ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 436 ตอนพิเศษ 2
ตอนที่ 436 ตอนพิเศษ 2
ตอนที่ 436 ตอนพิเศษ 2
ครั้งนี้เหลยสิงคงต้องปล่อยเธอไปแล้วจริง ๆ
เขารักซูเถามาก มากเสียจนกลัวว่าจะไปทำให้ความสุขที่เธอควรจะมีปั่นป่วน เขาคงต้องเอาตัวเองออกมาเพื่อเป็นการเติมเต็มความสุขให้กับเธอ
เหลยสิงดึงคอเสื้อของสือจื่อจิ้นพร้อมกับตวาดเสียงดังใส่เขา
“ถ้านายทำร้ายจิตใจเธอ ฉันจะฆ่านาย! ฉันจะฆ่านายแน่!”
เขาอยากจะต่อยสือจื่อจิ้นอีกสักครั้ง แต่เมื่อคิดว่าซูเถาคงจะรู้สึกเสียใจกับเขา เขาก็ทำได้เพียงทนและเดินจากไป
……
ซูเถาวิ่งไปดูทันที เธอเห็นว่าจมูกของสือจื่อจิ้นมีเลือดไหลซึมออกมาพร้อมกับจมูกที่บิดเบี้ยวของเขา
“คุณ ไปหาหมอจงเถอะ”
ดูเหมือนสือจื่อจิ้นจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เขาเช็ดคราบเลือดช้า ๆ อย่างสบายๆ แล้วถามเธอว่า “จริงเหรอ?”
“อะไรจริงไม่จริง รีบไปเถอะน่า เลือดคุณไหลเปื้อนเสื้อผ้าหมดแล้ว” ซูเถาดึงเขาไปหาจงเกาอี้
“คุณรักผม และไม่สามารถแบ่งปันความรักที่มีให้กับคนอื่นได้แม้แต่น้อยใช่ไหม?”
“…ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นซะหน่อย” ซูเถา
“คุณไม่ได้พูด แต่คุณยอมรับมัน”
“คุณนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ ฉันจะไม่สนใจคุณอีกต่อไปแล้ว ปล่อยให้เลือดไหลตายอยู่ที่นี่เลย”
จากนั้นเธอก็หมุนกายจากไป
สือจื่อจิ้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มศีรษะลงและเดิมตามเธอไปไม่ห่าง
“ยังไงก็ตาม หมัดหนัก ๆ ในครั้งนี้ผมเต็มใจที่จะยอมรับนะ”
……
ตอนนี้เถาหยางคลินิกเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลเถาหยางแล้ว ครอบคลุมพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าของปีที่แล้ว มีบุคลากรทางการแพทย์เกือบ 500 คน รวมถึงคุณหมอตัวน้อยอย่างเฉินซีด้วย
แม้ว่าเฉินซีจะอายุน้อยก็ตาม แต่เธอมีความสามารถและทักษะมากมายในการเรียนวิชาแพทย์ แม้แต่จงเกาอี้ก็ยกย่องเธอเป็นสุดยอดหัวกะทิที่หาได้ยากในการเรียนแพทย์ เธอมีความจำที่ดีและมีความละเอียดรอบคอบอีกด้วย และตอนนี้เธอสามารถติดตามจงเกาอี้เพื่อช่วยเหลือเขาเล็ก ๆ น้อย ๆ ข้างเตียงผ่าตัดได้แล้ว
เฉินซีทำการรักษาขั้นพื้นฐานเพียงเล็กน้อยให้สือจื่อจิ้น “ดั้งไม่ค่อยเบี้ยว พรุ่งนี้คุณสามารถมาพบลุงจงได้ค่ะ วันนี้เขาจำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนแม่หนู”
“แม่ของเราเป็นอะไร ทำไมเขาต้องอยู่เป็นเพื่อนเธอ?” ซูเถารู้สึกงุนงง
จวงหว่านเป็นคนทุ่มเทในการทำงาน โดยปกติแล้วเรื่องงานจะมาเป็นอันดับแรก ผู้ชายจะเป็นลำดับสุดท้าย เป็นเรื่องยากที่เธอจะต้องการให้สามีติดตาม
ทันใดนั้น เฉินซีก็ยิ้มอย่างเขินอายและโน้มตัวไปกระซิบข้างหูซูเถา “ดูเหมือนว่าแม่ของหนูจะมีน้องแล้ว”
หืม?
ตั้งครรภ์เหรอ?
