ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 417 เจอหมัดหนัก
ตอนที่ 417 เจอหมัดหนัก
ตอนที่ 417 เจอหมัดหนัก
ตั่งเหวยหรานอารมณ์เสียตลอดทั้งเช้า
เมื่อคืนเขานอนไม่หลับพักผ่อนไม่เพียงพอ อีกทั้งร่างกายยังเหนียวเหนอะหนะ ทั้งยังถูกซูเถาใส่ร้ายซึ่งทำให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาหาทางออกไม่ได้และอารมณ์เสียอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางกายและจิตใจ
ดังนั้นเขาจึงตั้งใจว่าจะไปที่สนามฝึกซ้อมและระบายความไม่พอใจทั้งหมดกับเหล่าทหาร ให้รุนแรงเป็นสองเท่าของเหตุการณ์ทั้งหมด
สิ่งที่ทำให้เขาโกรธมากขึ้นก็คือก่อนหน้านี้เมื่อเขารู้สึกกระหายน้ำในช่วงพักครึ่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาจะยื่นน้ำมาให้และพูดเรื่องดี ๆ เพื่อให้เขาใจเย็นลง
ในเวลานั้นเขาจำเป็นต้องฟังอะไรดี ๆ เพื่อมาช่วยปรับอารมณ์ของเขา
แต่วันนี้ สองคนนี้เหมือนตายไปแล้ว ทั้งคู่แค่ทักทายเขาเมื่อเห็นเพราะกลัวถูกตำหนิ แต่ไม่มีการเข้ามาประจบประแจงเหมือนก่อนอีกต่อไป
เขาพูดเป็นนัยถึงสามครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขายังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง ความโกรธของเขาก็พุ่งสูงขึ้นในทันที อยากจะขับเสมหะออกมาให้เต็มปากแล้วถ่มรดหน้าพวกเขา แต่เขาก็ระงับมันเอาไว้ และคิดว่าเป็นเพราะครั้งก่อนนี้ตนเองไม่ได้มอบอาวุธแก่พวกเขา จึงทำให้พวกเขาขุ่นเคืองอยู่ในใจ
ตั่งเหวยหรานจึงเรียกทั้งสองคนมาและเสนอว่าจะให้ปืนพลังงานนิวเคลียสแก่พวกเขาคนละอัน หากเขากระจายของออกไป ก็ไม่สามารถว่าเขาขโมยมาใช่ไหม? และเขาแน่ใจว่าทั้งสองคนจะยอมรับเอาไว้แน่ ๆ ใครจะไม่อยากได้ปืนพลังงานนิวเคลียสเล่า
หากอยู่ในฉางจิง พวกเขาอาจไม่สามารถแตะต้องของพวกนี้ได้ด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาเป็นแค่นายทหารชั้นผู้น้อยเท่านั้น
ตอนนี้หากแจกจ่ายให้พวกเขาแล้ว พวกเขาจะไม่สำนึกบุญคุณต่อเขาอีกเหรอ?
แต่คิดไม่ถึงว่าทั้งสองจะชำเลืองมองกันและกัน และเลือกที่จะถอยไปหนึ่งก้าวแล้วพูดด้วยใบหน้าที่ยืนหยัดอยู่ข้างความชอบธรรม
“หัวหน้า แม้ว่าเราต้องการมัน แต่เราไม่อยากรับของโจร”
และเหตุผลหลัก เมื่อคืนนี้เถ้าแก่ซูได้มอบปืนให้พวกเขาคนละกระบอก! พร้อมบรรจุผลึกนิวเคลียสมาแล้ว!
การที่พวกเขาไปติดตามเถ้าแก่ซูนั้นมีประโยชน์มากกว่าติดตามคนแซ่ตั่ง ใครก็ตามที่ยังคงยืนอยู่ข้างตั่งเหวยหรานนั้นล้วนเป็นคนงี่เง่า
ดวงตาของตั่งเหวยหรานเบิกกว้างไม่อยากเชื่อ ราวกับว่าเขากำลังฝันไป “พวกนายไม่ต้องการมันเหรอ?”
