ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 443 ตอนพิเศษ 9
ตอนที่ 443 ตอนพิเศษ 9
ตอนที่ 443 ตอนพิเศษ 9
รถสีชมพูคันเล็กออกเดินทางตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อน และจากฤดูร้อนถึงใบไม้เปลี่ยนสี
ซูเถาเดินผ่านฐานที่เจริญรุ่งเรืองครั้งแล้วครั้งเล่า และเห็นอาคารที่ค่อย ๆ สร้างเสร็จเพิ่มมากขึ้น เริ่มมียานพาหนะบนท้องถนนมากขึ้นเช่นกัน
ในที่สุด ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เธอก็ได้ตั้งถิ่นฐานชั่วคราวในหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมชายฝั่ง
เธอและสือจื่อจิ้นวางแผนที่จะอยู่ที่นี่จนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิหน้า
พวกเขาสร้างกระท่อมไม้ซุง 2 ชั้นพร้อมสนามหญ้าขนาดใหญ่ไว้ที่นี่ ในเวลาว่าง พวกเขาก็จะมานอนเล่นในสวนเพื่อรับลมทะเล ปิ้งอาหารทะเลกิน ไม่ทันรู้ตัวก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว
แต่ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ซูเถาที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวมาจนอายุยี่สิบปีก็เริ่มเคยชินกับการที่มีคนมาเกาะติด และตั้งแต่ได้เลื่อนขั้นก็ยิ่งเหนียวแน่นกว่าเดิม
หลังจากได้รับตำแหน่งแฟนแล้ว ทักษะการทำอาหารของสือจื่อจิ้นก็เริ่มพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด แม้ว่าจะยังไม่ถึงระดับที่น่ารับประทาน แต่อาหารปรุงเองที่บ้านอย่างบาร์บีคิว และอาหารทะเลก็ถือว่าใช้ได้
แต่นิสัยแอบใส่เสื้อผ้าสไตล์เดียวกับเธอนั้นยังไม่เปลี่ยน และอดใจรอไม่ไหวที่จะประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่าพวกเขาเป็นคู่รักกัน
เมื่อวันเวลาผ่านไป ทั้งสองก็เริ่มคุ้นเคยกับผู้คนในหมู่บ้าน และบางครั้งพวกเขาก็เข้าร่วมกิจกรรมตกปลาด้วยกัน เผชิญกับคลื่นคำรามโหมกระหน่ำ และได้รับประสบการณ์การเดินเรือมากมาย
มากเสียจนเมื่อเขากำลังจะจากไป สือจื่อจิ้นก็ได้เปลี่ยนจากพลเอกของสหพันธ์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประมง
เมื่อเดินทางกลับมาที่เถาหยางก็ชนหน้าร้อนของอีกปีพอดี หลังจากสองปีของการพัฒนาและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พื้นที่ของเถาหยางก็มีขนาดเท่ากับฐานตงหยางสองแห่งรวมกัน และได้รับการแต่งตั้งหัวหน้าเขตใหม่จำนวนมากเพื่อจัดการส่วนต่าง ๆ
แม้แต่เสี่ยวอวี๋ที่ในตอนแรกยังเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป ก็สามารถกลายเป็นหัวหน้างานคนใหม่ภายใต้การอบรมของจวงหว่าน
สิ่งเดียวที่ทำให้ซูเถาไม่ชอบเขาก็คือเด็กคนนี้ลักพาตัวเฉียนหรงหรงไป
ถ้าซูเถาไม่ได้เจอพวกเขาสองคนเดทในที่ลับตอนกลางคืน เธอคงไม่มีวันรู้เรื่องนี้แน่นอน
แต่เฉียนหลินก็เป็นแม่ที่เข้าใจโลก “หรงหรงยังเด็กอยู่ ฉันอาจจะต้องพูดคุยเรื่องนี้กับเธอให้มากขึ้น ให้เธอค่อย ๆ เรียนรู้ไป”
ซูเถาตำหนิเสี่ยวอวี๋สักพัก
เหล่าอวี๋ผอซึ่งไม่รู้อะไรเลย ก็กำลังหาคนมาช่วยจัดการและดูแลคลังแสงของเถาหยาง และเธอก็อุทิศตัวเองให้กับการวิจัยและพัฒนาอาวุธอีกครั้ง ซึ่งเธอก็ไม่เคยเบื่อกับมันเลย
หลานชายคืออะไรน่ะเหรอ?
ก็ภาระน่ะสิ
อนาคตและความรู้สึกของหลานชาย?
