ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 441 ตอนพิเศษ 7
ตอนที่ 441 ตอนพิเศษ 7
ตอนที่ 441 ตอนพิเศษ 7
วันนี้เจียงจิ่นเวยแต่งตัวเรียบง่าย และซูเถามองดูเธอราวกับเห็นหลี่หรงเหลียนในรูปร่างผอมเพรียวนั้น
ซูเถาไม่ได้ทักทาย และไม่ได้พูดอะไรออกมา
จั๋วเอ่อร์เฉิงน่าทึ่งยิ่งกว่านั้น เขากวาดสายตามองเจียงจิ่นเวยขึ้นลงอย่างสำรวจ แล้วขมวดคิ้วถามว่า “คุณเป็นใคร”
สาวชาวบ้านมาจากไหน ทำไมเธอยังเรียกเขาว่าเอ่อร์เฉิงราวกับสนิทสนม เขาตกใจมาก แต่คิดไม่ออกว่าเป็นอดีตแฟนสาวคนไหนที่จะมาขอเงินขอบ้านจากเขา แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหลงรักผู้หญิงที่บ้าน ๆ แบบนี้
เจียงจิ่นเวยไม่อยากจะเชื่อเลย “เอ่อร์เฉิง คุณจำฉันไม่ได้แล้วเหรอ?”
จั๋วเอ่อร์เฉิงหน้าซีดด้วยความตกใจ ใช่เหรอ เธอคืออดีตคนรักของเขาจริง ๆ เหรอ?
เขาพยายามรื้อฟื้นความทรงจำที่เกี่ยวกับหญิงสาวตรงหน้า และตั้งตำถามกับตัวเอง
ในเวลานี้ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้าไปพูดกับเจียงจิ่นเวยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“มัวยืนงงอะไรอยู่ล่ะ? ผมใช้เงินซื้อตั๋วไปแล้ว มาเสียเวลาอะไรอยู่ตรงนี้”
เจียงจิ่นเวยมองไปที่จั๋วเอ่อร์เฉิงด้วยสายตาอันเจ็บปวด จากนั้นเธอก็หันหน้าไปมองชายตรงหน้า
นี่คือชายที่เธอแต่งงานด้วย เป็นพ่อของลูกชายคนเล็กของเธอ
เขาป่าเถื่อน ไม่มีรสนิยม และตระหนี่ถี่เหนียว นอกจากเลี้ยงดูเธอกับครอบครัวแล้ว เขาไม่มีข้อดีอื่นเลย
และเมื่อเธอได้มาพบคนรักเก่าอีกครั้ง จั๋วเอ่อร์เฉิงยังคงดูดีเหมือนเดิม และได้ยินมาว่าเขาเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าฐาน และกลายเป็นผู้นำสูงสุดของซินตูไปแล้ว
ถ้าเธอไม่เลิกกับเขาในตอนนั้น ก็คงไม่ถูกลดขั้นลงมาและจบด้วยการแต่งงานกับผู้ชายที่หยาบกระด้างเพื่อที่จะมีชีวิตรอดต่อไป
ไม่อย่างนั้นเธอยังคงสามารถใช้เงินได้เหมือนน้ำ เดินทางไปยังสถานที่ระดับไฮเอนด์ต่าง ๆ ในซินตู กินอาหารราคาแพงที่ชื่นชอบในวันสิ้นโลก และมีคนขับรถพาเธอไปใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยได้ทุกที่…
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็รู้สึกเกลียดชังและเจ็บปวดในใจ และเผลอจับมือของถังโต้วแน่นอย่างไม่ตั้งใจ
ถังโต้วร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทำให้ลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนร้องไห้จ้าออกมา
เมื่อเจียงจิ่นเวยได้ยินเด็กทั้งสองร้องไห้ เธอก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ จากนั้นทั้งสามก็ล้มลงกับพื้น
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็ถูกดึงดูดด้วยเสียงร้องไห้ ชายคนนั้นก็รู้สึกละอายใจและตกใจกับเหตุการณ์ที่ยากจะรับมือ เขาจึงดึงเจียงจิ่นเวยขึ้นอย่างหยาบคาย
“เป็นบ้าหรือไง! ถ้าจะร้องไห้กลับไปร้องที่บ้าน แล้วเธอจะได้เจอดีแน่!”