“ไม่ เราจะไม่ทำเช่นนั้น คุณควรนำไปคืนโดยเร็วที่สุด เถ้าแก่ซูเป็นคนดี ไม่อย่างนั้นวันนี้เธอคงส่งอีเมลไปรายงานที่ฉางจิงเพื่อถอดยศของคุณแล้ว เธอกำลังให้โอกาสคุณ คุณต้องคว้าโอกาสนี้ไว้นะ เร็วเข้า”
พูดจบทั้งสองก็วิ่งหางจุกตูดไป
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะได้รับการสนับสนุนจากเถ้าแก่ซู แต่ถ้าเทียบเรื่องความแข็งแกร่ง พวกเขาก็ยังต้องวิ่งหนี เพราะพวกเขากลัวว่าตั่งเหวยหรานจะเล่นงานตนเอง
ก่อนหน้านี้เขาก็เล่นงานหัวหน้าหน่วยพลาธิการไปแล้ว เจ็บตัวพอสมควร ถ้าไม่ใช่เพราะหมอจงของเถาหยางช่วยเอาไว้ หัวหน้าหน่วยพลาธิการที่น่าสงสาร คงต้องนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาสามเดือน
ตั่งเหวยหรานมือปากสั่นเทาด้วยความโกรธ จากนั้นก็พึมพำกับตัวเอง
ซูเถาให้โอกาสเขางั้นเหรอ?!
ซูเถากำลังไล่ต้อนเขาให้จนมุมใช่ไหม!
เขาไม่มีวันยอมก้มหัวให้ง่าย ๆ หรอก!
ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ผู้หญิงคนนี้ใช้กลอุบายอะไร ทำไมใคร ๆ ถึงเข้าข้างเธอชั่วข้ามคืน มันจะต้องได้รับผลประโยชน์ที่มองไม่เห็น! ทำให้สองคนนี้ดูถูกปืนพลังงานนิวเคลียส!
คนพวกนี้ก็เหมือนพืชไม้เลื้อยที่ไต่ขึ้นบนกำแพง พวกเขาไปได้ทุกที่ที่ได้รับประโยชน์!
ไฟโทสะของตั่งเหวยหรานพลุ่งพล่าน เขาต้องการทุ่มทหารภายใต้การดูแลเพื่อระบายความโกรธออกมา แต่เหล่านายทหารเห็นว่าวันนี้ตั่งเหวยหรานกำลังอารมณ์ไม่ดี พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในทุกสิ่งที่พวกเขาทำ พยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เขาเกิดความไม่พอใจ
ทว่าความโกรธของเขาก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงตอนเที่ยงอารมณ์ของเขาก็ยังไม่ทุเลาลง
ดวงตาคมของเขาสอดส่องไปทั่วทั้งสนามฝึก และเขาก็เหลือบไปเห็นทหารหนุ่มจากกลุ่มสามกำลังกระซิบคุยกับคนอื่น ๆ อยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ปลีกตัวออกไปเข้าห้องน้ำก่อน
ตั่งเหวยหรานสังหรณ์ใจว่าต้องมีอะไรแน่!
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้ แต่วันนี้เขาต้องสอนบทเรียนให้ทหารเหล่านี้ ให้พวกเขารู้ว่าทำไมเขาถึงได้เป็นหัวหน้ากองทหาร ต้องทำให้รู้ว่าฟ้านั้นสูงแค่ไหนและผืนดินนั้นหนาเท่าไหร่!
ตั่งเหวยหรานเห็นว่าทหารตัวเล็กนั้นไม่ทันได้ระวังสังเกตอะไร เขาจึงตามเข้าไปอยู่ห้องน้ำข้าง ๆ และเอาหูแนบเพื่อแอบฟัง
“มีแค่สามแท่งนะ แบ่งกันกิน กินเสร็จก็ทิ้งลงชักโครกแต่อย่าทิ้งรวมกัน ครั้งที่แล้วท่อเกือบตันนะ ถ้าเกิดส้วมเต็มขึ้นมา เรื่องต้องแดงแน่ ๆ”
ดวงตาของตั่งเหวยหรานเบิกขึ้นทันที
ทหารเหล่านี้แอบกินอาหารงั้นเหรอ! ขณะที่กำลังจะบุกเข้าไปจับพวกเขา ก็ได้ยินพวกเขาพูดต่อว่า
“โอเค โอเค แต่ฉันต้องการเก็บห่อขนมนี้ไว้สักซอง นายสอนฉันพับนกกระเรียนหน่อยสิ ฉันอยากจะมอบให้เถ้าแก่ซูเหมือนกัน ฉันได้ยินมาเมื่อวานว่าที่นายพับไปให้ เธอนำมันไปแขวนไว้บนโต๊ะทำงาน แล้วก็นั่งมองดูมันทั้งวัน…”
“นี่ ฉันก็อยากเรียนเหมือนกัน ที่เหลืออย่าทิ้งนะ พับเพิ่มอีกสองสามตัว ฉันอยากพับให้เถ้าแก่ซูเหมือนกัน รีบสอนเร็วเข้า!”