“จริงเหรอ?” ซูเถาตะลึง
เฉินซีส่งเสียง “ชู่ว” สองครั้ง “ยังไม่ชัวร์นะคะ วันนี้ลุงจงจะตรวจให้แม่อย่างละเอียดอีกทีค่ะ”
ซูเถาคิดเกี่ยวกับมันอีกครั้ง แม้ว่าการตั้งครรภ์ตอนอายุเยอะนั้นจะเป็นอันตราย แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเมื่อมีเหล่าจง และเมื่อพวกเขามีลูกด้วยกัน ก็น่าจะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นมั่นคงมากขึ้น
เฉินซีตั้งตารอคอยเป็นอย่างมาก แต่เธอก็แอบรู้สึกเศร้าโศกเช่นกัน และก็ได้แต่เฝ้าอธิษฐานกับท้องฟ้า
“หนูหวังว่าจะเป็นน้องสาว ต้องเป็นน้องสาวนะคะ”
เพราะว่าพี่ชายคนนี้น่ารำคาญมาก ถึงแม้ว่าตอนนี้เฉินหยางจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นก็ตาม ไม่เพียงแต่เขามีชื่อเสียงในด้านความแม่นยำในการยิงปืนเท่านั้น ยังสามารถปลุกพลังวิเศษได้แล้วด้วย แต่ทุกครั้งที่เธอเห็นเฉินหยาง เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะเขกศีรษะของเขา
สองเดือนต่อมา ซูเถาได้รับข่าวดีว่าจวงหว่านตั้งตรรภ์จริง ๆ
จวงหว่านเองก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธออายุมากแล้วแต่ยังตั้งครรภ์ ดังนั้นเธอจึงบอกแค่ซูเถาเท่านั้นไม่ได้บอกคนอื่น
ซูเถาแสดงความยินดีกับเธอ จากนั้นก็นึกถึงเมิ่งเสี่ยวป๋ออีกครั้ง เมื่อครึ่งปีที่แล้ว ภรรยาของเขาได้ให้กำเนิดลูกสาวหนึ่งคน ทารกตัวเล็กกระจิริด ตั้งแต่ได้ลูกสาวคนนี้มาทำให้เขาอ่อนโยนขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
ดูเหมือนว่าอัตราการเกิดของประชากรในเถาหยางจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น
เพราะเธอได้ยินจากหัวหน้าสวี่ว่าหลังจากการฉีดวัคซีนได้รับความนิยม อัตราการเกิดทั่วประเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
เมื่อก่อนตอนที่เกิดวันสิ้นโลกขึ้น แม้กระทั่งตัวผู้ใหญ่เองก็ยังเอาตัวเองไม่รอด ฉะนั้นแล้วเรื่องการมีลูกคงไม่ต้องพูดถึง
แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป ทุกอย่างกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ชีวิตของมนุษย์มีหลักประกันที่มั่นคง และมีเด็กที่เป็นตัวแทนของความหวังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
เธอเพียงรู้สึกเสียใจกับม่านม่านเท่านั้น เพราะการที่เธอได้เห็นเพื่อน ๆ ของเธอแต่งงานและมีลูกทีละคน คงทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนัก
และสองวันต่อมา จู่ ๆ เจียงอวี่ก็มาขอลาพักร้อนยาว
เขาต้องการนำสิ่งของของน้องสาวอย่างเจียงถงกลับไปยังสถานที่ที่พวกเขาเกิด
ซูเถาตอบตกลงทันทีและต้องการส่งเขาไปที่นั่นด้วยตัวเอง โชคดีอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเธอเองก็วางแผนที่จะเดินทางโดยรถยนต์ และไปยังทุกที่ที่เธออยากไป
ไปทางเหนือสู่ฉางจิง และลงใต้สู่ชายฝั่ง จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ชายแดนทางทิศตะวันตก และข้ามทะเลไปทางทิศตะวันออก
เธออยากจะไปดูแต่ละสถานที่ด้วยตาเธอเอง ว่าที่ผ่านมาการก่อสร้างของเธอมันเป็นอย่างไรบ้าง
เจียงอวี่ยิ้มและพยักหน้า จากนั้นมองไปในระยะไกล ถงถง น้องใช้ชีวิตอยู่อีกโลกหนึ่งเป็นยังไงบ้าง น้องสุขสบายดีใช่ไหม
……
