ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 49 สื่อของตงหยางเจตนาทำลายชื่อเสียง!
ตอนที่ 49 สื่อของตงหยางเจตนาทำลายชื่อเสียง!
ตอนที่ 49 สื่อของตงหยางเจตนาทำลายชื่อเสียง!
หลังเลิกงานชีอวิ๋นหลันกลับมาบ้านพร้อมข้าวกล่องสองกล่องและนมสองขวด
สามีของเธอเบิกตากว้างเมื่อเห็นของในมือของภรรยา “รวยแล้วเหรอ? ซื้อของมากมายมาจากเถาหยาง หมดไปเท่าไหร่ล่ะ?”
ในขณะที่เหน็บแนม เขาก็เอื้อมมือไปหยิบของมาพลิกดู
ลูกสาววัยสิบเจ็ดบังเอิญเลิกงานพอดี เธอเวียนหัวเล็กน้อยเนื่องจากตอนกลางวันไม่ได้กินข้าว ถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นข้าวขาวกับหมูสามชั้นผัดเธอก็น้ำลายสอทันที
เธอเป็นเด็กรู้ประสา จึงเอ่ยปากถามในขณะที่ดวงตาของเธอนั้นเริ่มแดงก่ำ
“แม่ หนูรู้ว่าแม่รักหนูและพ่อมาก อยากที่จะนำของจากเถาหยางมาให้พวกเราชิม แต่จริง ๆ แล้วแม่ไม่ต้องซื้อมาเยอะขนาดนี้ก็ได้”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอก็เหลือบไปเห็นนมสองขวดแล้วก็ได้ยินเสียงท้องของตัวเองร้อง
ชีอวิ๋นหลันเป็นทุกข์มาก ดังนั้นจึงดึงลูกสาวและสามีมานั่งพร้อมกับเปิดข้าวกล่องให้พวกเขากิน แล้วพูดด้วยใบหน้าที่ซาบซึ้งใจว่า
“พวกเธอกินเลย ตอนบ่ายฉันกินมาจากที่เถาหยางแล้ว พวกนี้คือสิ่งที่เถ้าแก่ซูเป็นคนให้ ฉันไม่ได้จ่ายเงินแม้แต่นิดเดียว”
สองพ่อลูกหยุดการเคลื่อนไหว
ตั้งแต่เลิกงานกลับมาชีอวิ๋นหลันยังไม่หายจากอาการตื่นเต้นและตกใจ ก่อนที่เธอจะขยี้ตาที่แดงก่ำแล้วพูดว่า
“ในอนาคต พะ…พวกเราจะมีชีวิตที่ดีขึ้นทุกวัน”
เธออธิบายสั้น ๆ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างระหว่างวัน
แม้ว่าภาษาที่พูดออกมานั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่คู่พ่อลูกก็ยังคงตกใจราวกับว่าพวกเขาได้ยินเรื่องอาหรับราตรี
ลูกสาวอ้าปากค้าง “แปดพันเหลียนปัง? ต่อเดือน?”
ชีอวิ๋นหลันพยักหน้า
ลูกสาวอุทานว่า “สวรรค์” อยู่ที่ตงหยางรับสมัครพนักงานทำความสะอาดเต็มเวลาได้ในราคา 4-5 เหลียนปัง และรับสมัครเสมียนที่มีความรู้ในราคา 8,000 เหลียนปัง
แม่ของเธอที่ไม่รู้หนังสือ แต่ได้รับค่าจ้างถึง 8,000 เหลียนปังสำหรับค่าทำความสะอาดแล้วยังรวมอาหารสองมื้อพร้อมเครื่องดื่ม
ไอ้ที่บอกว่าเถาหยางนั้นโกงเงินค่าเช่านั้นเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี! กับคนทำความสะอาดเขายังใจดีขนาดนี้ กับแค่ค่าเช่าเล็กน้อยเขาจะโกงไปทำไม?
สื่อตงหยางพยายามที่จะทำลายชื่อเสียง!
