ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 61 เถ้าแก่ซู นี่เป็นความร่วมมือครั้งแรก ขอให้ราบรื่น
- Home
- ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก
- ตอนที่ 61 เถ้าแก่ซู นี่เป็นความร่วมมือครั้งแรก ขอให้ราบรื่น
บทที่ 61 เถ้าแก่ซู นี่เป็นความร่วมมือครั้งแรก ขอให้ราบรื่น
บทที่ 61 เถ้าแก่ซู นี่เป็นความร่วมมือครั้งแรก ขอให้ราบรื่น
จากความโกลาหลในครั้งนี้ทำให้เครื่องปรับอากาศ 1 เครื่อง โต๊ะกาแฟ 1 ตัวในห้องโถงรับแขก และเก้าอี้อีก 2 ตัวหายไป
การสูญเสียทั้งหมดอยู่ที่ 15,000 เหลียนปัง
ก็ยังถือว่าดี แต่เธอจะไม่ยอมเสียเปล่า ใครก็ตามที่ทำกับเธอ คนคนนั้นต้องได้รับผลกรรม!
“เจอตัวแล้ว เผยตงบอกว่าพวกเขาไปที่เขตควบคุมของกู้หมิงฉือที่เขตตะวันออก”
สือจื่อจิ้นแสดงเครื่องมือสื่อสารให้เธอดู
ซูเถามองแล้วพูดด้วยความโกรธ “พวกเธอซ่อนตัวเก่งมาก คิดว่าฉันจะเข้าไม่ถึงเขตตะวันออกหรือไง?”
สือจื่อจิ้นชำเลืองมองเธอ “เถ้าแก่ซู พลังนั้นแข็งแกร่งจริง ๆ คนจากเขตตะวันตกและตะวันออกก็เข้าไม่ถึง”
“นี่คุณเป็นหยินหยางกับฉันเหรอ?” ซูเถาเอ่ยอย่างระมัดระวัง
สือจื่นจิ้นยืดตัวตรง “เปล่า”
ซูเถาทำเสียงฟืดฟาดในลำคอใส่เขา แล้วก็โทรไปหากู้หมิงฉือ เมื่ออีกฝ่ายรับสายเธอก็พูดเข้าประเด็นทันที
“บอสกู้ ฉันมีเรื่องจะไหว้วานคุณ ถ้าสำเร็จเดือนนี้ฉันจะส่งน้ำให้คุณเพิ่มอีก 10 ตัน”
กู้หมิงฉือดับบุหรี่ที่ด้านข้างของเขา จากนั้นเขาก็พูดอย่างจริงจัง “เรื่องอะไรมีค่าเท่ากับน้ำ 10 ตัน?”
ซูเถาส่งข้อมูลและรูปถ่ายของคู่พี่สาวน้องสาวผู้เสี้ยมสอนนั่นไป
“สองคนนี้ก่อปัญหาที่นี่ ถ้าคุณเจอก็ให้ส่งตัวพวกเธอมา แล้วฉันบรรจุน้ำใส่รถบรรทุกไปให้ทันที พวกเรามาร่วมมือกัน คุณส่งคนมา ส่วนฉันจะส่งน้ำไป”
กูหมิงฉือดูรูปภาพของพวกเธอ เขาไม่รู้จักคนทั้งสอง ดังนั้นเขาจึงมอบหมายให้ผู้ช่วยของเขาทำแทน “ไปตรวจสอบ”
จากนั้นเขาก็พูดกับซูเถา “ไม่มีปัญหา สามวัน อีกสามวัน รถ จงเกาอี้กับคนทั้งสองนี้จะไปถึงเถาหยาง เถ้าแก่ซู นี่เป็นความร่วมมือครั้งแรก ขอให้ราบรื่น”
ซูเถา “ราบรื่น ๆ”
หลังจากวางสายซูเถาก็ถอนหายใจ “มีพรรคพวกนี่ทำอะไรก็ราบรื่นไปหมด”
แต่เมื่อเห็นสายตาของสือจื่อจิ้นที่มองมา เธอก็พูดอีกหนึ่งประโยคด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“ถ้าไม่มีคุณกับพี่เผย ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเธอหนีไปที่ไหนแล้ว แน่นอนว่าเรื่องที่พวกคุณทำนั้นสำคัญกับฉันมาก กู้หมิงฉือก็แค่ช่วยเป็นธุระจับผู้ร้ายให้”
สือจื่อจิ้นมองไปทางอื่น
……
เดิมทีซูเถาไม่ต้องการให้ผู้เช่านั้นชดใช้ค่าเสียหาย แต่คิดไม่ถึงว่าในบ่ายวันนั้นหยางจวี๋มาในฐานะตัวแทนพบซูเถาเพื่อกล่าวคำขอโทษ