หลังจากผ่านไปอีกเดือนที่เธอใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อย ซูเถาก็เริ่มรู้สึกเบื่อ และรู้สึกว่าในช่วงเวลานี้ เธอได้ใช้ความเกียจคร้านที่ควรใช้ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาเพียงพอแล้ว
ถึงเวลาเตรียมตัวออกเดินทางแล้ว
แน่นอนว่าสือจื่อจิ้นเองก็ไม่แพ้กัน เขาลางานกับตงหยางเป็นเวลาครึ่งปีเพื่ออาศัยไปกับรถบ้านของซูเถา
ซึ่งม่านม่านเป็นผู้มอบรถบ้านนี้ให้เธอในเวลานั้น ทำให้การเดินทางไกลครั้งนี้มีประโยชน์
ในวันออกเดินทาง สือจื่อเยว่กลับมาเป็นด็กสาวผิวคล้ำอีกครั้ง หลังจากไม่ได้เจอเธอมาหนึ่งปี
ซูเถาจ้องมองที่เธออย่างตกตะลึง พยายามคิดถึงภาพของของจือเยว่สาวงามตัวน้อยกลับคืนมาจากหญิงสาวผิวคล้ำคนนี้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเราถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ? ไหนบอกว่าจะไปต่างประเทศไม่ใช่เหรอ หรือว่าเราถูกหลอกให้ทำงานขุดถ่านหินอย่างผิดกฎหมายกันแน่”
เมื่อหนึ่งปีที่แล้วสือจื่อเยว่ได้ออกไปฝึกซ้อมกับอาจารย์จางที่โรงเรียมัธยมทั่วไปตงหยาง เนื่องจากเธอมีผลงานที่ดี จึงได้รับเลือกให้ไปเรียนที่ฉางจิง และในครึ่งปีต่อมา ก็ได้ปลุกพลังวิเศษของเธอขึ้นมา และถูกส่งตัวไปต่างประเทศในฐานะกองทหารฝึกหัด
ในความเป็นจริง พูดตรง ๆ ก็คือต้องขอบคุณสือจื่อจิ้นที่ทำให้เธอมีคุณสมบัติการต่อสู้ที่แท้จริงโดยไม่ต้องไปที่สนามรบ และมันก็ฟังดูดีที่จะบอกว่าเป็นการไปต่างประเทศเพื่อเป็นกำลังเสริม สร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างประเทศ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในระดับนานาชาติให้กับสหพันธ์
“มันคล้ำขนาดนั้นเลยเหรอ?” สือจื่อเยว่เกาหัว
“ถ้าไม่เชื่อก็ถามพี่ชายเราสิ”
สือจื่อเยว่ส่งยิ้มฟันขาวจั๊วะให้พี่ชายของตนเอง ยิ่งทำให้ใบหน้าของเธอดูเข้มขึ้น
สือจื่อจิ้นทนไม่ได้ที่จะมองหน้าน้องสาว “กลับมาคราวนี้แล้วจะกลับไปอีกไหม?”
สือจื่อเยว่ส่ายหัว “หนูไม่ไปแล้ว เบื้องบนบอกว่าหนูสามารถไปที่ฉางจิงเพื่อรับตำแหน่งได้โดยตรง หนูจะมียศทหารแล้วนะ อิอิ”
หลังจากพูดจบ เธอก็ตบแขนพี่ชายของเธอทันที
“ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าพี่บาดเจ็บสาหัสทุกคนกังวลว่าพี่จะตายเลยไม่บอกหนู แต่สุดท้ายหนูก็รู้อยู่ดี หนูรู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องไม่เป็นไร ตั้งแต่เล็กจนโตก็ไม่มีครั้งไหนที่พี่ตายนี่เนอะ ครั้งล่าสุดพี่ก็ยังรอดมาได้ หนูไม่กังวลสักนิด”
“ในอนาคตถ้าต้องการเงินไม่ต้องมาเรียกหาพี่นะ” สือจื่อจิ้นยิ้ม
“พี่เถาจื่อ งั้นหนูมาพึ่งพาพี่ได้ไหม?” สือจื่อเยว่ผู้ก่อกบฏกับพี่ชายตัวเองหันไปพูดกับซูเถาทันที
“ได้สิ ๆ ถ้าต้องการเงินเรียกหาพี่ได้เลย” ซูเถา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา สือจื่อเยว่ก็ได้รับซองแดงซองใหญ่จากซูเถา เพื่อที่เธอจะได้ไปทำงานที่ฉางจิงได้อย่างมีความสุข ก่อนที่จะจากไป เธออดไม่ได้ที่จะพูดบางอย่างกับพี่ชาย
“พี่ กับหนูน่ะพี่ขี้เหนียวจังนะ ทำไมกับพี่เถาจื่อพี่ไม่เห็นเป็นแบบนั้นเลย”
“พี่ก็งกแค่กับเรานี่แหละ” สือจื่อจิ้น
สือจื่อเยว่เดินต่อไปข้างหน้าแล้วหันมาตะโกนบอกว่า
“พี่ชาย ตั้งแต่นี้ไปพี่ไม่ต้องเป็นแนวหน้าแล้วนะ ถ้าหนูโตขึ้นหนูจะทำแทนพี่เอง”
สือจื่อจิ้นผงะไปครู่หนึ่งแล้วยิ้ม “ตกลง”