ชีอวิ๋นหลันกล่าวว่า “แม่เองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ตอนแรกแม่คิดว่าเธอเป็นผู้เช่าที่ใจดีคนหนึ่ง แต่ที่ไหนได้เธอกลับเป็นเถ้าแก่ผู้ใจดี”
จู่ ๆ เธอก็หัวเราะออกมา “ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปเราไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว แม่จะซื้อชุดใหม่ให้ลูกหนึ่งชุดสำหรับฤดูร้อนนี้ ก่อนวันสิ้นโลกหญิงสาวมักจะใส่เสื้อชีฟอง แต่ลูกไม่เคยได้ใส่เลย พ่อของลูกก็เหมือนกัน เร็ว ๆ นี้เขาต้องเข้าร่วมการก่อสร้างกำแพงเมือง งานที่ต้องใช้แรงกายเหน็ดเหนื่อยก็ต้องได้กินอาหารดี ๆ”
ชีอวิ๋นหลันรู้สึกว่าชีวิตกำลังจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ความสุขและความพึงพอใจของเธอแทบจะล้นออกมานอกอก ตอนนี้เธอเชื่อเหลือเกินว่าการที่เป็นคนติดดิน ถ่อมตัว และทำสิ่งต่าง ๆ อย่างจริงจังและจริงใจจะได้รับผลตอบแทนอย่างแท้จริง
สามีของชีอวิ๋นหลันถอนหายใจยาว เขาจับมือเธอแล้วพูดว่า
“ขอบใจคุณมากนะอวิ๋นหลัน ตอนแรกที่ผมห้ามคุณไม่ให้ไปเถาหยาง มันเป็นความผิดของผมเอง”
ชีอวิ๋นหลันส่ายหัวไปมา “เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้ก่อนไปทำงานฉันว่าจะไปที่ฟาร์มก่อนและใช้คะแนนสมทบเพื่อแลกเนื้อหมูให้เถ้าแก่ซู แม้ว่าเธอจะไม่ได้ขาด แต่นี่ถือเป็นน้ำใจจากใจดวงน้อย ๆ ของเรา เราไม่สามารถนำข้าวกล่องกับนมมาเปล่า ๆ ได้หรอก”
สามีของเธอพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ใช่ ๆ คุณลองคุยกับเถ้าแก่ซูดู หากที่เถาหยางมีประปาหรือไฟฟ้าเสียก็เรียกใช้ผมได้ ถ้ามีเวลาผมจะไปช่วยซ่อมแซมให้ ไม่คิดเงิน ถ้าจะให้เงินผมก็จะไม่ไป”
วันต่อมา กว่าซูเถาจะลุกขึ้นจากเตียงก็ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นเช่นเคย เมื่อคืนก่อนเธอสร้างสวนเล็ก ๆ หลังอาคารสำนักงาน วางชั้นหนังสือไว้สามแถว บอร์ดสำหรับแสดงผลสี่แผง และวางโต๊ะพร้อมเก้าอี้ในสนาม
น่าเสียดายที่ไม่สามารถปลูกพืชได้ ไม่เช่นนั้นตามความคิดของผู้อาวุโสเหม่ยก็จะสามารถเพลิดเพลินไปกับเงาใต้ร่มไม้ได้
นอกจากนี้ก็ยังขยายห้องน้ำสาธารณะขนาดเล็กที่ชั้นหนึ่งของสำนักงานเป็นสองแห่ง เพื่อสะดวกต่อผู้อาวุโสเหม่ย
หลังจากอัปเกรดเป็นเลเวล 4 เพื่อปลดล็อกร้านค้าสิ่งอำนวยความสะดวกไม่เพียงแต่สามารถสร้างสระว่ายน้ำหรือบ่อน้ำพุเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะอย่างอื่นได้อีก เช่น ศาลาหรือสะพาน
ตามแผนของผู้อาวุโสเหม่ย น้ำพุขนาดใหญ่นั้นจะถูกสร้างขึ้นในสวนสาธารณะหลักก่อน
เมื่อคืนนี้ซูเถามีเวลาแค่วางรากฐานเท่านั้น แบ่งพื้นที่น้ำพุและติดตั้งกระเบื้อง เธอวางแผนที่จะเก็บรายละเอียดต่อในคืนนี้ แม้แต่โครงสร้างก็ยังทำให้ผู้คนประหลาดใจได้
ทันทีที่ออกจากอาคารที่พัก ผู้เช่าจำนวนมากก็รวมตัวกันข้างบ่อน้ำที่ยังไม่มีน้ำ ฟ่านฉวนฮุยวิ่งไปหาเธอพร้อมกับกล้องในมือแล้วถามอย่างตื่นเต้น
“เถ้าแก่ซู ตรงนี้จะสร้างเป็นน้ำพุเหรอ?”
“นี่…ดูออกด้วยเหรอ” ซูเถาทำตัวไม่ถูก
ฟ่านฉวนฮุยถ่ายภาพเธอไปสองภาพ หลังจากถ่ายเสร็จก็พูดอย่างเขินอาย
“คุณดูดีเวลายิ้มนะ และมีน้ำพุที่ยังสร้างไม่เสร็จเป็นพื้นหลัง คุณจะรังเกียจไหมถ้าผมจะใช้รูปนี้แปะไว้บนบอร์ดแสดงผลของเรา?”
