ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 66 คุณก็ดื่มด่ำเพลิดเพลินกับสิ่งที่คุ้นเคย และบรรเทาความอ่อนล้าในเถาหยางละกัน
- Home
- ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก
- ตอนที่ 66 คุณก็ดื่มด่ำเพลิดเพลินกับสิ่งที่คุ้นเคย และบรรเทาความอ่อนล้าในเถาหยางละกัน
ตอนที่ 66 คุณก็ดื่มด่ำเพลิดเพลินกับสิ่งที่คุ้นเคย และบรรเทาความอ่อนล้าในเถาหยางละกัน
ตอนที่ 66 คุณก็ดื่มด่ำเพลิดเพลินกับสิ่งที่คุ้นเคย และบรรเทาความอ่อนล้าในเถาหยางละกัน
วันรุ่งขึ้นที่จงเกาอี้กลับไปถึงเขตตะวันออก กู้หมิงฉือก็โทรมาทักทายเธอ
“เถ้าแก่ซูเก่งในการซื้อหัวใจคนจริงนะ ไม่ต้องพูดถึงหมอจง แค่พนักงานขนส่งที่ผมส่งไปก็กลับมาบอกว่าคุณทั้งสวยแถมยังใจดีอีกต่างหาก”
ซูเถากําลังยุ่งอยู่กับการให้อาหารเจ้าปุกปุย
“บอสกู้มีอะไรพูดมาตรง ๆ เลยดีกว่า ถ้าคุณแค่สงสัยว่าฉันต้องการซื้อตัวคนของคุณไหม เกรงว่าสายนี้ที่โทรมาคงต้องจบแล้วล่ะ คนก็คือคนของคุณ คนที่คุณดูแลได้ไม่ดีเขาจะหนีมาก็เป็นคุณที่ต้องรับผิดชอบ อย่ามาโทษฉัน”
กู้หมิงฉือเอ่ยเสียงเย็นชา
“ซูเถา ผมไม่สนใจว่าคุณจะคิดยังไง แต่ผมหวังว่าคุณจะไม่ข้ามเส้น และรักษาความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรเพื่อให้ผมมีน้ำที่จะใช้และคุณยังมีแพทย์ให้รับการรักษา คุณว่าไง”
จู่ ๆ ซูเถาก็หยุดการเคลื่อนไหวในมือของเธอ
“คุณกําลังข่มขู่ฉันอยู่หรือเปล่า? ฉันเพิ่งให้ฐานะทางสังคมที่สมเหตุสมผลแก่จงเกาอี้ และฉันก็ไม่ต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อดึงเขามาจากคุณ ถ้าฉันต้องการทําอย่างนั้นจริง ๆ ฉันสามารถให้เขาในสิ่งที่คุณให้ไม่ได้ทั้งสิทธิ์และฐานะทางสังคม แต่คุณไม่ได้ทำอย่างนี้เลย”
“กู้หมิงฉืออย่าใช้สายตาที่ระแวดระวังของคุณมาคาดเดาความคิดของฉัน แม้ว่าฉันจะต้องการคนมีความสามารถ ฉันก็จะเปิดรับสมัครพวกเขาด้วยวิธีที่ตรงไปตรงมา ถ้าคุณกลัวว่าผู้คนจะหนีไปจริง ๆ ตอนนี้เราก็มายุติความร่วมมือกัน ไม่ต้องให้หมอจงมาที่นี่อีก สิ่งนี้มีประโยชน์มากกว่าการข่มขู่ฉันครั้งแล้วครั้งเล่า!”
พูดจบหญิงสาวก็วางสายทันที
กู้หมิงฉือถามจงเกาอี้ที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยใบหน้าที่มืดมน
“นายอยู่ในเถาหยางตั้งหลายวัน ซูเถาไม่ได้รับปากว่าจะให้สิทธิประโยชน์อะไรกับนายเหรอ?”