“นี่คือเงินชดใช้ค่าเสียหายจากพวกเราอาคาร 1 เป็นจำนวนเกือบ 30,000 เหลียนปัง ฉันขอโทษจริง ๆ นะเถ้าแก่ซู ฉันกลับไปถามเสี่ยวป๋อแล้ว เขาเสียสติไปแล้วจริง ๆ แต่เขาไม่ได้ตั้งใจ”
ซูเถาปฏิเสธ
“นี่ไม่ใช่ปัญหาของคุณ มันมีผู้ไม่หวังดีคอยยุยง พวกคุณแค่ตกเป็นเหยื่อ คุณกลับไปบอกทุกคนนะคะว่าเป็นพวกเราที่คัดกรองผู้เช่าไม่ดี พวกเราควรเป็นฝ่ายขอโทษมากกว่า แล้วเดี๋ยวทางเราจะส่งหนังสือขอโทษไปอีกทีนะคะ”
และซูเถาก็ทำตามสิ่งที่เธอพูด ไม่เพียงแต่ไม่รับเงินชดใช้ค่าเสียหายจากพวกเขา แต่เธอยังร่างจดหมายขอโทษอย่างเป็นทางการแล้วยังให้จวงหว่านแปะไว้บนบอร์ดในห้องโถงรับแขกของทั้งสองอาคาร
ตอนนี้ผู้เช่าทั้งหลายต่างก็ตกใจที่มีคนที่มีพลังวิเศษแบบนี้ อีกด้านหนึ่งพวกเขาก็ตกใจที่มีเจ้าบ้านที่ซื่อสัตย์ขนาดนี้ ซูเถาเลือกที่จะปกปิดความจริงก็ได้ แล้วปล่อยให้ผู้เช่าทุกคนแบกรับความสูญเสีย ปล่อยให้ทุกคนโทษตัวเอง
แต่เธอเลือกจะไม่ทำอย่างนั้น ทั้งยังขอโทษอย่างจริงใจ
หลังจากทุกคนสงบจากความโกรธที่พวกเขาถูกควบคุม หลงเหลือแต่เพียงความรู้สึกอบอุ่นที่เกิดขึ้นในใจ
ฟ่านฉวนฮุยยกกล้องขึ้นอย่างเงียบ ๆ แล้วถ่ายรูปจดหมายขอโทษ และปฏิกิริยาของผู้เช่า
ตกกลางคืน เขาก็นำรูปถ่ายนั้นออกมาพร้อมกระดาษและปากกา
เขาอยากที่จะบันทึกอะไรบางอย่างลงไป เพราะในอนาคตวันใดวันหนึ่ง เมื่อเขามองย้อนกลับมาที่ภาพถ่ายและข้อความเหล่านี้ เขาก็จะยังคงจำสัมผัสในตอนนั้นได้
เขียนอะไรลงไปดี งั้นเรียกว่า ‘ครึ่งชีวิตที่เหลือในเถาหยาง’ แล้วกัน
……
วันต่อมา ระบบได้คำนวณค่าเช่าสำหรับเดือนสี่ เธอได้รับเงินจำนวนมหาศาลถึง 180,000 เหลียนปัง ทำให้ซูเถามียอดเงินรวมประมาณ 190,000 เหลียนปัง
เธอเริ่มจากการเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศที่เสียหายก่อน จากนั้นจึงเปลี่ยนโต๊ะและเก้าอี้ใหม่ ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 15,000 เหลียนปัง เธอยังต้องจ่ายค่าสาธารณูปโภคเช่นพวกค่าน้ำค่าไฟอีก 3,300 เหลียนปัง ซึ่งแทบจะทำให้เธอหลั่งน้ำตา
ซูเถานำเงินสำรองในมือไปทำการบูรณะคลินิกอีกครั้ง
ไม่เพียงแต่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศเท่านั้น แต่ยังมีลานเล็ก ๆ พร้อมม้านั่งและร่มสำหรับบังแดด ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สำหรับผู้ป่วยที่รอตรวจ และไว้สำหรับคุณหมอมานั่งพักผ่อนเวลาเหนื่อยล้าจากการทำงาน
จากนั้นก็ได้ติดเครื่องปรับอากาศที่ชั้น 1 และ 2 ของอาคารสำนักงาน และติดตั้งที่อาคาร 1 อีก 6 ชั้น รวมไปถึงโรงอาหารชั้นบนและชั้นล่าง
เงินหายไปในครั้งเดียวมากกว่า 130,000 เหลียนปัง
แต่ว่าเครื่องปรับอากาศที่เป็นเป้าหมายของทุกคนนั้นสำเร็จแล้ว!
