ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 46 ความประทับใจแรกที่มีต่อสือจื่อจิ้น
ตอนที่ 46 ความประทับใจแรกที่มีต่อสือจื่อจิ้น
ตอนที่ 46 ความประทับใจแรกที่มีต่อสือจื่อจิ้น
ผู้อาวุโสเหม่ยก็เห็นลูกชายของเขาในวิดีโอเช่นกัน เขากระอักเลือดออกมาเต็มปากด้วยความโกรธ
ซูเถา จวงหว่าน และหลิวพ่านพ่านต่างก็หน้าซีดด้วยความตกใจ “ผู้อาวุโสเหม่ย!”
หลิวพ่านพ่านนำทิชชูมาเช็ดให้เขาในขณะที่น้ำตาก็ไหลอาบหน้า
“ทำยังไงดี ทำยังไงดี”
ซูเถาเปิดหน้าต่างแล้วตะโกนเรียกแม่เฉียนที่อยู่ชั้นล่าง
“แม่เฉียน! เรียกเสี่ยวป๋อกับจือหนิงให้หน่อยค่ะ! ผู้อาวุโสเหม่ยไม่ไหวแล้ว ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลด่วน! เร็วเข้า!”
แม่เฉียนรีบวิ่งด้วยความตกใจ
เสี่ยวป๋อมาช่วยแบกผู้อาวุโสเหม่ยขึ้นหลังส่วนจือหนิงนั้นรับหน้าที่ขับรถ ซูเถาเองก็กำลังจะเข้าไปนั่งข้าง ๆ คนขับ แต่จู่ ๆ เสียงเครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้น
สายที่ไม่รู้จัก
ซูเถาพอจะเดาได้ เธอรับสายแต่ไม่ได้ส่งเสียง
เสียงเยาะเย้ยของชายคนหนึ่งดังมาจากโทรศัพท์
“เถ้าแก่ซู ผมหวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีนะ ผมรอคอยที่…พวกเราจะได้เจอกันอย่างเป็นทางการ”
สายโทรศัพท์ถูกตัด
ใบหน้าของซูเถาเย็นชาทันที “เสแสร้ง! ฉันก็นึกว่าจะมีวิธีการอะไร แต่ก็ไม่พ้นการใช้เล่ห์เหลี่ยม!”
กวานจือหนิงถามในขณะที่เร่งความเร็ว “ใคร?”
ซูเถาเดาได้แล้ว “คนที่ทำให้เกิดข่าวในวันนี้ แต่จัดการเรื่องผู้อาวุโสเหม่ยก่อนเถอะ”
พูดตามตรง ซูเถาเองไม่ได้กลัวคำครหานินทา คนมาลงชื่อสมัครน้อยภาระงานของพวกเธอก็จะน้อย เธอไม่ต้องรีบร้อนขยายเถาหยาง และไม่จำเป็นต้องเอาใจคนจำนวนมาก
ความปรารถนาของกู้หมิงฉือนั้นผิดจริง ๆ สิ่งที่เธอสนใจน้อยที่สุดก็คือชื่อเสียง
ผู้อาวุโสเหม่ยได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจจนหมดสติไปจึงต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ทันทีที่เขาถูกส่งตัวไปห้องฉุกเฉิน เครื่องมือสื่อสารของจวงหว่านก็ดังขึ้น
คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคู่รักที่เลื่อนการเข้าพักโทรเข้ามา
“คุณจวง จากข่าวที่ออกมา พวกเราคงไม่กล้าเข้าไปอยู่ในนั้นแน่นอน พรุ่งนี้เราคงไม่เข้าไปแล้ว แต่พวกคุณก็เก่งดีนี่ แสร้งทำเป็นคัดกรองผู้เช่า ทำให้ดูเหมือนว่ามีกฎระเบียบที่ดี ทำให้สภาพแวดล้อมดูเหมือนชุมชนที่ดี แต่จริง ๆ แล้วเบื้องหลังพวกคุณปฏิบัติต่อผู้เช่าแบบนี้ พวกคุณน่าจะทำเงินได้มากล่ะสิ รู้สึกละอายใจบ้างหรือเปล่า?”