จงเกาอี้อยากจะสาบานต่อสวรรค์จริง ๆ “นอกเหนือสิทธิประโยชน์ที่ได้รับชีวิตประจําวันเช่นเดียวกับพนักงานคนอื่น ๆ แล้วไม่มีผลประโยชน์และภาระผูกพันใด ๆ เธอไม่เคยพูดกับผมเพียงลำพัง หากผมมีเรื่องอะไรก็จะให้ผมติดต่อผู้จัดการของเธอ”
ใบหน้าของกู้หมิงฉืออ่อนลงเล็กน้อย และเขาส่งเสียงสบถอย่างเย็นชา “เธอไม่ได้โกหกฉัน”
เมื่อคิดถึงคำพูดที่เธอเพิ่งพิสูจน์ตัวเอง ก็รู้สึกตัวว่าเข้าใจอีกฝ่ายผิดไปจริง ๆ
จงเกาอี้รู้ว่าเขาเหมือนคนห่วงของ แม้ว่าคนหรือสิ่งของของเขาจะไม่ได้หายาก แต่เขาจะไม่ยอมให้คนอื่นแตะต้องแม้แต่น้อย
ดังนั้นเมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเขาดีขึ้นแล้ว เขาพูดอย่างมีไหวพริบไปอีกหนึ่งประโยค
“ต้องมีเรื่องอะไรที่ผมทำไม่ดีแน่ถึงทำให้ผมและเถ้าแก่ซูเข้าใจผิดกัน ครั้งหน้าไปเถาหยางผมคงจะต้องขอโทษเถ้าแก่ซูแล้ว”
ซึ่งเป็นคำขอโทษของเขาที่ไหน มันคือการขอโทษที่เจ้านายของเขาตําหนิซูเถาอย่างไม่ถูกต้องต่างหาก
เมื่อกู้หมิงฉือได้ยินอย่างนั้นซึ่งก็ตรงใจเขาพอดี และเขาก็พอใจมาก
“ควรขอโทษสักหน่อย” ตราบใดที่มันไม่ใช่เขาขอโทษ
……
เมื่อเธอมาถึงสํานักงานจวงหว่านเห็นว่าสีหน้าของซูเถาดูไม่ดีนัก จึงถามว่ามีอะไรผิดปกติไหม
ซูเถาอธิบายสั้น ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่ และไม่ลืมที่จะบ่นอุบอิบอย่างไม่พอใจ
“คนแซ่กู้นั้นขี้งกจริงๆ เป็นเหมือนหนูจ้องมองที่ดินสามจุดหนึ่งเอเคอร์ของตัวเองทั้งวัน เพราะกลัวว่าจะมีคนมาบุกรุก”
จวงหว่านลังเลและถามอย่างเป็นห่วง
“คงไม่ใช่ว่าต่อไปหมอจงจะไม่ได้มาที่นี่แล้วหรอกนะ?”
