ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 67 เสวี่ยเตาจะรับอันตรายแทนเธอ และนี่คือภารกิจของมัน
- Home
- ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก
- ตอนที่ 67 เสวี่ยเตาจะรับอันตรายแทนเธอ และนี่คือภารกิจของมัน
ตอนที่ 67 เสวี่ยเตาจะรับอันตรายแทนเธอ และนี่คือภารกิจของมัน
ตอนที่ 67 เสวี่ยเตาจะรับอันตรายแทนเธอ และนี่คือภารกิจของมัน
ภาพแรกคือแผ่นหลังดำขลับของเฮยจือหม่าที่อยู่ตรงหน้า และอีกภาพหนึ่งคือภาพที่เต็มไปด้วยอวัยวะภายใน
ซูเถาตระหนกตกใจ แต่เมื่อเพ่งมองอีกครั้งสายตาก็กลับมาเหมือนเดิม ก็เห็นเพียงหลังดำ ๆ ของเฮยจือหม่า
เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นนะ?
ทำไมเธอรู้สึกราวกับว่าตนเองสามารถเห็นอวัยวะภายในของเฮยจือหม่าได้นะ? ราวกับกลายเป็นตัวมันไปเลย?
ซูเถาส่ายหัวและรู้สึกว่าตนอาจจะง่วงนอนแล้ว ดังนั้นหลังจากให้อาหารเด็ก ๆ เสร็จแล้ว ก็รีบเข้านอนทันที
คืนนี้ยังต้องทำงานอีก
ตอนเที่ยงคืน ซูเถาลุกขึ้นและรีบไปยังสถานที่ก่อสร้าง โดยเริ่มจากปูกระเบื้องรอบน้ำพุด้วยกระเบื้องมันวาวสีขาวนวล ซึ่งสะท้อนแสงจันทร์ที่สว่างไสวแม้ในยามราตรี ทั้งสวยงามและสะอาดตาเป็นพิเศษ
จุดอื่น ๆ ปูด้วยอิฐยาวสีครามแบบโบราณ ให้ความรู้สึกมีสไตล์
เมื่อปูกระเบื้องเสร็จแล้ว และมองจากประตูใหญ่เข้าไป จะเห็นทั้งเถาหยางเป็นรูปลักษณ์ใหม่ สภาพใกล้เคียงกับช่วงก่อนวันสิ้นโลก
ซูเถายังซื้อโคมไฟติดที่ถนนที่สว่างเป็นพิเศษจากร้านขายสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ และอีกสองดวงในสวนสาธารณะส่วนกลางก็สว่างไสวเหมือนเป็นกลางวัน
จากนั้นซูเถาก็เริ่มเลือกสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อสร้างปั๊มน้ำมันขนาดเล็ก
ตอนนี้เถาหยางไม่มีพื้นที่เปิดโล่งมากนัก เมื่อหาไปหามาก็พบว่าคงเป็นด้านหลังของห้องน้ำที่เหมาะสมที่สุด หลังจากซื้อเครื่องจ่ายน้ำมันสองเครื่องก็สร้างโรงรถที่สามารถจอดรถยนต์ได้สองคัน
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดคือ 50,000
เงินที่เหลืออยู่ในมือก็เพียงพอที่จะขยายและปรับปรุงห้องชุด 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น
หลังจากการก่อสร้าง ซูเถาก็ยากจนลงอีกครั้ง และทำได้เพียงอธิษฐานว่าห้องชุด 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นที่สร้างขึ้นใหม่จะหาผู้เช่าที่เหมาะสมได้ในไม่ช้า
ก่อนที่จะกลับไปนอน ซูเถายังทดลองใช้ตู้จ่ายน้ำมันดู ซึ่งสะดวกมากไม่มีข้อจํากัดมากเท่ากับตู้จ่ายน้ำมันจริงช่วงก่อนสิ้นโลก เพราะเพียงแค่ดึงปืนแก๊สออกมาใส่เข้าในถังน้ำมันก็โอเคแล้ว
อีกครึ่งเดือนเมื่อต้องออกเดินทางไปกับพวกสือจื่อจิ้นก็ไม่ต้องกังวลว่าน้ำมันจะหมด
ก่อนจะไปก็ค่อยตุนน้ำมันไปด้วยสักสองสามถังเต็ม ๆ อาหารเครื่องดื่มและทุกอย่างก็อัดแน่นไปในรถ สิ่งเดียวที่กังวลคือเธอกลัวว่าสือจื่อจิ้นจะแอบออกเดินทางไปโดยไม่พาเธอไป
คนน่ารังเกียจ
วันรุ่งขึ้นซูเถาประกาศ ‘ข้อบังคับการใช้ปั๊มน้ำมันของเถาหยาง’ โดยระบุว่าผู้เช่าที่มีรถยนต์สามารถไปหาจวงหว่านเพื่อขอสิทธิ์ในการใช้ปั๊มน้ำมันได้ แต่ให้เพื่อการใช้งานรถของตนเองเท่านั้น และไม่ได้รับอนุญาตให้ขายต่อ
คนอื่น ๆ ที่ไม่มีรถจะไม่ได้รับสิทธิ์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะมากับการขายน้ำมันไปให้ข้างนอกในราคาสูง
ทันทีที่ข่าวนี้ออกมากวานจือหนิงทนนั่งอยู่ไม่ไหวจนต้องวิ่งไปถามเธอ
“ปั๊มน้ำมันคุณก็ทำมันได้เหรอ คุณสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง อย่างไร่? หรือฟาร์ม?”
ซูเถาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตอนนี้ยังไม่สามารถทำได้ แต่ในอนาคตบางทีอาจจะทำได้”
เมื่อระบบได้รับการอัปเกรด จํานวนร้านค้าที่ปลดล็อกจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เมื่อถึงเลเวล 5 น่าจะมีพวกร้านขายพืชผลร้านขายอาหารสัตว์
กวานจือหนิงมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า
“ฉันมีลางสังหรณ์ว่าอดีตผู้นำกองทัพน่าจะอยากพบคุณ”
ซูเถาตะลึง “ทำไมกัน?”
กวานจือหนิงเล่าว่า “ตอนนี้ตงหยางขาดน้ำและน้ำมัน ซึ่งประจวบเหมาะกับที่คุณมีทุกอย่าง”
แน่นอนว่าในวันที่สามของคําทํานายของกวานจือหนิง เผยตงกลับมาหาซูเถาเป็นการส่วนตัว และขอให้เธอไปที่เขตทหารตงหยาง
ซูเถาทิ้งจดหมายให้จวงหว่านและขึ้นรถของเผยตงไป
ระหว่างทางเผยตงถามเธอว่า “ได้ยินพลตรีสือเล่าว่า เธออยากต้องการติดตามพวกเขาออกจากฐานใช่ไหม ฉันถามได้ไหมว่าทําไม เธอดูไม่ใช่คนที่จะเสี่ยงอันตรายโดยไม่มีเหตุผล”
ซูเถาสับสนอยู่สองวินาทีและพูดว่า “ถ้าพูดถึงจุดประสงค์ของฉัน ก็คงเหมือนกับพลตรีสือ เพื่อไปหาวัสดุก่อสร้าง คุณเชื่อไหม”
เผยตงตกตะลึง และเอ่ยเสียงค่อย “ถ้าเป็นเธอพูด ฉันจะเชื่อ ฉันจะช่วยเธอพูดอีกแรงก็แล้วกัน”
ซูเถาเอนกายพิงหลังกับเบาะที่นั่งข้างคนขับ และเอียงศีรษะเพื่อมองเธอ “พี่เผย คุณดีกับฉันมากจริง ๆ”
เผยตงยิ้ม “เธอนั่งให้ดี ใกล้ถึงแล้ว”
หลังจากลงจากรถ ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย และการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน ในที่สุดซูเถาก็ได้พบกับบุคคลในตํานานคนนี้ในตงหยาง สิงหงเหวิน
ซูเถาได้ยินเรื่องราวของเขาตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนั้นตงหยางเป็นเพียงเขตขนาดเล็ก หลังจากไวรัสซอมบี้ระบาดเมืองก็ล่มสลายอย่างรวดเร็ว สิงหงเหวินได้รับคำสั่งให้มาช่วยเหลือผู้รอดชีวิต แต่ไม่ได้คาดคิดว่าจะถูกล้อมเมือง เขายืนกรานที่จะปกป้องเมืองเป็นเวลาสามเดือนและขับไล่ฝูงซอมบี้ไปได้อย่างน่าอัศจรรย์
ตั้งแต่นั้นมา สิงหงเหวินด้านหนึ่งก็เริ่มนําผู้รอดชีวิตในท้องถิ่นไปมีส่วนร่วมในการก่อสร้าง ในขณะที่ด้านหนึ่งก็ปกป้องเมือง และเป็นเวลา 20 ปีของความพยายามอย่างอุตสาหะ เขาได้ปลูกฝังคนมีความสามารถมากมายเช่นเผยตงและสือจื่อจิ้น
แม้ว่าตงหยางจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็กลายเป็นที่พักพิงสําหรับผู้คนหลายพันคนในปีนั้น ซึ่งเป็นแสงสว่างในวันสิ้นโลก
จะบอกว่าเขาเป็นผู้กอบกู้ตงหยางก็คงไม่มากไป
ซูเถายังคงเคารพเขามาก เมื่อมาเจอเขาครั้งแรกเธอก็ดึงมารยาททั้งหมดที่พึงมีออกมา
สิงหงเหวินกวักมือเรียกให้เธอนั่งลง “เด็กดีอย่าเกรงใจเลย ตาเฒ่าอย่างฉันก็ไม่ขอชักแม่น้ำทั้งห้าแล้วนะ ครั้งนี้ที่เชิญเธอมาด้วยความหวังว่าเถาหยางจะช่วยส่งทรัพยากรน้ำและเชื้อเพลิงเพื่อมารับมือกับความยากลําบากครั้งนี้สักหน่อย แน่นอนว่าฉันสิงหงเหวินไม่ใช่คนที่เอาเปรียบใคร จะให้ค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อกับเธอ เธอจะถือว่านี่เป็นความร่วมมือหรือธุรกิจก็ได้”
ซูเถาครุ่นคิดอยู่ครึ่งนาทีแล้วพูดว่า
“เรื่องน้ำฉันเคยสัญญากับพี่เผยและพลตรีสือไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉันยินดีที่จะให้ฟรี สําหรับน้ำมัน ท่านแค่หาคนไปที่เถาหยางก็ได้แล้ว ฉันเกิดในตงหยาง เติบโตที่ตงหยาง จะบอกว่าฉันเติบโตมาภายใต้การคุ้มครองของท่านก็ได้ ความช่วยเหลือนี้ไม่สามารถพูดคุยแบบความร่วมมือหรือธุรกิจได้ ท่านไม่จําเป็นต้องเกรงใจขนาดนั้น เรื่องค่าตอบแทนก็ไม่จําเป็น”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นสิงหงเหวินรู้สึกเศร้าอยู่ในใจ “เธออายุเท่าไหร่?”