เธอไม่สนใจหรอก
ภูเขาผานหลิวก็ค่อย ๆ ขยายกิจการออกอย่างใหญ่โต
ความกระตือรือร้นในการทำงานของหม่าต้าเพ่าไม่ได้ลดลง เครือข่ายการติดต่อที่แข็งแกร่งของเขาก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในภาคใต้ เมื่อพูดถึงพี่ต้าเพ่า ผู้คนในวงการธุรกิจและกองคาราวานต่างก็รู้จักเขาเป็นอย่างดี
เขาเป็นคนซื่อสัตย์และภักดี ทุกคนชอบที่จะติดต่อกับเขาและชื่นชมในตัวเขา
หม่าต้าเพ่าก็พยายามหาคนรู้ใจ แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกความคิดนี้
ซูเถาถามเขาว่าทำไม เธอก็เห็นหญิงสาวแต่ละคนมีบุคลิกดีมากมายนะ
หม้าต้าเพ่าถอนหายใจและสูบบุหรี่อย่างโดดเดี่ยว
“หากผมบอกว่าผมไม่คิดจะแต่งงาน เถ้าแก่เชื่อไหม”
“ฉันเชื่อทุกสิ่งที่คุณพูด” ซูเถาค่อนข้างประหลาดใจ
หม่าต้าเพ่ารู้สึกเศร้าโศกเล็กน้อย
“ผมไม่อยากแต่งงานจริง ๆ เพราะผมต้องไปนู่นไปนี่ตลอด ไม่ชอบอยู่บ้าน และไม่ชอบเด็ก คนแรกคุยกับผมเป็นปีแล้วเธอบอกเป็นนัยว่าอยากจะแต่งงาน ผมเลยเลิกกับเธอ ผมไม่อาจทำให้เธอเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว”
“อีกอย่าง ด้วยหน้าที่การงานของผม หญิงสาวที่มาที่นี่ก็เพื่อเงินและสถานะอันน้อยนิดของผม ช่างมันซะเถอะ ผมอยู่คนเดียวก็ได้ ผมจะไม่พูดถึงมันอีก ในอนาคตผมจะไม่คบใครและไม่ทำร้ายจิตใจใครแล้ว”
ซูเถาเคารพและเข้าใจการตัดสินใจของเขา
ทุกคนมีสิทธิ์เลือกทิศทางชีวิตของตัวเอง ไม่ว่าจะแต่งงานแล้วหรือยังไม่ได้แต่งงาน หรือคู่สามีภรรยาที่เลือกไม่มีบุตร หรือคนที่มีลูกแฝดสามสี่คน ตราบใดที่มันเป็นชีวิตในอุดมคติของพวกเขาก็เพียงพอแล้ว
เมื่อพูดถึงหม่าต้าเพ่า ก็คงต้องพูดถึงมู่อั้นอั้นที่ติดตามเขา
ด้วยความช่วยเหลือของหม่าต้าเพ่าทำให้มู่อั้นอั้นประสบความสำเร็จในการเป็นหัวหน้าเขตคนใหม่ เธอเคยเป็น ‘กาฝาก’ ในร่างกายของชวีจิ้งอวิ๋นมาก่อน และต่อมาได้เข้ายึดร่างของชวีจิ้งอวิ๋น แต่ต่อมาเมื่อได้ ‘มี๋อิน’ ของซูเถา เธอก็ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในเถาหยาง
ถ้าไม่ใช่เพราะมู่อั้นอั้นในตอนนั้น เถาหยางคงไม่สามารถค้นหาชุดปืนพลังงานนิวเคลียสที่ถานหย่งซ่อนไว้ได้ และต่อมาได้รับการยืนยันว่าเป็นงานเริ่มแรกของเหล่าอวี๋ผอ
จำนวนกองพลอิสระเถาหยางก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จาก 3,000 นายในตอนแรก จนตอนนี้มีมากกว่า 10,000 นาย พวกเขาประจำการอยู่รอบ ๆ เถาหยาง หากมีภารกิจก็ต้องออกไปทำ หากไม่มีภารกิจก็ปกป้องอาณาบริเวณนี้
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เมิ่งเสี่ยวป๋อก็ได้รับการฝึกฝนจากอาจารย์หนิงอวี้ซานให้ดีขึ้น และยังได้รับยศร้อยโทอีกด้วย
หากไม่ได้มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ด้วยรูปร่างกำยำของเขาก็ทำให้ผู้คนเกรงขามได้อย่างง่ายดาย อาจคิดได้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องมาจากหน่วยรบพิเศษบางประเภท และเป็นนักล่าที่หน้าตาเย็นชา