เธอยังมีเงินเหลืออยู่ 50,000 เหลียนปัง ไม่เลวเลย!
ในที่สุดเธอก็ขยายห้องเดี่ยวเพิ่มในพื้นที่ห้องพักของเธอ เพื่อใช้สำหรับเก็บของของสัตว์เลี้ยงทั้งสามตัว
เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติและเครื่องจำหน่ายอาหารกระป๋องสำหรับสัตว์เลี้ยงเธอวางชิดไว้ผนัง ส่วนชามข้าวและน้ำจะวางไว้ด้านข้าง ฝั่งตรงข้ามมีชั้นวางของสำหรับใส่ของกระจุกกระจิกต่าง ๆ
เบาะทรงกลมขนาดใหญ่ถูกวางไว้ในพื้นที่ว่างตรงกลาง ทันทีที่เธอวางเบาะลง เฮยจือหม่าก็วิ่งเข้าไปแล้วนอนเกลือกกลิ้งอย่างมีความสุข
ไป๋จือหม่าค่อย ๆ สูดดมกลิ่นอย่างระมัดระวัง และเริ่มใช้อุ้งเท้าเล็ก ๆ เหยียบเบาะนุ่ม ๆ ดูเหมือนว่ามันก็จะชอบมากเช่นกัน
เสวี่ยเตาแกว่งหางไปมาช้า ๆ มันเข้าไปนอนแทรกตรงกลางในขณะที่เฮยจือหม่ากำลังกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น แล้วนอนหลับลงตรงนั้นพร้อมกับเสียงกรน
ซูเถาชอบห้องของพวกเด็ก ๆ มาก มันเชื่อมต่อกับห้องนอนและห้องนั่งเล่น ซึ่งสะดวกมาก
ตอนนี้ห้องที่เธออยู่มีพื้นที่ครอบคลุมถึง 140 ตารางเมตร มีห้องครัวขนาดใหญ่ ห้องรับแขกขนาดใหญ่ ห้องนอนขนาดใหญ่พร้อมห้องทำงานและระเบียง ห้องน้ำอีกสองห้องและตอนนี้ก็มีห้องของสัตว์เลี้ยงเข้ามาเพิ่มเติม
หรูหราหมาเห่า
เธอชอบมันมาก มันเหมือนเป็นรังเล็ก ๆ ของเธอ ดูแล้วสบายหูสบายตา
แต่ว่าตอนนี้มันไม่ค่อยสะดวกเนื่องจากเธอพักที่ชั้น 2 ถ้าเถาหยางใหญ่กว่านี้ เธอจะสร้างวิลล่าให้ตัวเองสักหลัง
แต่ว่าเธอมีพื้นที่ไม่เพียงพอ ไม่มีทางสร้างอาคารที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้แล้ว เธอต้องเก็บพื้นที่ที่เหลือไว้สำหรับสร้างอาคารที่พักหมายเลข 3 ไม่เช่นนั้นจำนวนห้องจะไม่เป็นไปตามมาตรฐานการอัปเกรด
เธอยังอยากที่จะทำให้คลินิกนั้นใหญ่ขึ้น จากนั้นเธอก็จะสร้างห้องออกกำลังกายและห้องสมุด แล้วก็ยังอยากได้โรงเรียนอีก อีกทั้งเธอยังอยากที่จะเรียนรู้การสร้างฟาร์มจากตงหยาง เพื่อสร้างพื้นที่เพาะปลูกของตัวเอง…
เธอโลภมากจริง ๆ
ซูเถาไปที่ห้องทำงานแล้วหยิบพิมพ์เขียวที่ได้รับมาจากผู้อาวุโสเหม่ย มันมีทุกอย่างที่เธออยากได้อยู่ในแพลนนี้ แต่แค่ไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จเมื่อไหร่
หวังว่าวันนั้นจะมาถึงไว ๆ ก่อนที่วันสิ้นโลกครั้งที่สองจะเกิดขึ้น
สองวันต่อมา
กู้หมิงฉือทำตามที่รับปากไว้ เขาส่งคนทั้งสามพร้อมกับรถมาที่เถาหยาง
สื่อจื่อจิ้นกำชับ “พาเสวี่ยเตาลงไปด้วย”