ซูเถาเอ่ย “ปีนี้ฉันอายุสิบแปดค่ะ”
ทันใดนั้นสิงหงเหวินก็ได้รู้ว่าสถานที่ที่เขาปกป้องมายี่สิบปีสามารถเลี้ยงดูเด็กที่ดีเช่นนี้ได้จริง
ในท้ายที่สุดซูเถายังคงได้รับผลประโยชน์จากคุณปู่ผู้นำ
ประการที่หนึ่งคือการให้นิวเคลียสสามตัวของซอมบี้วิวัฒนาการ
ประการที่สองคือครึ่งเดือนต่อมาอาวุธพลังงานคริสตัลชุดแรกที่ฉางจิงพัฒนาจะติดตั้งให้เธอใช้งาน
ประการที่สามและสําคัญที่สุด โดยมีเผยตงเป็นคนพูดให้ คือซูเถาได้รับอนุญาตให้ไปปฏิบัติภารกิจกับสือจื่อจิ้นได้
ระหว่างทางกลับเผยตงยังคงสั่งการอย่างไม่วางใจ
“เธอต้องจําไว้ว่าเธอต้องพกเสวี่ยเตาไปด้วยทุกที่ อย่ามองว่ามันแก่แล้ว มันได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เล็ก ไม่เพียงแต่คุ้นเคยกับลมหายใจของกู้หมิงฉือเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนร้ายบางคนที่หลบหนีจากตงหยางไปด้วย นอกจากนี้สัมผัสของมันไวต่อเสียงและกลิ่น สามารถช่วยเธอให้หลีกหนีจากอันตรายได้ แม้ว่า…แม้ว่ามันจะตกอยู่ในอันตราย มันก็จะรับอันตรายแทนเธอ และนี่คือภารกิจของมัน”
เมื่อซูเถาได้ยินประโยคสุดท้ายก็เหมือนเข็มทิ่มแทงหัวใจ
เธอทนไม่ไหวจริง ๆ เธอเลี้ยงดูเสวี่ยเตาเป็นลูกของเธอแล้ว เป็นแก้วตาดวงใจของเธอเหมือนกับพวกจือหม่า
ดูแลระวังภัยให้ทุกอย่าง และจะไม่ให้ใครมาทำร้ายลูก ๆ ข้างกายเธอได้สักตัว
เผยตงคนยุ่งมาส่งเธอที่เถาหยาง และขับรถกลับไปแล้ว
ซูเถามองไปรอบ ๆ ในเหมือนเป็นหัวขโมยเพื่อดูว่ามีเงาสือจื่อจิ้นอยู่แถวนี้ไหม และรีบวิ่งเข้าไปในอาคารที่พัก
แม้ว่าเธอจะได้รับอนุญาตจากคุณปู่ผู้นำแล้ว แต่กับสือเหล่าต้าเธอยังเข้าไม่ถึง เธอทำลงไปโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงเขาสักสองสามวัน แล้วค่อยเกลี้ยกล่อมเขาตอนที่ความโกรธบรรเทาแล้ว
ทั้ง ๆ ที่เธอคำนวณไว้ดีแล้ว แต่ก่อนที่เธอจะไปถึงประตูห้องของตนเองบนชั้นสาม เธอถูกเหล่าต้าที่นั่งตรงบันไดนานแล้วขวางไว้
สือจื่อจิ้นไม่ได้มีท่าทางโกรธเคือง เขาเพียงยืนพิงกําแพง แสงระหว่างทางเดินดึงร่างของเขาให้ดูเรียวขึ้น และหล่อขึ้นกว่าเดิมอย่างไร้เหตุผล
รอยยิ้มของเขาซ่อนอยู่ในเงามืด
“กลับมาแล้วเหรอ?”
ฝีเท้าของซูเถาหยุดชะงัก และเงียบไปสองวินาทีก่อนจะพูดว่า
“ขอโทษนะคะ ฉันมาผิดชั้นแล้ว”
เมื่อพูดอย่างนั้นแล้วก็รีบดึงขากลับวิ่งลงชั้นล่างไป