ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 80 เถ้าแก่ซู ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวฉันก็จะไปกับคุณ
- Home
- ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก
- ตอนที่ 80 เถ้าแก่ซู ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวฉันก็จะไปกับคุณ
ตอนที่ 80 เถ้าแก่ซู ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวฉันก็จะไปกับคุณ
ตอนที่ 80 เถ้าแก่ซู ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวฉันก็จะไปกับคุณ
ขณะที่เขาพูด รถดัดแปลงที่ดูเกินจริงก็ขับออกมาจากฐาน ชายร่างท้วมคนหนึ่งเดินลงจากรถ และเข้าทักทายสือจื่อจิ้นด้วยความดีใจ
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ก็มีคนมานําทางขบวนรถเข้าไปในฐานทีละคัน ๆ
ซูเถากลับเข้าไปนั่งในรถอีกครั้ง หยิบเครื่องสื่อสารออกมาตรวจสอบสัญญาณ ซึ่งก็พบว่ามีสัญญาณแล้วจริง ๆ
เธอรีบโทรหาจวงหว่านเพื่อรายงานความปลอดภัย จากนั้นก็โทรหาผู้อาวุโสเหม่ย
เมื่อผู้อาวุโสเหม่ยเห็นว่าเธอโทรมาก็โล่งใจมาก “หนูเถา ไปถึงโส่วอันแล้วใช่ไหม”
“ถึงแล้วค่ะ ถ้าฉันเข้าไปในฐานแล้วจะช่วยตามหาคุณปู่อู๋เจี้ยนอี้ให้นะคะ”
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เรื่องนี้เป็นเรื่องรอง แต่เธอต้องระวังตัวด้วยล่ะ ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้โส่วอันไม่ค่อยสงบ มีคนตายไปแล้วไม่น้อยเลย”
ซูเถารับปาก จากนั้นก็อธิบายเรื่องค้างคาใจของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง
ฟังจบแล้วผู้อาวุโสเหม่ยก็เงียบไปครู่หนึ่ง
“หนูเถา ฉันแนะนำว่า ตอนนี้ควรหยุดใช้เงินในการก่อสร้างเถาหยางก่อน เพื่อเก็บเงินไว้ซื้อไร่ของตงหยาง”
ซูเถาตกตะลึง “ซื้อไร่?”
ผู้อาวุโสเหม่ยกล่าวว่า “ระหว่างทางเธออาจจะไม่ได้ยินข่าวใหม่ เมื่อวานไร่ของตงหยางถูกไฟไหม้ พืชผลทางการเกษตรที่กำลังเติบโตเต็มที่ถูกทำลายไปกว่าครึ่ง ซ้ำยังคร่าชีวิตเกษตรกรไปกว่าสี่สิบหกราย”
ซูเถาอกสั่นขวัญแขวน “เกิดอะไรขึ้น คุณแม่เฉียนเป็นยังไงบ้างคะ?”
ผู้อาวุโสเหม่ยถอนหายใจ “เสี่ยวเฉียนไม่เป็นไร วันนั้นเธอหลบอยู่ในไร่ เพราะอุณหภูมิสูงเกินไป และในสวนมีวัตถุไวไฟ ทำให้ไม่มีใครทันระวังจนเกิดไฟลุกขึ้นมา พอมีคนมาเจอไฟก็ลามไปจนควบคุมไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงช่วยช่างเทคนิคออกมาได้ไม่กี่คนและผักอีกไม่เท่าไหร่”
“ตอนนี้ตงหยางสูญเสียอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญอย่างพื้นที่เพาะปลูกไปแล้ว หากไม่มีใครเข้าไปครอบครองก่อนที่ข้าวที่สำรองไว้จะหมด ตงหยางก็จะต้องซื้อข้าวจากฐานอื่นในราคาสูง ไม่อย่างนั้นผู้คนจะอดตายกันหมด”
ซูเถาถึงกับเหงื่อตกเมื่อได้ยินเรื่องนี้
ผู้อาวุโสเหม่ยกล่าวต่อ