ซูเถากล่าว “ตราบใดที่สมองของกู้หมิงฉือยังไม่พิการ เขาจะต้องให้หมอจงมาที่นี่แน่นอน”
จวงหว่านถอนหายใจ “ฉันเกือบจะคิดว่าหมอจงเป็นคนของเราแล้ว ทุกคนที่นี่ชอบเขา โดยเฉพาะเฉินซี ฉันไม่เคยเห็นเด็กคนนี้ยึดติดกับใครมาก่อนเลย”
ซูเถามองออก “ตลอดห้าวันที่เขาอยู่ในเถาหยาง เขาก็ถือว่าเป็นคนของเรา”
ในตอนบ่ายจวงหว่านไปรับผู้เช่ากลุ่มสุดท้าย และซูเถาวางแผนให้กวานจือหนิงขับรถพาเธอไปที่ฟาร์มเพื่อซื้อเนื้อกลับมา
พวกเขาออกไปก็ได้พบกับสองสามีภรรยาจากหน่วยงานการเกษตร เมื่อพวกเขาเห็นใบหน้าของกวานจือหนิงก็แสดงอาการเหม็นเบื่อ และผู้หญิงคนนั้นก็ยิ่งจ้องมองกวานจือหนิงอย่างดุร้าย ก่อนจะสะบัดผมเดินจากไป
ซูเถาถามกวานจือหนิงอย่างสับสน “คุณมีเรื่องบาดหมางกันเหรอ”
กวานจือหนิงรู้สึกขยะแขยง “ฉันนำเรื่องความสกปรกและความวุ่นวายของพวกเขารายงานต่อหัวหน้าของพวกเขา แต่ฉันไม่คิดว่าสองคนนี้จะเกี่ยวข้องกับหัวหน้าหน่วยงานการเกษตรจริง ๆ”
ซูเถาเบิกตากว้างขึ้น “ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงทํางานอยู่ในหน่วยงานการเกษตรใช่ไหม”
กวานจือหนิงพยักหน้าอย่างไม่สบายใจ “ยังทําอยู่ หัวหน้าหน่วยนั้นยังแอบไปฟ้องพลตรีสือว่าฉันยุ่งเรื่องของพวกเขามากไป แต่ถูกพลตรีสือดุกลับไปแล้ว เรื่องนี้ยังลากยาวจนไม่เป็นผลดี ยังไงซะฉันกับพวกเขาก็ผูกปมกันแล้ว”
ซูเถาไม่มีทุนมากพอที่จะแทรกแซงกิจการของตงหยาง ดังนั้นจึงพูดอะไรมากไม่ได้
แต่ยิ่งกวานจือหนิงคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น
“มันน่าขยะแขยงมาก คุณไม่รู้เหรอว่าฉันสังเกตเห็นหมาอิ่งผู้หญิงคนนั้น เล็บของเธอเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก เรื่องที่พวกเขาเอามือล้วงในถุงข้าวเพื่อเก็บตัวอย่างไปตรวจสอบก็ช่างเถอะ แต่สามีภรรยาคู่นี้ไม่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยทั้งเดือน ตอนนี้อากาศข้างนอกร้อนขนาดนี้…”
ซูเถารีบหยุดเธอ “ไม่ต้องพูดแล้ว” ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อกี้ที่ทั้งสองคนเดินผ่านมา และจะนำกลิ่นเหม็นเปรี้ยวมาด้วย!
มันยากที่จะจินตนาการถึงการให้คนสกปรกแบบนี้มาดูแลอาหาร ถ้าครอบครัวในของตงหยางรู้แล้วพวกเขายังสามารถกินได้เหรอ
แต่กวานจือหนิงกินไม่ลง ช่วงนี้เธอไม่ได้ไปรับสวัสดิการธัญพืชและน้ำมันของกองทัพบุกเบิก ทั้งการกินการดื่มเธอใช้ของในเถาหยางทั้งหมด
หลังจากไปที่ฟาร์มแล้วเที่ยวหนึ่ง ซูเถาใช้คะแนนสมทบ 500 คะแนนเพื่อซื้อซี่โครงหมูสองชิ้นและเนื้อสันในหนึ่งชิ้น รวมถึงเครื่องในสัตว์หนึ่งกิโลด้วย รวม ๆ แล้วไม่ถึงสี่กิโลกลับมาด้วย