จวงหว่านโกรธจนพูดไม่ออก
ซูเถาจึงถามจวงหว่านด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอชื่ออะไร?”
ก่อนที่จวงหว่านจะตอบ อีกฝ่ายก็ตะโกนขึ้นมาก่อน
“ทำไม คิดจะเอาเรื่องฉันหรือไง? ฉันไม่กลัวหรอกนะ คุณฟังฉันให้ดี ฉันชื่อผางหง! ทำงานด้านสื่อ! เป็นผู้เชี่ยวชาญในการเปิดโปงคนใจดำอย่างคุณ! นี่มันเป็นวันสิ้นโลกแท้ ๆ แต่คุณก็ยังคิดจะเอาเปรียบและทำลายพี่น้องร่วมชาติของตัวเอง!”
ซูเถากล่าวว่า “ใส่ชื่อทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเธอลงในบัญชีดำของเรา พวกเราไม่ยอมรับคนแบบนี้”
เมื่อพูดจบเธอก็กดวางสายของจวงหว่านอย่างรวดเร็ว
จวงหว่านพยายามควบคุมสติและถามว่า “ผางหงเป็นผู้ยุยงที่อยู่เบื้องหลังใช่ไหม ถ้าใช่ฉันขอโทษจริง ๆ ที่รับเธอเข้ามา”
ซูเถาส่ายหัว “กู้หมิงฉืองูเห่าท้องถิ่นในเขตตะวันออกเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ผางหงเธอถูกหลอกใช้ เธอนั้นหลงใหลในการต่อสู้เพื่อผู้อื่น สมองไม่ปกติ ฟังลมเป็นฝน เธอไม่มาน่ะดีแล้ว”
หลังจากนั้นเธอก็สั่ง “พี่ก็ทำงานไปตามขั้นตอน ผู้เช่าที่ไม่มาเราก็เปลี่ยนซะ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข่าวลือข้างนอก”
คำพูดของซูเถานั้นนิ่งสงบและมั่นคง จวงหว่านรู้สึกโล่งใจทันทีและสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว”
กวานจือหนิงที่กำลังเล่นอยู่กับปืนของตนเองก็พูดกับซูเถา “ก่อนหน้านี้ฉันประเมินคุณต่ำไปจริง ๆ ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นคุณจะสามารถเป็นแม่ทัพเพื่อรักษาสันติและความปลอดภัยได้ ก่อนหน้านี้มีคนใส่ร้ายว่าเสบียงที่เรานำกลับมานั้นห่วยแตก และของดี ๆ เหล่านั้นพวกเราก็เก็บเอาไว้เอง นอกจากนี้ก็ยังมีคนใส่ร้ายพลตรีสือว่าใช้อำนาจในทางมิชอบทั้งยังยักยอกเงินไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดหายนะของตงหยาง”
ซูเถาสงสัย “แล้ว?”
กวานจือหนิงตาเป็นประกาย “แน่นอนว่ากัปตันของเราเป็นคนเที่ยงธรรม! เหมือนที่คุณพูด พวกเราไม่กลัวการนินทา กัปตันไม่ได้อธิบายอะไรแค่ประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่าถ้าใครไม่พอใจก็ให้เข้ามาตัวต่อตัวกับเขา ถ้าเขาแพ้เขาก็จะถอดชุดทหารออก แต่ถ้าเขาชนะก็ให้ทุกคนเงียบปากซะแล้วกลืนความไม่พอใจนั้นลงไป!”