ซูเถาจูงเสวี่ยเตาลงไปอย่างมีความสุขพร้อมกับเรียกจวงหว่านลงไปด้วย เธอเห็นรถบรรทุกขนาดใหญ่จอดอยู่ที่ประตูใหญ่และคนงานอีกหลายสิบคน มีชายที่ใส่ชุดแขนสั้นสีขาวและแว่นตาทรงกลมท่าทางดูสุภาพอ่อนโยนลงมาจากรถ
เมื่อเขาเดินมาตรงหน้าเธอ เธอก็ยื่นมือออกไปเพื่อแสดงความทักทาย
“หมอจงใช่ไหมคะ? ฉันซูเถาค่ะ ท่านนี้คือจวงหว่านค่ะ ผู้จัดการของเถาหยาง”
“สวัสดีครับ ผมจงเกาอี้”
ทั้งสามจับมือทักทายกันอย่างสุภาพ
ระหว่างทางที่มาอุณหภูมิน่าจะสูง จงเกาอี้มีเหงื่อออกเต็มตัว เสื้อแขนสั้นสีขาวด้านหลังเปียกโชก จวงหว่านเป็นผู้ช่วยที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เธอนั้นเอาใจใส่โดยการหาเครื่องดื่มเย็น ๆ มาให้เขาดื่ม
“หมอจง ดับกระหายก่อนค่ะ แล้วเดี๋ยวฉันจะพาคุณไปที่คลินิก”
หลังจากดื่มน้ำหมดหนึ่งแก้ว จงเกาอี้ก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา เขาประหลาดใจกับการที่เสิร์ฟน้ำพร้อมน้ำแข็ง เถาหยางนี้…น่าเสวยสุขจริง ๆ
ไม่ต้องพูดถึงว่าข้างนอกมีน้ำแข็งหรือเปล่า การที่มีน้ำดื่มก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
เขาพูดว่า “สองคนนั้นถูกมัดอยู่ที่หลังรถ พวกเธอหมดสติจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น คุณคิดว่าควรจะจัดการอะไรก่อนดี ถ้าไม่นำพวกเธอออกมาตอนนี้ ทั้งสองอาจจะต้องตายอยู่ด้านใน”
ซูเถาเรียกเมิ่งเสี่ยวป๋อและชายหนุ่มอีกหลายคนเพื่อมาช่วยพาหญิงสาวทั้งสองออกมาจากรถ
“เถ้าแก่ซู ให้พาไปไว้ที่ไหน?”
“พาไปที่ห้องทำงานของฉัน และหาเก้าอี้มามัดพวกเธอเอาไว้ ฉันกลัวว่าเมื่อพวกเธอตื่นขึ้นจะสร้างปัญหา เราจะพาหมอจงไปที่คลินิกก่อนแล้วค่อยมาจัดการทีหลัง แล้วอย่าให้ใครเข้ามาใกล้อาคารสำนักงานนี้เด็ดขาด อย่าให้มีเรื่องราววุ่นวายแบบครั้งก่อนอีก”
กวานจือหนิงทำท่าทางตอบรับเหมือนรับคำสั่งผู้บังคับบัญชา
ซูเถาพูดอย่างสุภาพ
“หมอจงคะ เชิญทางนี้ค่ะ หลังจากนี้ฉันรบกวนคุณอยู่ที่เถาหยางเพื่อช่วยตรวจโรค ห้องอาจจะเล็กไปหน่อยนะคะ ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมบอกฉันได้ค่ะ”
จงเกาอี้คิดว่าแค่มีห้องให้เขาตรวจโรคและที่นั่งเขาก็พอใจแล้ว เขาไม่ได้ต้องการอะไรมาก และขอแค่ไม่ร้อนเท่านั้นก็พอ
เมื่อก่อนตอนอยู่ที่เขตตะวันออก เขาอยู่ในห้องพักรวม โต๊ะของเขาถูกจัดไว้ริมหน้าต่างในห้องนั่งเล่น โดยปกติแล้วผู้ป่วยหรือเพื่อนร่วมห้องก็จะเดินผ่านไปมา ซึ่งมีเสียงดังรบกวนและสกปรก พอถึงเดือนห้า การนั่งอยู่ข้างหน้าต่างแบบนี้มันแทบจะกลายเป็นห้องอบซาวน่า