เธอรู้สึกทุกข์ใจอย่างประหลาด “ราคาของเนื้อนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อไม่นานมานี้ได้ยินคุณย่าเฉินบอกว่าหมูหนึ่งจินราคา 20 คะแนนสมทบ ตอนนี้นี่ทวีคูณไปกี่เท่าแล้ว”
กวานจือหนิงกล่าวว่า “ผลผลิตไม่ดีนัก ในสภาวะอากาศร้อนแบบนี้ปศุสัตว์มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคง่าย และอัตราการรอดชีวิตของลูกสุกรก็ไม่สูงนัก”
ระหว่างทางกลับขณะที่ซูเถานั่งอยู่ในรถแต่อากาศร้อนจนเหงื่อออก เธอจึงขอให้กวานจือหนิงเปิดแอร์ให้
แต่กวานจือหนิงปฏิเสธเธอ “แม้ว่ารถนี่จะเป็นของคุณ แต่ฉันก็อยากจะเตือนคุณว่าการเปิดแอร์ในรถนั้นใช้เชื้อเพลิงจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้น้ำมันก็หาซื้อยากมาก อดทนอีกหน่อยก็ถึงแล้ว คุณก็ดื่มด่ำเพลิดเพลินกับสิ่งที่คุ้นเคย และบรรเทาความอ่อนล้าในเถาหยางละกัน…”
เมื่อซูเถาได้ยินเรื่องนี้ เธอก็เปิดแผงระบบทันที เพื่อค้นหาน้ำมันในร้านขายสิ่งอํานวยความสะดวกสาธารณะ และแน่นอนว่าเธอพบตู้จ่ายน้ำมัน ในราคา 15,000 เหลียนปังซึ่งสามารถเติมน้ำมันให้รถของเธอได้สี่ครั้ง ต้นทุนก็ราว 10,000 เหลียนปัง
ราคาไม่แพง เปิด!
ในที่สุดกวานจือหนิงก็ต้องเปิดแอร์อย่างจำยอม แต่ปากกลับไม่ไว้ชีวิตเธอ
“ไม่นานมานี้ฉันได้ยินข่าวว่าปริมาณการสกัดน้ำมันไม่ดีเท่าเมื่อก่อน ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือราคาของมันหายากและล้ำค่ามาก”
ซูเถาคิดขึ้นทันทีว่าบางทีเธออาจจะสร้างปั๊มน้ำมันขนาดเล็กในเถาหยาง มีผู้เช่าที่มีรถยนต์ในเถาหยางไม่มากนักติดตั้งเครื่องจ่ายน้ำมันสักสองตู้ก็น่าจะพอ
แต่ก็ต้องสร้างโรงจอดรถ เพื่ออํานวยความสะดวกในการขับรถเข้าและออกจากเถาหยาง มิฉะนั้นมาจอดรถหน้าโรงอาหารทุกวันก็กีดขวางทางเดิน
พอดีที่วันนี้มีผู้เช่ารายใหม่ย้ายเข้ามา เธอจึงได้รับเงินค่าเช่า 55,000 เหลียนปัง ในที่สุดเธอก็มีเงินอยู่ในมือมากขึ้น และสามารถเลือกกระเบื้องปูพื้นที่ดีกว่าเดิมเล็กน้อยจากร้านค้าสิ่งอํานวยความสะดวกสาธารณะเพื่อมาปูทางเดินให้กับเถาหยางได้
เมื่อเธอมาถึงบ้านซูเถาต้องจัดการเนื้อและเครื่องในที่เธอซื้อมาก่อน แม้ว่าในใจเธอจะยังกังวลเกี่ยวกับการก่อสร้างมาตลอดทางก็ตาม
เสวี่ยเตาโตแล้ว แรงกัดของมันลดลงเล็กน้อย ซูเถาหั่นเนื้อสันในเป็นชิ้นเล็กและผสมกับอาหารสุนัขเพื่อให้มันกิน หลังจากกินอาหารแสนอร่อยที่เลียจนจานสะอาดเกลี้ยงเกลาเสร็จแล้วก็กระดิกหางอย่างเมามันเพื่อแสดงว่าเขามีความสุขมาก
พวกแมวเด็กชอบกินเครื่องใน
ถือโอกาสตอนพวกมันยังกินอาหารแปรงขนของพวกมันอย่างระมัดระวัง แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกมึนงง วิงเวียนเล็กน้อย ราวกับว่าเห็นภาพสองภาพซ้อนทับกันในระยะการมองเห็น