ซูเถาตอบรับด้วยความยินดี เธอไม่รังเกียจ
“งั้นดีเลย พื้นที่สำนักงานที่เคยควบคุมการเข้าถึงพื้นที่ตอนนี้เปิดแล้วนะคะ ในส่วนพื้นที่จัดแสดงจะถูกส่งมอบให้คุณ ฉันหวังว่าในอนาคตจะมีรูปในเถาหยางทุกที่ทุกมุม คุณอย่าลืมเซ็นชื่อไว้ล่ะ เผื่อในอนาคตใครเข้ามาเยี่ยมชมจะได้รู้ว่ามีช่างภาพที่ยอดเยี่ยมชื่อฟ่านฉวนฮุยอยู่ในเถาหยาง
ดวงตาของฟ่านฉวนฮุยรื้นขึ้น
“เถ้าแก่ซู คุณเป็นคนแรกที่เรียกผมว่าช่างภาพ ครอบครัวของผมต่อต้านมาก โดยบอกว่ามันไม่ใช่ยุคก่อนวันสิ้นโลกจะมีอะไรให้ถ่าย อีกอย่างคือมันไม่สามารถทำเงินได้ กินก็ไม่ได้ เวลาเกิดอันตรายก็ช่วยชีวิตไม่ได้ แต่ผมรู้สึกว่าการบันทึกของผมนั้นมีค่าเสมอ ไม่ว่ามันจะเป็นด้านดีหรือไม่ดีก็ตาม”
หลังพูดจบเขาก็เปิดภาพให้ซูเถาดู ในภาพนั้นคือน้ำพุที่ยังสร้างไม่เสร็จและมีเธอยืนยิ้มอยู่ด้านหน้า ไกลออกไปคือความรกร้างของวันสิ้นโลก
ทั้งองค์ประกอบและแสงดีมาก
ซูเถายิ้ม “คุณพูดถูก ช่างภาพฟ่าน”
……
ทันทีที่เธอมาถึงห้องทำงาน จวงหว่านก็นำเนื้อหมูมาให้เธอหนึ่งชิ้น
ซูเถาตกตะลึง เธอโตขนาดนี้แล้วแต่เธอไม่เคยเห็นเนื้อหมูดิบมาก่อน
“ป้าชีนำมาให้ เธอรออยู่ชั้นล่างของอาคารสำนักงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ฉันเดาว่าเธอน่าจะมารออยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง ฉันปฏิเสธแทนคุณไป แต่เธอบอกว่าถ้าไม่รับ เธอก็จะไม่ไปไหน ฉันก็เลยต้องนำมาให้คุณ หากว่าไม่ต้องการคุณก็นำไปคืนเธอด้วยตัวเองนะ แต่เธอมีความตั้งใจจริง อีกทั้งตอนนี้การหาซื้อเนื้อหมูสดนั้นไม่ง่าย ต้องใช้คะแนนสมทบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่รับประกันว่าจะซื้อได้”
ก่อนที่จะพูดจบ เจ้าปุกปุยสองตัวที่ติดตามซูเถามาก็กระโดดออกมาทันที แล้วกัดเข้าที่ส่วนล่างของเนื้อหมูแล้วฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ
หัวขโมยเนื้อหมูสองตัวร้อง ‘เหมียว’ สองครั้งแล้วรีบกลืนลงท้อง
จวงหว่าน ซูเถา “…” นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
มันเกิดขึ้นไวมาก อยากจะเอากลับไปคืนตอนนี้ก็คงไม่ดีแน่
ซูเถาเอามือก่ายหน้าผากของเธอ แล้วนำตัวแสบสองตัวออกมาเพื่อสอนบทเรียน
“ห้ามกินอะไรโดยไม่ได้รับการยินยอมจากฉันนะรู้ไหม ถ้าคราวหน้ายังทำอีกฉันจะไม่พาออกมาเที่ยวข้างนอก”
พวกจือหม่าดูเหมือนจะฟังรู้เรื่อง พวกมันหลบตาไม่กล้าขยับเขยื้อน
จวงหว่านถาม “พวกมันถึงวัยที่กินเนื้อได้แล้วเหรอ? แต่เหมือนฉันจะจำได้ราง ๆ ว่าพวกลูกแมวก่อนวันสิ้นโลกจะกินเนื้อได้ต้องอายุประมาณสองเดือน”
ซูเถาง้างปากไป๋จือหม่า เห็นเขี้ยวเล็ก ๆ เต็มปาก เธอเองก็ทำอะไรไม่ถูก
“น่าจะถึงเวลาแล้วแหละ พวกมันตะกละมากทำเหมือนกลัวฉันจะแย่ง”