ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 437 ตอนพิเศษ 3
ตอนที่ 437 ตอนพิเศษ 3
ตอนที่ 437 ตอนพิเศษ 3
รถบ้านสีชมพูออกเดินทางจากเถาหยาง และจุดหมายแรกคือไปยังฐานเหอคังที่ถูกทำลาย
สมาชิกดั้งเดิมทั้ง 12 คนในทีมของเสิ่นเวิ่นเฉิงก็ออกเดินทางพร้อมกัน
เหตุผลหลักคือการรำลึกถึงคุณจี้ เขาเป็นคนที่อุทิศทรัพยากรทางการเงินและวัสดุทั้งหมดของฐานเพื่อสนับสนุนการวิจัยของทีมของเสิ่นเวิ่นเฉิง เขาเป็นคนรายงานต่อเถาหยางในนาทีสุดท้ายโดยขอร้องให้เถาหยางเข้าร่วมทีมวิจัย
เสิ่นเวิ่นเฉิงเองก็ถูกคุณจี้ช่วยเหลือเอาไว้ในตอนที่เขาอยู่ในความอ้างว้างและหิวโหยที่สุด เรียกได้ว่าหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากคุณจี้ตั้งแต่แรก อาจไม่มียาและวัคซีนเกิดขึ้นในภายหลัง
น่าเสียดายที่คุณจี้ถูกลูกชายของเขาผลักออกจากรถ และเสียชีวิตอย่างอนาถในขณะที่หลบหนี
ซูเถามีความกังวลมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่ต่อมา หลังจากที่จี้ไฉเจ๋อคนงี่เง่าไปที่ฉางจิง เดิมเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่แล้วเขาก็ได้นอกใจเธอไปหาลูกสาวของผู้บริการระดับสูงของฉางจิง เพราะต้องการกอบโกยผลประโยชน์จากพ่อของเธอ แต่ว่าเขารู้ทันก็เลยจัดการเนรเทศเขากลับมาที่เหอคัง
ครอบครัวอดีตคู่หมั้นของเขาได้ยินว่าผู้ชายคนนี้ไร้ประโยชน์แค่ไหนก็รู้สึกเวทนา ที่เขาต้องเผชิญกับความล้มเหลวในชีวิตแบบนี้ เขากลับมาที่เหอคังก็ทำได้แค่ไปพึ่งพาอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของพ่อเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตรอด
รถยนต์คันเล็กขับอย่างมั่นคงบนถนนมุ่งหน้าสู่ฐานเหอคัง สามารถพบเห็นสถานที่ก่อสร้างขนาดใหญ่ได้เป็นระยะ ๆ พวกมันเต็มไปด้วยความรุ่งโรจน์
ผู้รอดชีวิตที่พลัดถิ่นในวันสิ้นโลกก็ได้มีงานทำมากขึ้น เนื่องจากมีสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างมากมายในฐานเหอคัง
เมื่อเขามาถึงเหอคัง เสิ่นเวิ่นเฉิงก็ได้นำผู้คนไปค้นหาสถานที่ที่คุณจี้เสียชีวิต และสร้างรูปปั้นของเขาที่นี่เพื่อรำลึกถึงการมีส่วนร่วมอันยิ่งใหญ่ของเขาในการวิจัยวัคซีน
สิ่งนี้ได้รับการอนุมัติจากฉางจิงตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว พวกเขาไม่เคยทำให้ผู้ศรัทธาผิดหวังเลยจริง ๆ
เสิ่นเวิ่นเฉิงโค้งคำนับด้วยใจที่เคารพต่อหน้ารูปปั้นพร้อมน้ำตาคลอเบ้า
ก่อนออกเดินทาง ซูเถามองรูปปั้นของคุณจี้แล้วถอนหายใจเบา ๆ ท้ายที่สุดคุณก็ยังคงรักและเป็นห่วงจี้ไฉเจ๋อมากใช่ไหม ถ้าฉันแก้แค้นเขา คุณก็ต้องรู้สึกเสียใจกับเขาสินะ
ฉันหวังว่าในชีวิตหน้าของคุณ คุณจะมีลูกที่เอาใจใส่และกตัญญูอย่างแท้จริง ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะมีความสุขมากที่สุด
หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว ชายคนหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนขอทานกำลังเดินเล่นอยู่ในร้านเล็ก ๆ ใกล้ ๆ และเหมือนว่าจะไม่ยอมจากไปง่าย ๆ หากไม่ได้รับเงิน
ในท้ายที่สุด เขาก็ถูกคนงานก่อสร้างที่แข็งแกร่งสองคนโยนออกไป
เขากลิ้งไปบนพื้นสองสามตลบ และทันใดนั้นเขาก็ได้เห็นรูปปั้นที่มีแสงสาดส่องเข้ามา
เขารีบกระโดดขึ้นไปคว้าชายที่กำลังจะจากไปทันที “พี่ชาย รูปปั้นนี้สร้างขึ้นเมื่อไหร่เหรอ?”