เจียงจิ่นเวยเสียหลักไปตามแรงกระชากของเขา แต่เธอก็ยังไม่ยอมจากไป เธอเอาแต่มองไปที่จั๋วเอ่อร์เฉิงในขณะที่ร้องไห้
ชายคนนั้นตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติแล้วจึงมองตามเธอไป
จั๋วเอ่อร์เฉิงตกใจมาก “ผมไม่รู้จักเธอจริง ๆ”
จากนั้นผู้รักษาความปลอดภัยก็เดินมาที่ด้านหน้าของเขา
เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับจั๋วเอ่อร์เฉิง
เลขานุการของจั๋วเอ่อร์เฉิงก้าวไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่เย็นชา พร้อมกับหยิบบัตรประจำตัวของเขาออกมาและประกาศตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ และเมื่อชายคนนั้นได้ยินว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฐาน ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปด้วยความตกใจทันที และเขาก็ลากเจียงจิ่นเวยออกไปพร้อมกับพยักหน้าและโค้งคำนับ
เจียงจิ่นเวยตะโกน “เอ่อร์เฉิง” สองครั้ง และร้องไห้อย่างหนักจนแน่นหน้าอก แต่ในที่สุดก็ถูกชายคนนั้นตบและพาตัวหนีไป
จั๋วเอ่อร์เฉิงยังอยู่ในความงุนงง เขาถามเลขาด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ฉันเคยคบหากับเธอจริงเหรอ?”
เลขานุการเปิดเครื่องสื่อสารเพื่อค้นหา ก็เห็นชื่อในรายชื่อแฟนสาวจึงพูดอย่างไม่แน่ใจ
“ดูเหมือนว่า…จะเป็นพี่สาวต่างบิดาของเถ้าแก่ซู”
จั๋วเอ่อร์เฉิง…โอ้พระเจ้า
……
เจียงจิ่นเวยถูกชายคนนั้นขังไว้ทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน
เธอทุบเข้าที่ประตูแล้วร้องไห้ออกมา
“คุณขังฉันไว้ทำไม! บ้านนี้เป็นของฉัน! ถ้าไม่มีฉัน คุณก็ไม่มีที่อยู่อาศัยด้วยซ้ำ! ฉันไม่น่าแต่งงานกับคุณเลยจริง ๆ!”
ชายคนนั้นหัวเราะเยาะ “ถ้าไม่มีผม พวกคุณสี่คนจะอยู่ในบ้านมีกินมีใช้อย่างทุกวันนี้ไหม? อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าคุณเคยทำเรื่องแย่ ๆ อะไรมาก่อน เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่พบในวันนี้คือผู้ดูแลคนเก่าของคุณล่ะสิ บ้านนี้เขาก็ยกให้เหมือนกันสินะ น่าเสียดายที่เขาจำคุณไม่ได้อีกแล้ว”
การร้องไห้ของเจียงจิ่นเวยหยุดกะทันหัน
ถังโต้วที่อยู่นอกประตูก็ร้องไห้และทุบประตูอย่างหนัก “แกปล่อยแม่ของฉันออกไป! ไอ้คนตายแล้ว คนจน! ไอ้…”
ชายคนนั้นอุ้มเธอขึ้นมาแล้วพูดอย่างชั่วร้าย
“แม่เธอสอนให้พูดจาหยาบคายแบบนี้หรือไง ที่กินที่ใช้ทุกวันฉันเป็นคนดูแลทั้งหมด เอาอะไรมาด่าฉันอย่างไม่ลืมหูลืมตา เงียบปากไว้ดีที่สุด ไม่งั้นฉันจะฆ่าเธอสองคนแม่ลูกกับไอ้แก่สองคนนั้น แล้วโยนทิ้งไปข้างนอก!”
ทันทีที่คำพูดจบลง ซูเจี้ยนหมิงขี้เมาที่เพิ่งกลับมาก็เปิดประตูเข้ามา เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้เขาก็ถามออกมา “เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ ร้องไห้ รู้จักแต่การร้องไห้อย่างเดียวหรือไง!”
ถังโต้วร้องไห้และวิ่งไปบอกเขา “วันนี้เราเจอน้าที่สนามเด็กเล่น แม่ก็เลยร้องไห้เมื่อเห็นเธอ แต่พอพวกเรากลับมาผู้ชายคนนี้ก็บอกจะไล่พวกเราไปข้างนอก!”
