ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 45 ขับไล่! หลอกลวงเงิน! เสียโฉม! ลักพาตัว! ที่แท้เถาหยางเป็นแบบนี้
- Home
- ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก
- ตอนที่ 45 ขับไล่! หลอกลวงเงิน! เสียโฉม! ลักพาตัว! ที่แท้เถาหยางเป็นแบบนี้
ตอนที่ 45 ขับไล่! หลอกลวงเงิน! เสียโฉม! ลักพาตัว! ที่แท้เถาหยางเป็นแบบนี้
ตอนที่ 45 ขับไล่! หลอกลวงเงิน! เสียโฉม! ลักพาตัว! ที่แท้เถาหยางเป็นแบบนี้
วันต่อมา ซูเถาได้รับข่าวจากสือจื่อจิ้นที่หายตัวไปหลายวัน เสียงของเขาดูจะเหนื่อยเล็กน้อย
“อาทิตย์นี้เราจะกลับไป วัสดุก่อสร้างที่เราพบน่าจะเพียงพอสำหรับการใช้ประมาณหนึ่งปี เราวางแผนที่จะสร้างกำแพงในเขตทางเหนือก่อน ส่วนเขตทางตะวันออกไม่สามารถดูแลได้จริง ๆ”
สิ่งที่ได้รับในตอนนี้ดีมากแล้ว หายนะครั้งใหญ่กำลังใกล้เข้ามา ทุกฐานของทุกฝ่ายต่างก็มีค่ามากเป็นทรัพยากรของตนเอง เขาใช้วิธีการมากมาย และจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้มันมา
“พวกคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม ไม่เจออันตรายอะไรใช่หรือเปล่า”
ตอนที่ซูเถาถามประโยคนี้หัวใจของเธอก็เจ็บปวด เพราะกลัวว่าจะได้ยินว่ามีใครจากไปอีก
อีกด้านหนึ่งสือจื่อจิ้นหลับตาลงและลูบระหว่างคิ้ว
“เสี่ยวเจี่ยนได้รับบาดเจ็บ ผมเตรียมจะพาเขาไปพักฟื้นที่ฐานโส่วอัน ส่วนคนอื่น ๆ ปลอดภัยดี”
ซูเถาถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากแต่คิ้วก็ยังขมวดเป็นปม
เจี่ยนไคอวี่คือผู้มีพลังการรักษา เดิมทีเธออยากจะให้เขากลับมาดูหน้าของเฉินซีให้ แต่ดูเหมือนคราวนี้คงต้องให้จวงหว่านคิดวิธีเองแล้ว
“คุณล่ะ คุณเป็นอะไรไหม”
“ผมไม่เป็นไร แค่เหนื่อยนิดหน่อย อยากกลับบ้านแล้ว”
“ได้ ฉันทำความสะอาดห้องไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว กลับมาหลับสักตื่นก่อนค่อยไปรายงานผลงาน รู้ไหม?”
สือจื่อจิ้นคลายความเหนื่อยล้า เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ได้”
วัสดุก่อสร้างชุดนี้กล่าวได้ว่าอาจสามารถแก้ปัญหาเร่งด่วนที่สุดได้ ทำให้ตงหยางมีโอกาสหายใจ เผยตงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพูดกับหัวหน้าเก่า
“กัปตันสือทำผลงานในครั้งนี้ได้ยอดเยี่ยม มีวัสดุก่อสร้างชุดนี้ก็สามารถสร้างกำแพงเมืองในเขตทางเหนือให้เสร็จได้ภายในครึ่งปี”
น้ำเสียงผู้มากประสบการณ์ของสิงหงเหวินดังขึ้น “ตงหยางของพวกเรายังอ่อนแอเกินไป หากไม่มีกองทัพผู้บุกเบิกที่จะทำหน้าที่เป็นหัวใจและจัดหาเลือดอย่างต่อเนื่องไปยังฐาน ตงหยางก็เหมือนเด็กที่ไม่สามารถเดินได้อย่างอิสระ”
“แม้ว่าเราจะมีวัสดุก่อสร้างเหล่านี้ เราก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าซอมบี้ที่วิวัฒนาการขึ้นมาเหล่านั้นจะลอบเข้ามาได้หรือไม่ได้ อันตรายยังอยู่ไม่ไกล”
เผยตงเงียบไปครู่หนึ่งและเอ่ยว่า “หัวหน้า คุณควรพักอยู่ในเถาหยางก่อน ตอนนี้ในตงหยางเต็มไปด้วยอันตรายทุกหย่อมหญ้า คุณทำเพื่อตงหยางมาครึ่งชีวิตแล้ว และมันก็มั่นคงแล้ว ให้พวกเรายืนหยัดต่อไปแทนคุณเถอะ”
สิงหงเหวินถามกลับ “ตอนนี้เธอก็อยู่ในเถาหยาง เธอมั่นคงไหม ปล่อยว่างจากตงหยางได้หรือไม่ล่ะ?”