สุดท้ายเขาก็พูดออกมาว่า “เฮ้ เถ้าแก่ซู ลูกของผมเรียกหาพ่อได้แล้ว เฮ้ เฮ้”
ซูเถา “…ดี ฉลาดมาก” เมื่อวานตอนบ่าย และวันนี้ตอนเช้าคุณบอกฉันแล้ว ตอนเย็นก็ยังจะพูดอีกเหรอ…
สำหรับสยงไท่ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มกองพลอิสระคนเดียวที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเขาก็ค่อย ๆ เก็บหอมรอมริบ เพื่อไปไถ่ตัวลูกสาวที่เคยขายไปก่อนหน้านี้กลับคืนมา และอัปเกรดเป็นห้องพักแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นไว้เพื่ออยู่อาศัยกับลูกสาว
เมื่อรู้ว่าเขาได้ไถ่ลูกสาวของเขาแล้ว ชีอวิ๋นหลันจึงเดินทางไปพาเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นกลับมา โชคดีที่เธอยังเด็กและครอบครัวก็ซื้อเธอคืนตั้งแต่ยังไม่เป็นสาวมากนัก นอกเหนือจากอาหารและเสื้อผ้าที่ถูกละเลย พวกเขาก็ไม่ได้ล่วงละเมิดเธอ
เมื่อก่อนพ่อของเธอติดเหล้า เธออาจจะไม่กล้ามากับเขาก็ได้
ชีอวิ๋นหลันดูถูกเขามากที่เขายอมขายลูกสาวกิน ตอนนี้เธอจับมือเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ พร้อมย้ำเตือนพ่อ
“ตอนนี้ลูกสาวของคุณกลับมาแล้ว คุณต้องใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์ให้ได้ หากคุณทำอะไรนอกเหนือสิ่งที่ควรจะเป็นหรือไร้ซึ่งจิตสำนึก ก็เก็บกระเป๋าแล้วออกไปจากเถาหยางได้เลย”
สยงไท่หวาดกลัว และตอบซ้ำไปซ้ำมา “ผมไม่กล้าแล้ว ผมอยากจะมีชีวิตที่มั่นคงจริง ๆ และผมก็เลิกดื่มแล้ว”
เขาไม่กล้าอีกต่อไปจริง ๆ เขาเคยนอนหมดอาลัยตายอยาก เพราะรู้สึกว่าชีวิตก็เป็นแบบนี้ เขาไม่มีความหวังใด ๆ ทั้งสิ้น
ตอนนี้มันแตกต่างออกไปแล้ว เขามีงานที่มั่นคง มีบ้านดี ๆ อยู่ และเงินฝากของเขาก็เพิ่มขึ้นทุกวัน ซึ่งมันไม่ได้มาง่าย ๆ และเขาคงไม่กล้าทำอีกต่อไป
เขายังไม่เคยลิ้มรสชาติของชีวิตที่ดีมาก่อน ใครจะอยากย้อนอดีตหลังจากที่ได้ลิ้มรสมันแล้ว
สองสามปีที่ผ่านมาเมื่อเขาได้ทบทวนกับตัวเอง เขาก็ยังเสียใจกับสิ่งที่เขาทำไปในตอนนั้น เขารู้สึกว่าการขายลูกสาวของเขามันยิ่งกว่าสัตว์เสียอีก มันเป็นสิ่งที่น่าละอาย และเป็นความผิดจริง ๆ!
ผู้อาวุโสเหม่ยเกษียณและใช้ชีวิตด้วยการเล่นหมากรุกและเดินเล่นไปรอบ ๆ ในขณะที่เจิ้งซิงดำเนินชีวิตตามความคาดหวังของเขาและเป็นผู้ดำเนินงานในเรื่องการวางแผนผังทั้งหมดของเถาหยางด้วยตัวเขาเอง ในช่วงสองปีที่ผ่านมาแทบจะไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ไม่เคยทำให้การทำงานได้รับความเสียหาย
ทุกสิ่งทุกอย่างค่อย ๆ เจริญรุ่งเรืองขึ้นและนำมาซึ่งข่าวดีต่าง ๆ
ขณะที่ฤดูร้อนผ่านไปและฤดูใบไม้ร่วงกำลังใกล้เข้ามา ลั่วเหยียนก็โทรมาในตอนเช้าด้วยความตื่นเต้น และพูดวกวนไปมาเพื่อบอกว่าม่านม่านของเขาตั้งท้องแล้ว
ซูเถาเด้งตัวขึ้นจากเตียงทันที และก่อนที่เธอจะได้ถามคำถาม ลั่วเหยียนชายร่างใหญ่ก็ดีใจมากจนเขาร้องไห้ราวกับฟ้ารั่ว
“ตอนนี้ผมจะเป็นพ่อคนแล้ว ฮือ…”
“…” ซูเถา