นั่นคือสิ่งที่เธอเห็น ผู้หญิงคนนั้นคือน้าสาวของเธอและแม่ก็ร้องไห้ออกมา อีกทั้งชายคนนี้กำลังจะทุบตีแม่ตนเอง
น้าของเธอน่ารำคาญที่สุด ทุกครั้งที่เจอน้าสาวพวกเราไม่เคยคุยกันดี ๆ สักครั้ง
แม่ผู้อ่อนโยนของเธอจะร้องไห้โวยวาย และตะโกนทุกครั้งที่พูดถึงน้า และคนที่เธอเกลียดที่สุดคือน้าคนนี้
“น้าสาวเหรอ?” ซูเจี้ยนหมิงหูผึ่งขึ้นทันที
ใช่ เขายังมีลูกสาวที่ใจร้ายคนหนึ่งด้วย
เธอยังไม่ตายสินะ
เขาทรุดตัวลงกับพื้นและคิดว่าเพราะลูกสาวไม่ยอมรับตนเอง เมื่อเขาแก่ตัวลงเลยต้องมาดื่มเหล้าราคาถูกแบบนี้
เป็นเรื่องไร้สาระที่ต้องดิ้นรนอีกครึ่งชีวิตที่เหลือ สุดท้ายแล้วก็ต้องตกงาน บ้าน และลูก ๆ ก็ไม่มีความกตัญญูและฝากชีวิตไว้ด้วยไม่ได้
ชายคนนั้นสับสน “น้าสาวอะไรกัน?”
ซูเจี้ยนหมิงพูดอย่างอ่อนแรง “นายไม่จำเป็นต้องรู้อะไรมาก นายมันไม่มีจิตสำนึกอยู่แล้ว คงอยากให้ฉันตาย ๆ ไปล่ะสิ”
ถังโต้วอธิบายให้ชายคนนั้นฟังว่าคนที่เขาเห็นในวันนี้คือซูเถา
ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความสับสน “คนแก่เลอะเลือน รู้ไหมว่ากำลังพูดถึงอะไร?”
เขาเปิดเครื่องสื่อสารและปัดไปที่ข่าวแรก
เป็นข่าวสดที่กำลังออกอากาศ “วันนี้ ซูเถาหัวหน้าฐานเถาหยาง และพลตรีแห่งตงหยางถือโอกาสมาเยือนถึงซินตู…”
“เธอเหรอ?”
“นั่นน้าของหนูเอง! ทำไมน้าถึงได้ออกทีวีล่ะ?” ถังโต้วชี้ไปที่หน้าจอ
ปากของชายคนนั้นสั่นด้วยความโกรธ “บ้าไปแล้ว! ดื่มจนสมองตายเหรอ? หากมีลูกสาวแบบนี้ ทำไมไม่รีบไปพึ่งพาอาศัยเธอล่ะ มัวแต่ตำหนิเธออยู่ได้! คุณรู้ไหมว่าเธอเป็นใคร วันสิ้นโลกนี้จะจบลงได้ยังไง ซินดูจะพัฒนาได้เร็วมากอย่างทุกวันนี้ไหมถ้าไม่มีเธอ!”
“วันนี้คุณไม่เห็นผู้นำมากมายรอบตัวเธอเหรอ! ผมมั่นใจจริง ๆ ว่าแค่เธอเอ่ยออกมาประโยคเดียว เธอก็สามารถทำให้ผมกลายเป็นผู้บริหารโรงเรียนได้ทันที! ครอบครัวของเราก็สามารถย้ายไปยังพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในซินตูได้โดยไม่เดือดร้อน! คุณชอบดื่มเหล้าดื่มไวน์เหรอ? ดื่มไปเลย! ผมสามารถสร้างห้องเก็บไวน์ให้คุณได้ด้วยซ้ำ!”
หัวใจของชายคนนั้นกำลังจะลุกเป็นไฟ
ไม่คิดว่ารองเท้าขาดที่ตนเองแต่งงานด้วยจะมีน้องสาวที่มีความสามารถขนาดนี้!
แต่เขาไม่กล้าแส่หาเรื่อง ครอบครัวนี้คงไปล่วงเกินและทำให้เธอขุ่นเคืองใจไม่น้อย ถ้าไปหาเธอตอนนี้ ก็อาจจะโดนดูถูกกลับมาหรือไม่ก็ต้องเสียชีวิต
เปรียบเหมือนทอง เงิน หรือเพชรพลอยที่ถูกหมุนมือไปแล้ว และเอากลับมาไม่ได้
เขาทั้งเสียใจและโกรธมาก
จิตใจของซูเจี้ยนหมิงสับสน เขาคลานไปหยิบเครื่องสื่อสาร และอ่านข่าวซ้ำแล้วซ้ำอีก
หลังจากวางมันลง เขาก็นอนหงายและมองดูเพดาน และทันใดนั้นก็ระเบิดหัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆๆ”
ช่างน่าเศร้าและไร้สาระเหลือเกิน ลูกสาวตัวน้อยที่เขาดูถูกและละเลยมาโดยตลอด เป็นความหวังและความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้
แต่ความหวังนี้ถูกเขาโยนทิ้งไปนานแล้ว และเขาไม่สามารถเอามันกลับมาได้แม้ว่าเขาอยากจะหยิบมันขึ้นมาก็ตาม