เผยตงเงียบไป
จากนั้นสิงหงเหวินก็พูดขึ้นอีกว่า “จื่อจิ้นก็อยู่ในเถาหยาง เขาก็บุกน้ำลุยไฟเพื่อตงหยางไม่ใช่เหรอ เธอเองก็รู้ว่าเขาออกไปครั้งนี้ก็เกือบจะเสียพี่น้องไปแล้ว เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด คลื่นลูกหลังอย่างพวกเธอยอมตายเพื่อตงหยาง คนแก่อย่างฉันมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ฉันจะห่วงชีวิตแล้วให้พวกเธอเป็นเกราะกำบังอยู่ข้างหน้าได้ยังไง”
เขาพูดด้วยความตื้นตัน ไอสองครั้งแล้วพูดต่อ
“ฉันอยากอยู่และตายไปพร้อมกับตงหยาง ฉันเกิดที่นี่ ตอนฉันตายฉันก็อยากจะฝั่งร่างของตัวเองไว้ที่นี่ ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
เผยตงทำความเคารพอย่างเคร่งขรึม “หัวหน้า ฉันยินดีที่จะอยู่และตายในตงหยางไปพร้อมกับคุณ”
……
ในตอนที่อากาศดี ซูเถาพาเจ้าขนปุกปุยทั้งสองตัวไปที่อาคารสำนักงาน
เมื่อจวงหว่านเห็นก็ตกใจ “พวกมันโตไวมาก ยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ กระโดดโลดเต้นได้แล้ว ตอนเอากลับมาตัวยังเท่าฝ่ามือและยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ”
ขณะพูดเฮยจือหม่าก็วิ่งเหยาะมาดมกลิ่นเธอ และดูเหมือนจะรู้ว่าเธอเป็นคนคุ้นเคย เจ้าตัวน้อยทิ้งตัวนอนลงบนรองเท้าของจวงหว่าน แล้วเกี่ยวเชือกรองเท้าของเธอเล่น
ไป๋จือหม่าเกาะร่างซูเถาไม่ยอมลง มองใครก็เหมือนเป็นคนไม่ดี
ซูเถาอมยิ้ม “เฮยจือหม่าเป็นพี่ชาย ไป๋จือหม่าเป็นน้องสาว ตัวหนึ่งขี้เล่น ตัวหนึ่งขี้กลัว แต่พวกมันก็ฉลาด ฉันเคยสอนพวกมันไปครั้งหนึ่ง พวกมันก็รู้วิธีที่จะกระโดดขึ้นกระบะทรายและเรียนรู้วิธีใช้แล้ว”
ผู้อาวุโสเหม่ยเบิกตากว้างเมื่อได้ยินดังนั้น “แมวก่อนวันสิ้นโลกไม่ค่อยฉลาดนัก พวกมันสามารถเรียนรู้ที่จะฝังอึของตัวเองโดยไม่ให้ติดตามร่างกายได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว เจ้าสองตัวนี้อายุแค่หนึ่งเดือน สามารถเรียนรู้วิธีใช้กระบะทรายได้ก็แปลกมากเลย”
ซูเถาไม่ได้คิดอะไรมาก แค่รู้สึกว่าเจ้าขนปุกปุยของตัวเองฉลาดมากก็เท่านั้น และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “และยังไร้กังวลอีกด้วย เพราะแค่บอกว่าไม่ให้ข่วนหรือโดนตัว บอกเพียงครั้งเดียวก็เข้าใจแล้ว ตอนอาบน้ำก็ไม่ดิ้น แต่แค่ตอนอาบครั้งแรกกลัวมากจนต้องให้ฉันอุ้ม หลังจากปลอบแล้วพวกมันก็รู้ว่าพวกเราไม่ได้จะทำร้าย พวกมันก็สงบลง”
ผู้อาวุโสเหม่ยครุ่นคิดอยู่ลึก ๆ ว่ามันค่อนข้างแตกต่างจากแมวที่เขารู้จักก่อนวันสิ้นโลกเล็กน้อย
จวงหว่านเล่นกับเฮยจือหม่าครู่หนึ่งก็ไปทำงานต่อ และยื่นรายการหนึ่งให้ซูเถาก่อนอาหารเย็น
“นี่คือตัวเลือกสำหรับผู้เช่ารายใหม่ เธออยากจะลองดูก่อนไหม?”
