ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 425 เรือนสี่ประสานฉางจิง
ตอนที่ 425 เรือนสี่ประสานฉางจิง
ตอนที่ 425 เรือนสี่ประสานฉางจิง
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของหัวหน้าสวี่ ซูเถาก็รู้ว่าเขาอาจจะรู้อยู่แล้ว และแค่โทรมาเพื่อขอคำยืนยันเท่านั้น สุดท้ายแล้วซูเถาก็ได้แต่ถอนหายใจ
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ยังแสร้งทำเป็นถามฉัน แทนที่จะถามจากทีมของคุณเสิ่น คุณอยากถามอะไรถามมาได้เลยค่ะ”
จะพูดไม่พูดยังไงเขาก็ต้องรู้อยู่ดี และถ้าไม่พูดมันจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าสวี่กับเธอ ดังนั้นควรพูดเรื่องนี้กันอย่างตรงไปตรงมา
“เรื่องที่โส่วอัน เป็นฝีมือของคุณใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
สวี่ฉางหายใจเข้าลึก ๆ “…คุณทำให้พวกมันลงมือทำร้ายตัวเองได้ยังไง”
“วิธีที่ฉันใช้จัดการกับมัน คือวิธีการเดียวกับที่ฉันใช้สร้างอาคารต่าง ๆ คุณรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เพราะมีแค่ฉันเท่านั้นที่ทำได้ หัวหน้าสวี่คุณต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจฉางจิง แต่ฉันไม่ไว้ใจซอมบี้กลายพันธุ์ที่อาจลอบเข้าไปในฉางจิง” ซูเถากล่าว
เผื่อว่ากลุ่มซอมบี้ที่ผูกใจเจ็บรู้ว่าเธอเป็นคนทำเรื่องนี้ เถาหยางอาจจะซวยไปด้วย ก่อนที่จะพัฒนายาสำเร็จ เธอต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้
สวี่ฉางเดินวนไปวนมาเพื่อสงบสติอารมณ์สักพัก สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะจุดบุหรี่เพื่อสูบ และพูดว่า “ไม่ต้องกังวล มีแค่ผมที่รู้เรื่องนี้ ทางฉางจิงยังไม่ได้สงสัยในตัวคุณ และมอบหมายหน้าที่ให้ผมเป็นคนมาหาเบาะแส แต่ว่าผมมีคำขอหนึ่ง และหวังว่าเถ้าแก่ซูจะเห็นด้วย”
เขาเรียกเธอว่าเถ้าแก่ซู ไม่ใช่หนูเถาอีกต่อไป
“คุณว่ามาเลยค่ะ”
“จะมีซอมบี้กลายพันธุ์จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และแน่นอนว่าจะเกิดการสูญเสียเป็นวงกว้าง หากมีการเคลื่อนไหวของซอมบี้ ผมจะรีบแจ้งเรื่องนี้ให้คุณทราบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าเป็นไปได้โปรดดำเนินการให้ทันเวลาเหมือนกับฐานโส่วอันในครั้งนี้ด้วย”
ซูเถารับปาก
ในเรื่องนี้ นอกเหนือจากการใช้ผลึกนิวเคลียส เรื่องอื่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร การเข้าควบคุมโดยสมบูรณ์นั้นต้องใช้ผลึกนิวเคลียสจำนวนมาก หากไม่ใช่เพราะว่าเธอมีผลึกนิวเคลียสไม่เพียงพอที่จะเข้าควบคุมพื้นที่มหาศาลเหล่านั้นได้ เธอก็คงจะจับซอมบี้กลายพันธ์ุได้มากกว่านี้
หากสวี่ฉางอยู่ต่อหน้าเธอ เขาคงจะก้มหัวคำนับอย่างสุดซึ้งเพื่อขอร้องต่อเพื่อนร่วมชาตินับพัน แต่ตอนนี้เธอและเขากำลังพูดคุยผ่านโทรศัพท์ ดังนั้นจึงทำได้เพียงพูดอย่างเคร่งขรึมและจริงจัง
“อย่างไรก็ตามหากวันสิ้นโลกนั้นได้สิ้นสุดลง ทางฉางจิงและแม้แต่สหพันธ์ทั้งหมดจะจดจำคุณูปการของเถาหยาง ขอบคุณมากครับ!”
