ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 435 ตอนพิเศษ 1
ตอนที่ 435 ตอนพิเศษ 1
ตอนที่ 435 ตอนพิเศษ 1
ปีที่ผ่านมาซูเถาทำงานหนักจนแทบไม่ได้พักผ่อน หนึ่ง คือเธอได้ร่วมมือกับท้องถิ่นเพื่อดำเนินงานฆ่าเชื้อและฉีดวัคซีน อีกอย่าง คือพัฒนาการก่อสร้างการขนส่งขั้นพื้นฐานอย่างแข็งขันให้เหมือนก่อนวันสิ้นโลก ทั้งทางรถไฟ รถไฟความเร็วสูง ฯลฯ จะต้องสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด
งานแบบนี้เธอต้องทำเอง หากว่าใช้กำลังคนธรรมดาสร้างทีละนิด ก็คงใช้เวลานานกว่าจะแล้วเสร็จ
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังต้องกลับไปกลับมาเพื่อพบปะกับผู้นำจากสถานที่ต่าง ๆ และในขณะเดียวกันเธอก็ต้องคำนึงถึงพัฒนาการของเถาหยางด้วย
โชคดีที่ผลตอบแทนของการทำงานหนักในหนึ่งปีนั้นมีมากมาย วัคซีนนี้ได้รับความนิยมในหมู่ประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ทั้งการฆ่าเชื้อโรคและฉีดวัคซีนก็ได้เดินทางไปเกือบทุกแห่งหน
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การคมนาคมในวันสิ้นโลกนี้ได้เริ่มเปิดให้บริการตามปกติแล้ว ทั้งเครื่องบิน ทางหลวง ทางด่วน ฯลฯ สามารถเชื่อมต่ออาณาเขตต่าง ๆ ได้
ในปัจจุบันสหพันธ์ไม่เพียงแต่พัฒนาอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังไม่ค่อยเห็นซอมบี้อีกด้วย
พวกมันยังเหลือเพียงจำนวนเล็กน้อยที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกมันก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของเจ้าหน้าที่ทำลายเชื้อได้
ซูเถาได้กลายเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่อายุน้อยที่สุดในสหพันธ์ในช่วงปีนี้ และมีอำนาจตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในการตัดสินใจครั้งสำคัญของประเทศ
แต่ภาระหน้าที่นี้ค่อนข้างเหนื่อย เธอไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่มาสองปีติดต่อกันแล้ว ตอนนี้ประเทศกำลังมาถูกทางทีละขั้น มันถึงเวลาที่เธอจะต้องวางมือ
ดังนั้น เธอจึงแจ้งแก่ฉางจิงว่ามีความประสงค์จะถอนตัวออกจากรัฐสภา และมอบการจัดการกิจการของเถาหยางให้กับจวงหว่านและหม่าต้าเพ่า เธอจะให้อำนาจทั้งหมดแก่ทั้งคู่ได้เป็นเจ้าของและดูแลต่อจากเธอ
เพราะเธออยากจะพักผ่อนแล้ว
เมื่อเธอมีเวลาว่าง ก็อยากจะสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ เพราะเธอมีสมาชิกในครอบครัวมากเกินไป ตอนนี้เธอมีแมวมากกว่าสิบตัว พวกมันทะเลาะกันที่บ้านทุกวัน ขนของพวกมันปลิวว่อนไปทั่วทุกที่
บางครั้งเฮยจือหม่าเองก็ยังตกใจ มันเอาแต่นั่งจ้องจากชั้นบน และไม่ยอมลงมาเหยียบข้างล่าง เหมือนกับชายวัยกลางคนที่ดื้อรั้นไม่ยอมกลับบ้าน
บางครั้งซูเถาก็ไม่อยากกลับบ้านหลังเลิกงาน เพราะเมื่อกลับถึงบ้าน เธอจะต้องเผชิญกับกลุ่มเด็กขนฟูที่เอาแต่ส่งเสียงร้อง และกองอึที่เธอต้องจัดการ ไหนจะขนที่ปลิวว่อนไปทั่ว
แม้กระทั่งในเวลาเช้า เธอจะถูกแมวเจ็ดหรือแปดตัวระดมปลุก พวกมันจะพาตัวเองไปนอนอยู่บนหน้าอก บ้างก็ปีนขึ้นไปบนศีรษะของเธออย่างสนุกสนาน
ตอนนี้เธอเกษียณตัวเองแล้ว เธอจึงขยายที่ดินใหม่อีก 500 ตารางเมตรในเถาหยางและสร้างวิลล่าขนาดเล็กให้ตัวเอง
เธอทำการสร้างทั้งหมด 3 ชั้น ในส่วนของลานและชั้น 1 มีไว้สำหรับแมว สุนัข และนก และชั้น 2 และ 3 มีไว้สำหรับการอยู่อาศัยเอง
ด้านหลังอาคารมีสวนเล็ก ๆ ที่อู๋เจิ้นเตรียมไว้ให้เธอโดยเฉพาะ ในช่วงบ่ายเธอก็จะเลือกแมวน้อยผู้โชคดีมานอนเล่นด้วยในศาลาเล็ก ๆ ที่อยู่ในสวน เพื่ออ่านหนังสือ ดื่มชา หรือนอนปัดโทรศัพท์เล่น ใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อยไม่ต้องคิดอะไร เผลอแป๊ปเดียวก็ผ่านไปวันหนึ่งแล้ว