ชายคนนั้นมองเขาอย่างดูถูก “ไม่กี่วันก่อนมีคนจากเถาหยางมาสร้างเอาไว้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงการมีส่วนร่วมของอดีตหัวหน้าฐานเหอคัง ด้วยเหตุนี้ทางฉางจิงจึงจัดสรรเงินทุนให้เหอคังเพื่อดำเนินการก่อสร้าง คนอย่างเราสามารถมีชีวิตอยู่และได้กินอาหารดี ๆ ก็ต้องขอบคุณผู้ชายคนนี้”
ชายขอทานตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ ๆ ก็ตะโกนว่า “จัดสรรเงินทุนเหรอ! ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง?”
“แล้วนายเป็นใครล่ะ ทำไมพวกเขาต้องบอกนายด้วย?” ชายคนนั้นหัวเราะเยาะ
“แล้วทำไมถึงไม่จำเป็นต้องบอกฉันล่ะ!” ขอทานชี้ไปที่รูปปั้น “เขาเป็นพ่อของฉัน! อา! ฉางจิงสนับสนุนเงินก่อสร้างให้เหอคัง แต่พวกเขากลับลืมลูกชายของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แบบนี้น่ะเหรอ!!”
จู่ ๆ ชายขอทานก็ก้าวไปข้างหน้าและทุบเข้าที่รูปปั้น “ตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ ผมไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ เลย พอพ่อตายไปจะไม่ให้อะไรผมเลยหรือไง ดูผมตอนนี้สิ! ดูสิว่าตอนนี้ผมมีชีวิตอยู่ยังไง!!”
ชายคนนั้นคิดว่าเขาบ้า ดังนั้นจึงได้เข้าควบคุมตัวเขาไว้ และไม่ว่าจี้ไฉเจ๋อจะดิ้นรนแค่ไหน ก็ยังถูกลากไปทิ้งที่ลานวัสดุก่อสร้าง
คนงานก่อสร้างที่มาทำงานในวันรุ่งขึ้นพบเขาเป็นศพอยู่ตรงนั้น
ได้ยินจากคนเก็บขยะแถวนั้นว่าเห็นเขาสบถใส่ผู้คนด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาโกรธมากจนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นก็ล้มลงและไม่ลุกขึ้นอีกเลย
……
รถคันเล็กยังคงขับต่อไป และเป้าหมายคือบ้านตระกูลเซียว
เพราะวันนี้เป็นวันที่เซียวเหวินอวี้เข้ายึดอำนาจของตระกูลเซียว
นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่จะต้องกล่าวถึง เนื่องจากนายท่านเซียวแต่งงานกับภรรยาใหม่ของเขาเมื่อครึ่งปีที่แล้ว สุขภาพของเขาก็ทรุดโทรมลง สุดท้ายเขาป่วยหนักและล้มหมอนนอนเสื่อเมื่อสามเดือนก่อน
ทันทีที่เขาล้มป่วย ทุกอย่างในตระกูลเซียวก็หยุดชะงัก พี่น้องแต่ละบ้านเริ่มทะเลาะกัน แม้แต่เซียวเหวินอวี้ที่ไม่มีความคิดที่จะยุ่งเกี่ยวมาก่อนก็เข้าร่วมด้วย
“การเกิดมาในครอบครัวใหญ่ที่ซับซ้อนแบบนี้ ตราบใดที่มีเลือดของตระกูลเซียวอยู่ในร่างกาย ก็จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสังหารหมู่ครั้งนี้ได้ ก่อนหน้านี้ฉันคงละเลยและทำตัวชิลเกินไป”
นี่คือสิ่งที่เซียวเหวินอวี้พูดกับซูเถาตอนออกจากเถาหยาง
สองวันก่อนที่เธอจะพูดแบบนี้ เธอเพิ่งรอดพ้นจากการฆาตกรรมที่น้องชายคนที่สี่และห้าของเธอเป็นคนร่วมกันบงการ เธอเกือบที่จะเสียชีวิตในรถของตัวเองที่มีการติดตั้งระเบิดเอาไว้
การกลับไปบ้านตระกูลเซียวไม่ใช่เพื่อหวังทรัพย์สมบัติของครอบครัว แต่เพื่อความอยู่รอด
ต้องชนะพี่น้องของตัวเองเท่านั้นถึงจะอยู่รอด
สิ่งที่ซูเถาไม่คาดคิดก็คือเซียวเหวินอวี้ซ่อนตัวเองมานานกว่า 20 ปีแล้ว เธอมีทรัพย์สินของตัวเองอยู่เบื้องหลังและมีกองกำลังติดอาวุธส่วนตัวของเธอเอง