ซูเถาแอบทำตัวไม่ถูก จึงรีบเปลี่ยนเรื่องและพูดถึงอลิซโดยบอกว่าเธอเริ่มเลี้ยงไก่ในบ้านต้นไม้ และไม่ยอมให้ใครแตะต้องมัน มิหนำซ้ำยังพามันไปกับเธอทุกที่ที่เธอไป
เมื่อได้ยินชื่อลูกสาว สมาธิของหัวหน้าสวี่ดูเหมือนจะแตกกระเจิง จากนั้นเขาก็ถามซูเถาถึงรายละเอียดเกี่ยวกับอลิซว่าเธอกินอยู่เป็นยังไงบ้าง แสดงให้เห็นว่าเขาคิดถึงลูกสาวของเขาจริง ๆ
“ผมปลีกตัวออกจากที่นี่ไม่ได้จริง ๆ ผมคงไม่สามารถออกจากฉางจิงได้เป็นเวลาหนึ่งปีหรือมากกว่านั้น…”
สวี่ฉางรู้สึกอึดอัดมากเมื่อต้องพูดแบบนี้ ในที่สุดหลังจากรอมาเนิ่นานเขาก็ได้พบลูกสาวตัวเอง แต่ไม่สามารถพาเธอกลับมาด้วยได้
ทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้าน ทุกครั้งที่พบเจอกับบ้านอันแสนว่างเปล่า หัวใจของเขาร้าวรานไปหมด ตอนกลางคืนเขาเฝ้าฝันถึงลูกสาวสุดที่รักของเขา กลางดึกก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาดูวิดีโอของลูกสาวที่อาศัยในเถาหยางถึงจะนอนหลับได้ลง
ซูเถาสัมผัสได้ถึงความโหยหาลูกสาวที่เขามีผ่านทางโทรศัพท์ ดังนั้นจึงหาข้ออ้างที่จะถามที่อยู่ของหัวหน้าสวี่ หัวหน้าสวี่ไม่ได้เอะใจเลยแม้แต่น้อย และให้ที่อยู่ของตนไปอย่างไม่ลังเล ก่อนจะวางสายเพราะต้องรีบไปทำงาน
ซูเถาเปิดระบบแล้วกางแผนที่ของฉางจิง คิดไม่ถึงว่าที่อยู่ของหัวหน้าสวี่มันใกล้กับบ้านที่ม่านม่านมอบให้เธอมาก อยู่ห่างออกไปเพียงสองถนน และใช้เวลาเดินเพียงสิบนาทีเท่านั้น
ซูเถาเพียงแค่ใช้ผลึกนิวเคลียสสองอัน นำบ้านที่ม่านม่านมอบให้เธอเข้าไปในพื้นที่ควบคุม และติดตั้งประตูเคลื่อนย้ายในที่ลับของประตูหลัง
บ้านหลังนี้มีขนาดไม่ใหญ่เกินไป มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 350 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่นและ 1 ห้องครัว พร้อมลานขนาดใหญ่ตรงกลางและโรงจอดรถ
ซูเถาเคลื่อนย้ายตัวเองไปที่นั่น เวลานั้นเธอได้เหยียบฉางจิงเป็นครั้งแรก
เธอยืนอยู่ในเรือนสี่ประสาน สายตามองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างเก่า และมีร่องรอยของเกร็ดประวัติศาสตร์อยู่ทุกที่ มีสระน้ำและศาลาเล็ก ๆ ในลานบ้าน แต่ทั้งหมดถูกทิ้งร้าง ก่อนวันสิ้นโลกมันคงร่มรื่นเขียวชอุ่ม การนั่งดื่มชาในศาลายามว่างคงน่าเพลิดเพลินไม่น้อย ได้นั่งพูดคุยกับเพื่อนสองสามคน
ซูเถาตัดสินใจหาคนมาทำความสะอาดในภายหลัง จากนั้นจึงให้อู๋เจิ้นมาจัดการพื้นที่สีเขียวให้เธอ
จากนั้นเธอก็เข้าไปดูในห้องโถงหลัก ด้านในไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า ทุกอย่างล้วนเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้มะฮอกกานีเก่าที่มีแต่ฝุ่นจับตัวหนาเตอะ
ส่วนห้องอื่น ๆ ก็คล้าย ๆ กัน
ซูเถาตัดสินใจไม่เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์เดิม เพราะทุกชิ้นทำจากไม้อย่างดี และอาจกลายเป็นของเก่าน่าสะสมในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ที่เหลือก็เพิ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ชีวิตสะดวกยิ่งขึ้น
ที่นี่มีห้องนอน 4 ห้อง เธอต้องการเตรียมหนึ่งห้องสำหรับอลิซ ถึงเวลาก็ค่อยเกลี้ยกล่อมให้เธอมาที่นี่ หัวหน้าสวี่จะได้มาหาเธอได้ เขาต้องประหลาดใจกับเรื่องนี้มากแน่ ๆ!