แต่ใครจะรู้ เธอใช้ชีวิตแบบนี้ไม่เท่าไรก็ถูกใครบางคนเข้ามาพัวพันกับการใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยของเธออีกครั้ง
เพราะคนที่เกษียณตัวเองอีกคนก็คือ สือจื่อจิ้น
เพราะตั้งแต่เขาฟื้นขึ้น เขาก็ค่อย ๆ ลดบทบาทของตัวเองลงจากการเป็นแนวหน้า และหลังจากจัดการงานทั้งหมดแล้ว เขาก็เกษียณได้ตามที่ต้องการ
ทุกเช้าที่ซูเถาตื่นขึ้นมาและลงไปข้างล่าง เธอจะเห็นเขารออยู่ที่ประตูพร้อมอาหารเช้า และหลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มค้นพบว่าเข้ามักจะสวมใส่เสื้อผ้าสีเดียวกันกับเธอ ตัวอย่างเช่น
ถ้าเธอสวมเสื้อคลุมลำลองสีเบจ เขาก็จะสวมเสื้อฮู้ดสีเบจเช่นเดียวกัน ถ้าเธอสวมเสื้อเชิ้ตลายทางสีชมพูและเขาก็สวมเสื้อฮู้ดสีชมพูด้วยเหมือนกัน
บุคลิกของเขาเปลี่ยนไปมาก การที่เขาใส่เสื้อผ้าสีหวานแหววออกไปข้างนอก เมื่อเฉินเทียนเจียวเห็นเขาก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
“คุณตั้งใจเหรอ?” ซูเถาสงสัย
“ใช่ ผมขอให้คนไปซื้อฮู้ดหลากหลายสีมาให้ ผมอยากจะใส่ชุดคู่กับคุณ” สือจื่อจิ้นยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
“…คุณดูละครโทรทัศน์มากเกินไปหรือเปล่า?” ซูเถา
“ไม่ชอบเหรอ? ผมถอดออกก็ได้”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เตรียมจะเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ
“นะ…นี่! ใส่ไปเถอะ ฉันล่ะเชื่อคุณจริง ๆ” ซูเถารีบห้ามเขาอย่างรวดเร็ว
สือจื่อจิ้นเม้มริมฝีปากเล็กน้อยจากนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา เขาปล่อยชายเสื้อผ้าที่ถกขึ้นเมื่อครู่ลง และมองเธอด้วยสายตาสื่อความหมาย
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าแต่ละวันฉันจะใส่เสื้อผ้าสีอะไร” ซูเถามักจะเลือกเสื้อผ้าแบบสุ่ม ๆ เพียงแค่กวาดสายตามองไปในตู้เสื้อผ้าแบบลวก ๆ เห็นตัวไหนสะดุดตาก็ใส่ตัวนั้น
ก่อนที่สือจื่อจิ้นจะได้ตอบ หลิงอวี่ก็ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก “ฉันไม่ได้บอกเขา! ฉันไม่ได้บอกเขา!”
เอาล่ะ ไว้ฉันจะสืบอีกที
ซูเถาแค่นเสียงใส่ผู้ชายตรงหน้าและนกอีกตัว จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปที่โรงอาหาร
“ผมทำอาหารเสร็จแล้ว คุณจะไม่กินเหรอ? กินหน่อยเถอะนะ ผมขอโอกาสอีกครั้ง” สือจื่อจิ้นรีบไล่ตามเธอไปทันที
“ฉันให้โอกาสคุณหลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้าวดิบหรืออาหารเละ ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสองสามปีนะ ให้ฉันกินข้าวในโรงอาหารเถอะนะ” ซูเถา
เธอสับสนไปหมด
เพราะในวันเกิดปีที่ 20 ของเธอ ผู้ชายคนนี้ทำเค้กด้วยมือของเขาเองจริง ๆ และรสชาติก็อร่อยมากจนน่าประหลาดใจ
ตอนนั้นเธอชื่นชมเขาจากใจจริง ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ดูแย่ ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่เลว ไม่คิดว่าเขาจะทำเค้กเก่งขนาดนี้ เขาเก่งจริง ๆ นะ
จนกระทั่งเธอได้กินอาหารที่เขาปรุงเองที่บ้าน ปรากฏว่าการรู้วิธีทำเค้กนั้นไม่เหมือนกับความสามารถในการทำอาหาร เพียงแค่เธอนำเข้าปากเพียงครั้งเดียว เธอก็แทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่
สือจื่อจิ้นต้องเผชิญกับการต่อสู้อีกครั้ง เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นเหลยสิงที่อยู่ห่างออกไปอีกห้าเมตร
“คุณกลับมาเมื่อไหร่” ซูเถาหยุดและถามด้วยความประหลาดใจ
สองเดือนที่แล้วกลุ่มเป้าถูได้รับภารกิจใหม่ พวกเขาพาเฉินหยางออกเดินทางไกลไปด้วย และไม่เคยส่งข่าวกลับมาเลยว่าจะกลับมาเมื่อไหร่
ทำไมจู่ ๆ ถึงกลับมาวันนี้?