กวานจือหนิงทำท่าชกต่อย
จวงหว่านมองด้วยความชื่นชม “เหมือนฉันจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แต่มันไม่ละเอียดเท่าที่คุณเล่า แต่คนที่กระจายข่าวลือในท้ายที่สุดก็เงียบกันหมด ฉันคิดอยู่แล้วว่าเหล่ากองทัพบุกเบิกไม่ใช่คนแบบนั้น”
ซูเถาผู้ถูกขังอยู่บ้านมาโดยตลอดและไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เธออดไม่ได้ที่จะคิดภาพตามถึงเรื่องเล่าของสือจื่อจิ้น แต่เธอก็จินตนาการภาพนั้นไม่ออก
รู้จักกันมาก็นาน สือจื่อจิ้นในความประทับใจแรกของเธอก็คือความสุภาพ ความยับยั้งชั่งใจ ความมีมารยาท และยังมีมาดของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์เล็กน้อย
มันยากที่จะเข้าใจได้ว่าเขาจะพูดในสิ่งที่อุกอาจเช่นนี้ได้อย่างไร
ทั้งสามคุยกันอยู่พักหนึ่ง ไม่นานหมอก็ออกมา
“ไม่เป็นอะไรมาก จากการตรวจทั้งหมดพบว่าเป็นปัญหาเรื้อรังจากในอดีต คนไข้อายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ควรให้ความสำคัญกับการพักผ่อนและการรักษาร่างกายให้มากขึ้น พวกคุณก็ต้องเตรียมใจให้พร้อม เขาคงเหลือเวลาอีกไม่มาก”
แม้ว่าซูเถาจะมีลางสังหรณ์ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะใจหายและไม่สบายใจเมื่อได้ยินคำยืนยันของหมอ หลิวพ่านพ่านถึงกับเช็ดน้ำตาและพยักหน้าอย่างแรง จากนั้นก็ตามหมอไปที่แผนกเพื่อฟังข้อควรระวัง
เนื่องจากผู้อาวุโสเหม่ยต้องพักรักษาในโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการอีกสองสามวัน ซูเถาและคนอื่น ๆ จึงกลับไปก่อน และให้เสี่ยวพ่านคอยดูแลผู้อาวุโสเหม่ย
เมื่อกลับมาถึงเถาหยาง ซูเถาคิดไม่ถึงว่าผู้เช่าส่วนใหญ่จะมารวมตัวกันที่อาคารสำนักงาน ราวกับว่าพวกเขากำลังรอเธอกลับมา
เมื่อเห็นซูเถา แม่เฉียนกับผู้เช่าสองสามคนที่คุ้นเคยกันดีก็เดินเข้ามาถาม
“ผู้อาวุโสเหม่ยไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
จวงหว่านอธิบายสถานการณ์สั้น ๆ ผู้เช่าบางคนที่โกรธแค้นก็ยืนขึ้นและตะโกนด้วยความเคียดแค้น
“เถ้าแก่ซู เราได้ยินข่าวทั้งหมดจากทางอินเทอร์เน็ตแล้ว นี่มันเป็นการสาดโคลนใส่เรา คิดใส่ร้ายกันชัด ๆ ทั้งผู้ลักลอบวางเพลิง ฆาตกร และลูกชายอกตัญญู คนเหล่านี้ล้วนแต่พูดพล่าม ไปฟังคำพูดของคนแบบนี้ได้ยังไงกัน! คุณจะเอายังไงต่อไปหรือว่าจะให้พวกเราไปจับทั้งสามคนนี้กลับมาเพื่อให้บทเรียนแก่พวกเขา คุณจะเอายังไงก็บอกมาได้เลย พวกเราจะฟังคุณ!”
“ใช่ หรือไม่พวกเราก็อาจจะหาสื่อมา พวกเราพูดไปยังไงก็ไม่สู้พวกเขาสามคนหรอก จริงไหม?”