ตอนแรกเป็นเพียงการลักลอบขนของและขายต่อเพื่อบรรลุเป้าหมายของเธอในการสามารถเดินทางไปรอบ ๆ เพื่อสร้างรายได้ แต่จู่ ๆ มันก็กลายเป็นข้อต่อรองที่สำคัญสำหรับเธอในการยึดอำนาจ
ลูก ๆ ของตระกูลเซียว นอกเหนือจากการใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายและเจ้าเล่ห์แล้วต่างก็เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
เซียวเหวินอวี้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะพลิกสถานการณ์เป็นเวลาสองเดือน และเธอก็โหดเหี้ยมมากพอที่จะฆ่าพี่น้องทั้งหมดที่ขู่ตนเอง แม้แต่อดีตลูกน้องของเธอยังอาบไปด้วยเลือดและแทนที่ด้วยคนใหม่ จากนั้นเธอก็ยึดอำนาจได้สำเร็จ และกลายเป็นผู้นำตระกูลเซียว
แม้แต่นายท่านเซียวที่นอนป่วยหนักอยู่บนเตียงก็ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เขาไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกเสียใจกับเด็กสองสามคนที่เขาสูญเสียไป แต่กลับแสดงสีหน้าปลื้มปีติยินดีที่มีคนมารับช่วงต่อตระกูลเซียวอีกด้วย
ซูเถายืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยของเขา และได้ยินเซียวเหวินอวี้พูดกับนายท่านเซียวอย่างใจเย็น
“พ่อ พ่อรู้ไหมว่าฉันเกลียดใครมากที่สุดในชีวิต ไม่ใช่น้องชายสี่และห้าที่คอยจ้องกำจัดฉันตลอดเวลา หรือภรรยาคนที่สามที่เทยาพิษลงในชามของฉันตอนที่ฉันยังเด็ก ไม่ใช่ภรรยาคนล่าสุดที่พ่อแต่งเข้ามาที่วัน ๆ เธอเอาแต่มองฉันด้วยสายตาที่ไม่พอใจและพยายามจะยัดเยียดให้ฉันแต่งงานกับงานกับผู้ชายหน้าตาย่ำแย่คนนั้น แต่เป็นพ่อ…”
“พ่อนั่นแหละที่ทำให้หนูเกลียด การที่ต้องทนเห็นหน้าของพ่อ ทำให้หนูท้องไส้ปั่นป่วน”
“พ่อบีบบังคับขืนใจแม่ บังคับให้เธอมีลูก แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ถูกเมียน้อยพ่อรังแก ทำให้เธออับอายและสิ้นใจด้วยความหดหู่ใจ ภายในหนึ่งเดือนที่เธอเสียชีวิต พ่อก็แต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ ถ้าพ่อจะทิ้งเวลาสักหน่อยและไม่แต่งงานทันทีแบบนั้น ฉันก็คงไม่เกลียดพ่อขนาดนี้”
“ยังไงก็ตาม ฉันลืมบอกพ่อไป คนที่พ่อแต่งงานใหม่เป็นคนของฉันเอง เพราะงั้นพ่อจึงกลายเป็นอัมพาตอย่างรวดเร็วด้วยพลังวิเศษของเธอ ‘แม่มด’ ความเจ็บป่วยใช้เวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้นที่จะพันธนาการพ่อจนพ่อลุกจากเตียงไม่ได้”
“เห้อ พ่อก็อายุยืนยาวขนาดนี้ มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย มีฐานะทางสังคม มีภรรยามากมาย พ่อน่าจะพอใจแล้วนะ เอาล่ะ ฉันขอส่งพ่อเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกัน”
หลังจากพูดอย่างนั้น ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงและหวาดกลัวของนายท่านเซียว เหวินอวี้ถอดเครื่องช่วยหายใจออกด้วยรอยยิ้ม
นายท่านเซียวจ้องมองด้วยตาเบิกกว้าง จากนั้นเขาก็กระตุกอย่างบ้าคลั่งอยู่พักหนึ่งพร้อมถีบขาของเขาไปมา จากนั้นอารมณ์โกรธที่มีอยู่ของเขาก็ได้หมดสิ้นไป…
ซูเถาที่ยังไม่หายจากอาการตกใจ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงระบบที่คุ้นเคย ซึ่งเธอไม่ได้ยินมานานกว่าหนึ่งปี
[ตรวจพบว่ามีชิ้นส่วนฟังก์ชันระบบกระจัดกระจายอยู่รอบ ๆ โฮสต์ต้องการรวมชิ้นส่วนเหล่านั้นหรือไม่?]