ปากของเหลยสิงตอบว่าเขากลับมาเมื่อคืน แต่สายตาของเขาจ้องมองไปที่เธอและเสื้อผ้าของสือจื่อจิ้น จากนั้นก็แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
แต่ในชั่วขณะหนึ่ง
เขาก็แยกฟันเขี้ยวแวววาวสองซี่ให้สือจื่อจิ้น “ผมขอคุยกับเถ้าแก่ซูได้ไหม สิบนาที”
สือจื่อจิ้นพยักหน้าด้วยรอยยิ้มสุภาพ แต่พอเขาเดินออกมาได้สองก้าวสีหน้าของเขาก็สลดลงทันที
เหลยสิงเห็นว่าเขากำลังจะเดินออกไป จึงมองไปที่ซูเถาแล้วพูดว่า
“ผมคิดว่าเขาจะนอนอีกสักหนึ่งปี แต่ไม่คิดว่าเขาจะฟื้นขึ้นหลังจากที่ผมออกเดินทางไปได้ไม่ถึงเดือน”
ซูเถาเข้าใจ เพราะเมื่อได้ยินว่าสือจื่อจิ้นฟื้นแล้ว เธอก็ทิ้งงานทั้งหมดไว้เบื้องหลังทันที
เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีเหมือนกัน เพราะในปีที่ผ่านมา เหลยสิงมาหาเธอทุกครั้งที่มีเวลาและมาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เธอตลอด
ทั้งคำพูดและการแสดงออกของเธอนั้นไม่สามารถขจัดความคิดของเขาได้จริง ๆ
การนิ่งเงียบไม่พูดอะไรของเธอทำให้เหลยสิงรู้สึกหงุดหงิดเป็นพิเศษ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขายอมก้มหัวให้กับผู้หญิงคนหนึ่งจนหัวใจของเขาจมดิ่งลงไปเกินกว่าจะดึงกลับ
“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงไม่รู้สึกอะไรกับผมเลย สักนิดก็ไม่มีเลยเหรอ สักหนึ่งในหมื่นของความรักที่ผมมีให้คุณก็ยังดี”
หัวใจของซูเถาเต้นรัวเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“อีกอย่าง ในวันที่คุณต้องการเขามากที่สุด เขากลับจากไปเพื่อความยุติธรรมและเกียรติยศ ให้คุณรอคนตายอย่างเขาปีแล้วปีเล่า และเมื่อเขาฟื้นขึ้นมา คุณไม่เพียงแต่ไม่ตำหนิเขาเท่านั้น แต่…” ดวงตาคู่นั้นจ้องมองดวงตาของหญิงสาวตรงหน้า
เมื่อสักครู่นี้เธอบอกว่าอาหารที่เขาปรุงไม่อร่อย แต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มและความอดทนอย่างช่วยไม่ได้
ซูเถาควบคุมอารมณ์ของเธอเอาไว้ พร้อมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า
“…เหลยสิง ฉันไม่สามารถรักคุณได้เลยแม้แต่น้อย คุณกำลังทำให้ฉันรู้สึกลำบากใจและรู้สึกไม่สบายใจนะ ฉันไม่สามารถแกล้งรักคุณและยอมรับคุณอย่างหน้าซื่อใจคดได้ ด้วยอุปนิสัยของคุณ คุณคงไม่ต้องการความรักที่ถูกแบ่งไปให้ราวกับทำการกุศลหรอกใช่ไหม?”
ดวงตาของเหลยสิงเริ่มแดงขึ้น
“ดังนั้นคุณก็เลยรักเขาหมดหัวใจ ไม่สามารถแบ่งมาให้ผมได้เลยใช่ไหม?”
“ใช่!” ซูเถากัดฟัน
“แล้วถ้าผมยังคอยตามตื๊อคุณอยู่แบบตอนนี้ จะถือว่าผมเป็นบุคคลที่สามเข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์นี้หรือเปล่า?”
“ใช่!”
เหลยสิงยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับเป็นลูกโป่งถูกปล่อยลมออก จากนั้นเขาก็หันกลับไปและก้าวไปทางสือจื่อจิ้น และก่อนที่สือจื่อจิ้นจะทันโต้ตอบ เขาก็เหวี่ยงหมัดใส่หน้าอีกฝ่ายเต็มแรง
“ได้! นายชนะ!”