ทุกคนแสดงความคิดเห็นออกมาด้วยความโกรธ อยากที่จะจับทั้งสามคนมาทุบตีเสียเดี๋ยวนี้
ซูเถายกมือขึ้น จากนั้นทุกคนก็เงียบเสียงทันที เสียงของเธอดังกังวานและทรงพลัง
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ทุกคนไปทำงานและไปเรียนกันตามปกติเถอะ ถ้ามีคนนอกมาถามก็ให้ตอบไปตามความจริง เราไม่กลัวเรื่องไร้สาระ อีกอย่างเรื่องนี้ก็ดีต่อพวกเราทุกคน ในอนาคตเถาหยางของพวกเราจะคัดเลือกคนที่เข้ามาอยู่โดยผ่านการแนะนำจากผู้เช่าด้านในก่อนเป็นลำดับแรก”
ประโยคนี้ไม่เพียงแต่ระงับความโกรธของทุกคน แต่ทำให้หัวใจของผู้คนเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้นอกเหนือจากความสะดวกสบายของชีวิตในทุก ๆ ด้านแล้ว แต่ผู้เช่าก็ยังไม่เคยได้รับความเชื่อมั่นดังกล่าว!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการย่างซาวเข่ากลางแจ้งเมื่อสองวันที่ผ่านมาทำให้ญาติและเพื่อน ๆ ของพวกเขาต่างอิจฉาและอยากจะเข้ามาอาศัยที่เถาหยาง แต่ว่าก็มีคนสมัครมามากเกินไป ตอนนี้ยังมีห้องไม่มากจึงไม่สามารถรองรับความต้องการของทุกคนได้
ตอนนี้โอกาสที่จะได้มีความสุขร่วมกับญาติและเพื่อน ๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก!
ในขณะที่กลุ่มคนในเถาหยางกำลังมีความสุขราวกับว่าฉลองวันปีใหม่ ทั้งประดับไฟ ทั้งมีการตีกลอง และร้องรำทำเพลง
หยางจวี๋แฟนสาวของเมิ่งเสี่ยวป๋อก็รีบโทรกลับบ้านทันที “พ่อแม่! ตอนนี้ที่เถาหยางทำการคัดเลือกผู้เช่าที่ได้รับการแนะนำจากคนภายใน หนูคิดว่าครั้งต่อไปที่มีการประกาศจำนวนคนและห้องพัก พ่อกับแม่ต้องรีบนะ พวกเราจะได้มาอยู่ด้วยกัน อยู่ใกล้ ๆ กัน ได้กินอาหารที่โรงอาหารด้วยกันทั้งมื้อเช้า มื้อเที่ยง และมื้อเย็น มันทั้งสะดวกและสะอาด!”
“ว่าแต่ ก่อนวันสิ้นโลกพ่อกับแม่ชอบไปนั่งเล่นหมากรุกและอาบแดดที่สนามไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เถาหยางได้สร้างระเบียงขนาดใหญ่ ทั้งยังวางเก้าอี้นอนและโต๊ะกลมจำนวนมาก สามารถพาผู้สูงวัยสองสามคนมานั่งใช้เวลายามบ่ายด้วยกัน มาเล่นหมากรุกหรืออาบแดดด้วยกัน มันช่างเป็นวันที่สวยงามจริง ๆ!”
พ่อแม่ของหยางจวี๋ได้ยินดังนั้นก็มีความสุขมากจนอยากที่จะเก็บกระเป๋าทันที
“กลุ่มคนโง่ข้างนอกบอกว่าเถาหยางนั้นฆ่าคนและเป็นโจร หนูคิดว่าบางทีคนพวกนั้นอิจฉาที่พวกเราได้มีชีวิตที่ดีเลยมาก่อเรื่องไม่ดีลับหลัง ฉันไม่ใช่คนโง่นะ ฉันอยู่ที่นี่ไม่เคยเห็นเรื่องไร้สาระแบบนี้ เถ้าแก่ซูเป็นคนมีเหตุผลและเป็นคนดี!”
……
ณ เขตตะวันออก
“ตอนนี้ปฏิกิริยาของเถาหยางเป็นยังไงบ้าง?” กู้หมิงฉือถามขึ้น
“…”
ผู้ช่วยของเขาตัวสั่นเทิ้มไม่กล้าตอบคำถาม
“ว่ายังไง?”
ผู้ช่วยของเขารู้สึกหวาดกลัว “ถะ…เถาหยางมีความสุขดี”