ซูเถารับมา เมื่อชำเลืองดูก็โล่งใจ “ตกลง จัดการได้เลย ว่าแต่คู่รักที่ขอเลื่อนเวลามาลงทะเบียนหรือยัง?”
เมื่อพูดถึงคู่นี้จวงหว่านก็ขมวดคิ้ว “เดิมบอกว่าจะมาวันนี้ตอนบ่าย แต่พวกเขาบอกฉันว่าพวกเขาจะขอคิดดูก่อน ฉันถามพวกเขาว่ามีเรื่องกังวลอะไร พวกเขาก็เอาแต่เงียบ หลังจากนั้นก็ไม่ตอบข้อความฉันแล้ว”
ซูเถารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อก่อนไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทุกคนต่างรีบร้อนที่จะย้ายเข้ามา เพราะกลัวว่าช้าแล้วจะไม่มีห้อง
แต่ผู้เช่าคู่นี้ดูเหมือนจะพะว้าพะวังและลังเลกับเถาหยางมาก ซูเถาเหมือนจะเดาอะไรถูก ดังนั้นจึงถามอีกครั้ง
“จำนวนคนที่เข้ามาเช่าน้อยลงไหม”
จวงห่านพยักหน้า “ใช่ ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน จำนวนลดลงหนึ่งในสิบ ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อค่าเช่าของเรา”
ซูเถารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงหาเวลาช่วงที่กองกำลังปกป้องเมืองพักกลางวัน โทรหาเผยตง และเปิดประเด็นถามอย่างตรงไปตรงมา
“พี่เผย มีใครหรือองค์กรไหนในตงหยางที่มีอสังหาฯ ปล่อยเช่าจำนวนมากไหม ฉันรู้สึกว่าฉันน่าจะไปแตะต้องผลประโยชน์ของเขาเลยถูกเพ่งเล็งเข้าน่ะ”
เผยตงนิ่งไปครู่หนึ่ง และพูดขึ้น “เธอรอแป๊บนะ ฉันจะให้คนส่งข้อมูลไปให้เธอ ถ้าไม่ผิดพลาดก็น่าจะเป็นกู้หมิงฉือผู้ทรงอิทธิพลของเขตตะวันออก”
หลังวางสาย จวงหว่านนั่งตกตะลึงอยู่ข้าง ๆ “เถ้าแก่ คุณพูดจริงเหรอ”
ซูเถาเอ่ยเสียงเรียบ “มีสิทธิ์เป็นไปได้ หากมีบางอย่างผิดพลาดจะต้องมีใครคิดไม่ดีแน่ แต่ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาใช้วิธีอะไรที่เปลี่ยนมุมมองของคนตงหยางที่มีต่อพวกเรา”
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ซูเถาได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ฉบับหนึ่ง ภายในเป็นข้อมูลเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัวในตงหยาง
เธอส่งข้อมูลให้จวงหว่านและเอ่ยว่า “คัดกรองทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขตตะวันออก”
ก่อนที่จวงหว่านจะได้ดำเนินการใด ๆ ข่าวเชิงลบเกี่ยวกับเถาหยางก็แพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตก่อนแล้ว
คุณแม่เฉียนเป็นคนแรกที่เห็นวิดีโอที่พูดเกี่ยวกับชีวิตในเถาหยาง เธอจีบรีบวิ่งออกจากห้องไปที่ตึกสำนักงานของซูเถาแล้วตะโกนว่า
“เถ้าแถ่ซู รีบออกมาเร็ว เจียงเจ๋อคนวางเพลิงที่น่ารังเกียจกำลังใส่ร้ายพวกเราอีกแล้ว บอกว่าเราเก็บค่าเช่าแล้วไล่เขาออก แถมยังรุมทุบตีเขา ถุย! ยัยแก่แซ่เหวินยังบอกอีกว่าเราทำให้เธอเสียโฉม”
“ตอนนี้เถาหยางของเราถูกคนภายนอกด่าทอว่าเหมือนมีชีวิตที่ขี้หมูราขี้หมาแห้ง กักขังผู้รอดชีวิตและปล้นสะดมเงินเหมือนรังโจร”
แม้เธอไม่ตะโกนบอก ซูเถาก็เห็นข่าวที่ถูกพาดหัวข้อข่าวว่า “ขับไล่! หลอกลวงเงิน! เสียโฉม! ลักพาตัว! ที่แท้เถาหยางเป็นแบบนี้ ให้ข้อมูลโดยอดีตผู้เช่า”