ห้องนอนอีกห้องสงวนไว้สำหรับม่านม่าน แต่คิดแล้วหญิงคนนั้นไม่น่าจะอยู่ที่นี่หรอก เพราะเธอน่าจะมีที่พักอยู่แล้วมากมาย ในฉางจิงเพียงแห่งเดียวเธอก็มีบ้านไปแล้ว 4 หลัง ทั้งเรือนสี่ประสาน บ้านเดี่ยว หรืออาคารหลายชั้น
มีห้องนอนเหลืออยู่สองห้อง เธอคิดว่าจะเปลี่ยนมันเป็นห้องนอนใหญ่ ทำเป็นห้องอ่านหนังสือและห้องเก็บของด้วย ทำให้กว้างขวางและสะดวกสบายในการอยู่อาศัย
จากนี้ไป นี่คือที่ที่เธอจะไปกลับระหว่างเถาหยางและฉางจิง
ในอีกสองวันต่อมา ซูเถาก็หาคนในฉางจิงมาสองคนเพื่อไปทำความสะอาดบ้านและลงเครื่องใช้ต่าง ๆ จากนั้นก็ให้อู๋เจิ้นทำงานล่วงเวลา เพื่อปลูกดอกไม้และต้นไม้ในลานบ้าน ตรงทางเดินในลานที่มุ่งไปทางสระน้ำเล็ก ๆ ตรงกลาง จะเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ ในสระน้ำนั้นก็จะมีดอกบัวบานสดใสเกือบอยู่เต็มสระ
เมื่อแสงแดดส่องถึงในตอนกลางวัน ผิวน้ำทั้งหมดจะเป็นประกายระยิบระยับ
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ชงชาและชั้นหนังสือในลานบ้าน เมื่ออู๋เจิ้นเห็นเขายังรู้สึกอิจฉา
“เถ้าแก่ บ้านหลังนี้มีค่ามาก ก่อนวันสิ้นโลกแม้ว่าคุณจะมีเงินก็ยากที่จะซื้อ มันหายากยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดอีก”
ซูเถาบอกว่าจะสร้างให้เขาสักหลังที่เถาหยาง ไม่ต้องพูดถึงคุณค่าที่อู๋เจิ้นทำให้เถาหยาง จะสร้างสักสามหลังเธอก็ไม่เดือดร้อนอะไร
“ผมก็แค่พูดถึงเฉย ๆ บ้านหลังใหญ่ขนาดนั้นผมอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก สร้างความกลัดกลุ้มให้ตัวเองเปล่า ๆ” อู๋เจิ้นโบกมือทันที
บ้านที่มีพ่อแม่ ภรรยา และลูกเท่านั้นที่เรียกว่าบ้าน ไม่อย่างนั้นไม่ว่าบ้านจะใหญ่แค่ไหนมันก็ไม่เรียกว่าบ้าน
ซูเถาขยับริมฝีปากแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณยังหนุ่มยังแน่น… คุณสามารถมองหาใครสักคนได้…”
แค่พูดถึงเถาหยาง ก็มีหญิงสาวหลายคนที่หมายปองในตัวเขา ช่วงนี้เธอได้ฟังข่าวซุบซิบจากจวงหว่านว่ามีสาวสวยในวัยยี่สิบต้น ๆ ที่ไล่ตามเขาอย่างใกล้ชิด แต่อู๋เจิ้นก็เอาแต่อยู่ในไร่
“ผมไม่มีความคิดแบบนั้นหรอก” อู๋เจิ้นถอนหายใจ
ซูเถาคิดกับตัวเอง ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นยังต้องต่อสู้อีกยาวไกล
วันต่อมา ซูเถาเกลี้ยกล่อมอลิซออกจากฟาร์มปศุสัตว์เล็ก ๆ โดยบอกว่าจะพาเธอออกไปเล่นที่อื่นแทนที่จะอยู่แต่ในเถาหยาง
อย่างไรก็ตาม เธอไม่รู้ว่าอลิซเข้าใจหรือไม่ แต่อลิซก็ยอมจับมือกับเธออย่างมีความสุข จากนั้นทั้งสองก็เดินผ่านประตูเคลื่อนย้ายไป
ซูเถาส่งข้อความถึงหัวหน้าสวี่อีกครั้ง โดยบอกว่าเธอขอให้ใครบางคนนำของขวัญมาวางไว้ที่เรือนสี่ประสานที่ถัดไปสองถนน รบกวนให้เขาไปเอาของด้วย
หัวหน้าสวี่ยุ่งมาก เขาเอาแต่วิ่งวุ่นทั้งวัน แต่เขาก็ยังหาเวลาไปตามที่อยู่ที่ได้รับจากซูเถา
หืม? ไม่ใช่ว่าที่นี่ปล่อยร้างมาเป็นเวลานานโดยไม่มีใครอาศัยอยู่เลยเหรอ ทำไมจู่ ๆ ถึงมีคนย้ายเข้ามาล่ะ?
ทันทีที่เขาเข้าไปใกล้ ก่อนที่จะเคาะประตูเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่คุ้นเคยเหมือนระฆังเงินดังมาจากในเรือนสี่ประสานแห่งนี้…