ทหารหลายนายกำลังถกเถียงกัน ทหารตัวน้อยเห็นด้วยก็เลยแอบกระซิบ
“ระวังนะ อย่าให้ใครรู้ ถ้าหัวหน้าตั่งรู้ว่าเถ้าแก่ซูส่งอาหารให้เรา เขาจะสร้างปัญหาให้เถ้าแก่ซูแน่นอน…”
ทันทีที่พูดจบ ประตูห้องก็ถูกเตะเปิดจากด้านนอก
เมื่อเห็นใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของตั่งเหวยหราน ทำให้เหล่าทหารที่แอบกินของในห้องน้ำตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ พวกเขาทั้งหมดหน้าซีดเซียวเหมือนกระดาษข้าว
ตั่งเหวยหรานคว้าคอทหารตัวน้อยและลากไปที่สนามฝึกโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาชกเข้าที่ใบหน้าของทหารตัวน้อยท่ามกลางเสียงอุทานของฝูงชน
เลือดจมูกของเขาไหลออกมาในทันที ทหารตัวน้อยตกตะลึงแต่ว่าเขาไม่มีกำลังมากพอที่จะสู้กลับ
ตั่งเหวยหรานกำลังคลุ้มคลั่งด้วยความโกรธ และเหวี่ยงหมัดออกไปอย่างแรง ทว่าหลังจากชกไปไม่กี่ครั้ง นายทหารตัวน้อยก็สลบไป แต่ตั่งเหวยหรานก็ยังไม่ยอมหยุด จนหัวหน้าหน่วยของกลุ่มสามมากอดและรั้งเขาไว้จากด้านหลัง
แต่กลายเป็นว่าทั้งสองตะลุมบอนกันทันที
ทั้งหัวหน้าหน่วยและทหารชั้นผู้น้อยที่อยู่ตรงนั้นต่างก็โห่ร้องบอกเพื่อให้ทั้งสองหยุดทะเลาะวิวาทกัน แต่จริง ๆ แล้วตอนที่พวกเขาเข้าไปห้ามการทะเลาะวิวาท ด้วยความไม่พอใจในตัวตั่งเหวยหรานมีมากเป็นทุนเดิมอยู่เแล้ว พวกเขาก็ฉวยโอกาสตอนชุลมุนเตะต่อยเขาทีเผลอ
ท่ามกลางความโกลาหล ก็มีเสียงคนตะโกนดังขึ้น “เถ้าแก่ซูมาแล้ว!”
ผู้คนที่อยู่รายล้อมต่างแตกกระเจิงไปรอบ ๆ ในพริบตา แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมิ่งเสี่ยวป๋อและสวีฉี เข้าไปคว้าตัวตั่งเหวยหราน ในขณะที่ซูเถาบิดข้อไม้ข้อมือและเดินเข้าหาตั่งเหวยหราน
ในเวลานี้ตั่งเหวยหรานรู้สึกหน้าเสียที่ต้องถูกคนมาคุมตัวออกไป เขามองไปที่ซูเถาที่ทำท่าราวกับว่าจะเอาเรื่องตนเอง ก็เลยเอ่ยเย้ยหยัน
“ผมสอนบทเรียนให้พวกทหารของผม ทำไมคุณถึงเข้ามาแทรกแซง? แล้วนี่ต้องการจะเอาเรื่องผมเหรอ… ไม่สำเร็จหรอก?”
ซูเถาต่อยเขาที่ดั้งจมูก
หญิงสาวตัวเล็ก ๆ นี้ทำร้ายเขางั้นเหรอ
พลังของผู้มีพลังวิเศษระดับสองไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แม้ว่าจะเป็นเพียงผู้ใช้พลังจิต แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับตั่งเหวยหรานที่เป็นผู้มีพลังวิเศษระดับหนึ่ง สัมผัสได้ว่าความเจ็บปวดเป็นยังไง
ตั่งเหวยหรานสบถออกมา แล้วกุมจมูกเอาไว้พลางนั่งลงย่อง ๆ ด้วยความเจ็บปวด
ซูเถาโบกมือให้ทหารที่กำลังดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ทำในสิ่งที่ควรทำ ให้แต่ละกลุ่มแต่ละหน่วยตั้งใจฝึกฝนต่อไป แล้วตอนบ่ายก็ไปกินบุปเฟ่ต์ที่โรงอาหาร กินได้ตามสบาย!”
เหล่าทหารโห่ร้องด้วยความดีใจ
ตั่งเหวยหรานต้องการตะโกนอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะความเจ็บปวด