราไม่ใช่ทหารของเถ้าแก่ซู แต่เถ้าแก่ซูกลับเป็นห่วงเรา ทำไมหัวหน้าตั่ง…เราไม่ใช่ทหารของเขาเหรอ ผมเคยได้ยินมาว่าเขาเข้มงวดและแข็งกร้าวแต่มันก็ไม่ได้ร้ายแรงนัก แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่าผมกำลังจะไม่ไหวอีกต่อไป”
หัวหน้าหน่วยกล่าวเบา ๆ ในความมืด
“เพราะเขาไม่คิดว่าเราเป็นทหารของเขา นอนเร็ว ๆ อย่าไปคิดมาก”
หัวหน้าหน่วยพลิกตัวไปเผชิญหน้ากับกำแพง แต่เขาไม่ได้หลับ
เขาเห็นมันได้ชัดและแจ่มแจ้งกว่าทหารตัวน้อยคนนี้เสียอีก ว่าคนแซ่ตั่งนั้นไม่ได้ต้องการอยู่ในเถาหยางเลย และเขายังคงต้องการกลับไปที่ฉางจิง
ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่ทหารเหล่านี้จะกลับไปได้ ดังนั้นตั่งเหวยหรานจึงรู้ว่าเขาเป็นเพียงหัวหน้ากองทหารชั่วคราว ทำไมเขาต้องรู้สึกสงสารทหารเหล่านี้ ในทางกลับกันเขายังสามารถทรมานพวกเขาอย่างรุนแรงได้อีกด้วย
…..
ซูเถารออยู่นอกฐานทัพนานกว่าหนึ่งชั่วโมง
เธอคิดว่าบาร์ให้พลังงานกล่องนั้นจะทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ และตั่งเหวยหรานจะออกมาเพื่อต่อสู้กับเธออย่างเด็ดขาด บังเอิญว่าตอนนี้เธอก็โกรธมากจนไม่มีที่ระบายความโกรธ และกล้าสู้เขากลับเช่นกันหากเขากล้ากระโจนออกมา
เธอไม่สนใจชื่อเสียงของตนเอง และเธอก็กล้าที่จะขับไล่นายทหารชั้นสูงออกไปให้ทุกคนเห็นอย่างไม่เกรงกลัวด้วย
ทว่าที่ฐานนี้กลับเงียบมาก บาร์ให้พลังงานที่เธอให้ไปดูเหมือนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ซูเถากลืนความไม่พอใจลงคอ และตั้งใจว่าจะรออีก 1 ชั่วโมง แต่เมื่อเห็นว่าวันนี้คงไม่ได้เอาเรื่องเขาเป็นแน่ จึงทำได้เพียงกลับไป
หนิงอวี้ซานที่ถูกเมิ่งเสี่ยวป๋อดันให้เขาเดินไป ตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยพอใจนัก แต่เมื่อเห็นเธอแบบนี้ เขาก็ยิ้มทันที
“ถ้าเถ้าแก่ซูโกรธก็สามารถรายงานต่อท่านผู้นำสูงสุดได้ คุณมีสิทธิ์รายงานโดยตรงต่อท่านผู้นำสูงสุด”
“นี่ไม่ถือว่าเป็นการรายงานเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหรอ แม้ว่าฉันอยากจะทำจริง ๆ แต่ฉันก็ต้องอดกลั้นไว้ หลายคนวิจารณ์ฉันเนื่องจากเพศและอายุของฉัน ถ้าฉันยังเล่นตุกติกแบบเด็ก ๆ มันคงไม่ดีเท่าไร” ซูเถาโบกมือ
แต่เธอเสริมในใจว่า การรายงานเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ น่ะสามารถทำได้ แต่ต้องทำอย่างชาญฉลาด
คนอย่างตั่งเหวยหราน ไม่คุ้มที่เธอจะเสียเวลามานั่งรายงานอะไรแบบนี้หรอก
เมิ่งเสี่ยวป๋อชกอากาศสองครั้ง จากนั้นเขาก็ลดศีรษะลงแล้วถามหนิงอวี้ซานว่า “อาจารย์ ให้ผมไปลงมือกับเขาไหม”
หนิงอวี้ซานชำเลืองมองเขาและพูดว่า “นายยังไม่สามารถจัดการกับเขาด้วยกำลังอันดุร้ายได้ เอาล่ะ บ่ายพรุ่งนี้ฉันจะคุยกับเขาก่อน รบกวนเถ้าแก่ซูช่วยนัดเวลาให้หน่อยนะ”
“คุณจะพูดโน้มน้าวเขาจริงเหรอคะ” ซูเถาพยักหน้า
เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตั่งเหวยหรานจะดูแลเหล่าทหารพวกนี้ได้ดีแค่ไหน พวกเขาจะกินอิ่มนอนหลับหรือเปล่า?
หากเขายังไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้และต่อสู้กับเธอจนตาย เธอก็จะทำตัวไร้ยางอายโดยการไล่เขากลับไปในที่ที่เขาจากมา
หนิงอวี้ซานยิ้มเบา ๆ “ใช่ ผมสามารถทำให้เขาไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป”