ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 427 ขอโทษกับยี่สิบปีที่ผ่านมา
ตอนที่ 427 ขอโทษกับยี่สิบปีที่ผ่านมา
ตอนที่ 427 ขอโทษกับยี่สิบปีที่ผ่านมา
ชายชรารู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่สวี่ฉางพูด เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหันหน้าไปทางซูเถา เขากึ่งร้องไห้กึ่งยิ้ม พยายามอ้าปากและปิดปากครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนพยายามพูดบางอย่างแต่ไม่สามารถส่งเสียงได้
ซูเถาไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เธอก็โน้มตัวลงข้างเตียงของชายชรา
ดูเหมือนเธอจะเข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อ “ท่านแม่ทัพ หนูจะปกป้องเถาหยาง ปกป้องสหพันธ์ และผ่านความยากลำบากนี้ไปพร้อมกับทุกคน ไม่ต้องห่วงนะคะ”
คำพูดเหล่านี้เป็นเหมือนคำปลอบใจ อดีตแม่ทัพเลี่ยวสงบลงทันทีพร้อมหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะยกมือผอม ๆ ราวกับพยายามเข้าใกล้ซูเถา
ซูเถาทำตั้งตัวตรงและพยายามฟังสิ่งที่เขาจะสื่อ
“ช่วย… ช่วยฉัน บอกเหล่าสิง ว่าฉัน ฉันขอโทษ…”
ซูเถาตัวแข็งทื่อ
กว่าที่เธอจะรู้สึกได้ว่าเหล่าสิงที่เขาหมายถึงคือ สิงหงเหวิน อดีตผู้นำกองทัพแห่งตงหยาง!
แล้วซูเถาก็ได้นึกถึงสิ่งที่สือจื่อจิ้นพูดกับเธอในตอนนั้น ในช่วงแรก ๆ หลังจากที่ได้รับการเปิดเผยว่าวันสิ้นโลกได้มาเยือน เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพยากร ทางฉางจิงเกิดข้อขัดแย้งภายใน ทำให้ต้องเลือกผู้นำคนใหม่ และนั่นก็คืออดีตผู้นำกองทัพที่เป็นสหายร่วมรบกับผู้นำคนก่อน พวกเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและรู้ใจกันเป็นอย่างดีกับผู้นำคนเก่า แต่ว่าอดีตผู้นำกองทัพกลับปฏิเสธ และปล่อยมือเพื่อไปตงหยาง ทิ้งเรื่องวุ่น ๆ เอาไว้ด้านหลัง นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการผิดใจกัน
ในที่สุดอดีตผู้นำกองทัพก็ไปที่ตงหยางตามที่เขาต้องการ และได้กอบกู้ตงหยางเอาไว้ได้ ฉางจิงก็ยุติความขัดแย้งภายในเช่นกัน โดยที่มีอดีตแม่ทัพเลี่ยวผู้นี้เป็นคนรับผิดชอบ
ดังนั้น อดีตแม่ทัพเลี่ยวที่อยู่ด้านหน้าเธอก็เป็นสหายร่วมรบกับอดีตผู้นำกองทัพตงหยางเหรอ!
ทุกอย่างสมเหตุสมผลและน่าจะเป็นอย่างที่เธอคิด
แม่ทัพเลี่ยวตำหนิอดีตผู้นำกองทัพที่ทิ้งเขาเอาไว้เบื้องหลัง จากนั้นก็ห่างหายกันไป ไม่ได้เจอกันตลอดยี่สิบปีที่ผ่าน ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาก็อยากที่จะขอโทษกับยี่สิบปีที่ผ่านมา
ทันใดนั้น ซูเถาก็รู้สึกว่าเธอควรจะทำอะไรสักอย่าง เธอจับมือชายชราแล้วพูดว่า
“คุณอดทนหน่อยนะคะ หนูขอร้อง หนูจะพาหัวหน้าของเรามาที่นี่เอง”
สิ้นหางเสียง เธอก็วิ่งกลับไปที่เรือนสี่ประสานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เทเลพอร์ตกลับไปที่เถาหยาง จากนั้นก็วาร์ปไปที่ตงหยาง และรีบเข้าไปในห้องทำงานของอดีตผู้นำกองทัพ
อดีตผู้นำกองทัพที่กำลังอ่านหนังสือตกตะลึง “หนูเถา? นี่หนู…”
ซูเถาขยี้ตาและบอกเขาว่า “มากับฉันเร็ว ๆ ค่ะ รีบไปดูแม่ทัพเลี่ยว เขากำลังจะตาย”
เธอเชื่อว่าอดีตผู้นำกองทัพก็ลังเลที่จะแยกทางกับเพื่อนเก่าของเขาเช่นกัน แต่ในเวลานั้นตงหยางต้องการเขา และเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะดูแลทั้งสองอย่าง
แน่นอนว่าเมื่ออดีตผู้นำกองทัพได้ยินคำพูดเหล่านี้ ร่างกายพลันชาวาบราวถูกฟ้าผ่า ร่างกายไร้เรี่ยวแรงจนต้องรีบคว้ามือของซูเถาเอาไว้
“รีบพาฉันไปหาเขาเร็วเข้า!”
อดีตผู้นำกองทัพคิดว่าเพื่อนเก่าของเขามาที่ตงหยาง แต่แล้วซูเถากลับพาเขาผ่านประตูเคลื่อนย้ายสองแห่ง สิงหงเหวินงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเขาได้สติเขาก็พบว่าตนเองได้เดินทางข้ามมาหลายพันไมล์จากใต้สู่เหนือ และมาอยู่ที่วอร์ดนี้
อดีตผู้นำกองทัพไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเห็นเพื่อนเก่านอนร่างกายซูบผอมอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล
“เหล่าเลี่ยว!” เขาตัวสั่นและตะโกนเรียก
แม่ทัพเลี่ยวได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยที่ห่างหายไปนาน ก็พยายามยกมือขึ้นกลางอากาศและดูเหมือนจะอยากลุกขึ้นนั่ง ท่านผู้นำสูงสุดและหัวหน้าสวี่รีบช่วยประคองตัวเขาขึ้น
อดีตผู้นำกองทัพทิ้งไม้เท้าลงบนพื้นและรีบวิ่งไป
เขาเข้าไปจับมือแม่ทัพเลี่ยวทันใด ในที่สุดชายชราทั้งสองก็ได้พบกันหลังจากผ่านไปยี่สิบปี
อดีตแม่ทัพเลี่ยวดูเหมือนจะมีพละกำลังมากขึ้น เขานั่งตัวตรง ดวงตาเป็นประกาย และเขายังสามารถพูดได้อย่างชัดเจน
“เหล่าสิง นายมาแล้วเหรอ ในที่สุดนายก็มาหาฉัน”
“ฉันอยู่นี่ ฉันอยู่นี่” อดีตผู้นำกองทัพน้ำตาไหล ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยบ่นไม่เคยโกรธ ในตอนแรกที่เขาต้องการนำพาความพัฒนาไปสู่ตงหยาง ทุกอย่างล้วนได้มาอย่างยากลำบาก ยิ่งเขาลำบากมากแค่ไหน เขาก็ยิ่งขุ่นเคืองมากขึ้นเท่านั้น
เขาบ่นว่าชายชราแซ่เลี่ยวคนนี้โหดเหี้ยมเกินไป บอกว่าจะยุติความสัมพันธ์กับเขาก็จะยุติความสัมพันธ์ได้ง่าย ๆ อดีตผู้นำกองทัพมักดูถูกเขาต่อหน้ารุ่นน้องว่าชายคนนี้ทั้งแก่ทั้งโง่เขลาและใจดำ
แต่เมื่ออดีตผู้นำกองทัพได้ยินว่าเพื่อนเก่าคนนี้ล้มป่วย เขาก็รีบมาที่ฉางจิงเพื่อพบตนเองทันที ความคับข้องใจในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้ก่อตัวเป็นกำแพงน้ำแข็งหนาซึ่งยากต่อการละลาย
เขาไม่อยากเป็นคนที่ก้มหัวก่อน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นว่าเพื่อนเก่าคนนี้เหลืออยูเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย กำแพงเหล่านั้นก็ละลายลงทันที
ความเป็นปฏิปักษ์และความขุ่นเคืองทั้งหลายได้มลายหายไป ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตและความตายของสหายคนนี้อีกแล้ว
แม่ทัพเลี่ยวมีความสุขและพูดว่า “นายยังจำได้ไหมว่าเรามีพ่อครัวที่ทำอาหารแย่มาก และปิ่งชิ้นใหญ่ที่แข็งจนปาหัวคนแตกได้ ทุกครั้งที่เขาทำอาหาร นายก็จะย่องไปโรงอาหารหน่วยอื่นเพื่อขโมยแผ่นแป้งนุ่ม ๆ มาให้ฉัน เอามันมาให้ฉันกินโดยที่ตัวเองไม่ได้กิน”
“…ฉันเห็นว่าท้องนายไม่ค่อยดี ทุกคืนหลังจากกินข้าวเสร็จ ก็จะมีอาการอาหารไม่ย่อยและปวดท้องซ้ำแล้วซ้ำอีก มันทำให้ฉันนอนไม่หลับไปด้วย” อดีตผู้นำกองทัพ
ชราเลี่ยวแค่นเสียงเบา ๆ สองครั้ง จากนั้นจู่ ๆ ก็ถอนหายใจ “แต่เหมือนอยู่ ๆ ฉันจะคิดถึงรสชาติแย่ ๆ ของแผ่นแป้งนั้นจัง”
ทุกคนในวอร์ดตกตะลึง
ตอนนี้จะสามารถไปหาปิ่งชิ้นใหญ่นั้นได้ที่ไหน?
“รอเดี๋ยวค่ะ ฉันมี” ซูเถา
เธอมีมันจริง ๆ มันถูกเก็บอยู่ในพื้นที่ของหลินฟางจือ มันคือปิ่งธัญพืชที่พ่อครัวฉินอบไว้เมื่อนานมาแล้ว เดิมทีพวกมันถูกใช้เป็นของว่างสำหรับเพื่อนรูมเมทของเธอ หลินฟางจือ เด็กหนุ่มคนนี้ชอบเคี้ยวขนมแข็ง ๆ และกรุบกรอบ
พ่อครัวฉินรักเด็กคนนี้และทำอาหารให้เขาด้วยวิธีต่าง ๆ มากมายรวมถึงบิสกิตหลากรส เค้ก หรือแม้กระทั่งปิ่งหรือแผ่นแป้งที่สามารถนำไปต่อยอดได้หลากหลายเมนู
ซูเถาวิ่งออกจากวอร์ด แล้วไปควานหามันในห้วงมิติ แล้วเธอก็พบกระเป๋าอีกใบที่จะบรรจุของว่างอยู่ในนั้น
ดวงตาของชายชราเลี่ยวเป็นประกายเมื่อเขาเห็นแผ่นแป้งอบกรอบ และเขากัดเล็มมันเบา ๆ ตอนนี้เขาไม่มีฟันแล้ว จึงทำได้เพียงเล็ม ๆ อาหารเท่านั้น
“หืม รสชาติมันไม่ใช่ มันไม่ได้อร่อยแบบนี้… เหล่าสิง ฉันขอโทษ ฉันขอโทษที่ฉันไม่ได้ต่อสู้ไปกับนายจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต ฉันเสียใจ แต่ฉันแก่กว่านายนี่เนอะ แก่ก่อนก็ต้องไปก่อน เหล่าสิง ฉันขอโทษที่ฉันเคยโกรธนาย”
ชายชราร้องไห้ขณะถือแผ่นแป้งเอาไว้ในมือ
ซูเถารู้สึกผิด แต่เธอไม่คาดคิดว่าปิ่งแสนอร่อยจะทำให้ชายชราร้องไห้ออกมา
อดีตผู้นำกองทัพร้องไห้ไปกับเขา และทุกคนในวอร์ดต่างซับน้ำตาอย่างเงียบ ๆ และเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้า
“เหล่าสิง อย่าโกรธฉันเลยนะ ฉันขอร้อง อย่าโกรธฉันเลย ฉันยอมรับผิด ฉันเห็นแก่ตัวเกินไป ฉันคิดว่านายตัดขาดพวกเราและเลือกตงหยาง ในขณะที่ฉันต้องการความช่วยเหลือจากนายมากที่สุด ฉันเองก็เจ็บปวดที่ต้องตัดขาดสหายร่วมรบหลายสิบปีของเรา”
“ฉันรอนายกลับมาตลอด ฉันรอให้นายเสียดายที่ตัดสินใจแบบนั้นแล้วกลับมา ฉันรอให้นายเสียใจที่ทิ้งฉางจิง เสียใจที่เสียเพื่อนเก่าไป แต่นายก็ช่างดื้อรั้น จากไปยี่สิบปีแต่กลับมาหาฉันตอนที่ฉันใกล้ตายแล้ว”
ชายชราเลี่ยวรู้สึกผิดจริง ๆ เขาพูดถึงการต่อสู้และความเสียใจในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา
หลังจากพูดจบ ดูเหมือนว่าในที่สุดภาระอันหนักอึ้งก็ถูกยกออกจากบ่า เสียงร้องไห้เริ่มอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ และมือที่ถือปิ่งก็คลายลงอย่างหมดแรง
ซูเถารู้สึกใจหาย
อดีตผู้นำกองทัพตัวแข็งทื่อ และเอ่ยเรียกเพื่อนเก่าเสียงดัง “เหล่าเลี่ยว! เหล่าเลี่ยว!”
“หยุดร้องได้แล้ว…ฉันแค่เหนื่อยนิดหน่อย ฉันขอนอนก่อน ยี่สิบปีที่ผ่านมาฉันเหนื่อยเหลือเกิน ฉันขอนอนสักงีบเถอะ”