“ฉันแค่ให้คําแนะนํา เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริงของเธอ หากไม่สามารถเข้าไปช่วยรับมือต่อได้จริง ๆ ก็ไม่บังคับ ฉันเชื่อว่าอดีตผู้นำกองทัพต้องมีวิธีการรับมือ เธอไม่ต้องกดดัน แน่นอนว่าหากประสบความสําเร็จในการซื้อพื้นที่ไร่ เถาหยางจะมีอุตสาหกรรมหลักของตัวเอง ซึ่งในอนาคตจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนา”
หลังจากวางสาย ซูเถาค่อย ๆ พิจารณาเรื่องนี้อย่างใจเย็น
หากจะต้องเข้าไปครอบครองทั้งหมดคงเป็นไปได้ยาก เพราะเธอมีเงินไม่พอ เถาหยางเองก็ไม่ได้มีพื้นที่มากขนาดนั้น
หากเข้าครอบครองเพียงส่วนหนึ่ง แล้วรอให้เถาหยางมีโอกาสขยายที่ดิน ค่อยทยอยโอนสิทธิการครอบครองทีละน้อยไปยังเถาหยางเพื่อพัฒนาก็เป็นไปได้
เดี๋ยวค่อยโทรหาอดีตผู้นำกองทัพ ดูว่าแบบนี้พอจะเป็นไปได้ไหม
เงินละเงิน ที่ดินละที่ดิน ล้วนเป็นสองอย่างที่เธอขาดแคลน
ขณะที่ครุ่นคิดอยู่ ซูเถาและทีมก็เข้าไปในบ้านรับรองของฐานโส่วอันแล้ว
เธอและกวานจือหนิงอยู่ห้องเดียวกัน โดยมีสือจื่อจิ้นอยู่ข้าง ๆ ห้องเธอ
ช่วงก่อนอาหารเย็นสือจื่อจิ้นมาหาพวกเธอ เพื่อบอกว่า
“พวกคุณหาอะไรกินกันเองดีกว่านะ ไม่ต้องไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับคืนนี้หรอก คนในโส่วอันไม่ใช่คนดีอะไรเลย พวกเขากักขังเจี่ยนไคอวี่ไว้ โดยให้ผมเอาน้ำและน้ำมันไปแลก”
ครั้งก่อนในภารกิจเจี่ยนไคอวี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถกลับไปที่ตงหยางพร้อมกับกองทัพส่วนใหญ่ได้ เขาซึ่งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งอีกฝ่ายมาที่ฐานรักษาความปลอดภัยที่ใกล้ที่สุดเป็นการชั่วคราว
ครั้งนี้เขามาที่โส่วอันเป็นอันดับแรก เพราะเพื่อมารับเจี่ยนไคอวี่ แต่ไม่คิดว่าจะถูกคนพวกนี้จับจุดอ่อนได้
สีหน้ากวานจือหนิงมืดมนทันที “พลตรี เราไปจัดการพวกเขาเถอะ พวกสารเลวหน้าไหนกล้ามาขู่พวกเรา!”
สือจื่อจิ้นขอให้เธอสงบสติอารมณ์ “คุณปกป้องซูเถา ผมจะไปแก้ปัญหานี้เอง”
จากนั้นเขาก็พูดกับซูเถา “ผมจะช่วยคุณตามหาคนแซ่อู๋ คุณไม่ต้องกังวล ช่วงสองวันนี้หากคุณจะไปไหนต้องบอกจือหนิงด้วย พวกคุณต้องไปด้วยกัน ห้ามไปไหนคนเดียว และต้องพาเสวี่ยเตาไปด้วย เข้าใจไหม”
ซูเถารู้ว่าเรื่องนี้จริงจังมาก เธอจึงพยักหน้าอย่างแรง
เธอไม่มีทักษะความสามารถอะไร ทำได้แค่ไม่เป็นภาระให้คนอื่น
หลังจากสือจื่อจิ้นจากไปแล้ว ซูเถายังคงกังวลอยู่พักหนึ่ง เพราะคิดว่าตัวเองไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
‘ต่อรองกับพวกโส่วอันไม่ได้เหรอว่าพวกเขาต้องการน้ำกับน้ำมันมากแค่ไหนถึงจะปล่อยเจี่ยนไคอวี่?’
แบบนั้นก็อ่อนแอเกินไปแล้ว
ตอนนี้จำเป็นต้องตบหน้าคนโส่วอันให้แรง ๆ ให้พวกเขารู้จักกลัวและปล่อยคนอย่างเชื่อฟัง
เธอคงทำได้แค่ฝากเรื่องใช้กำลังไว้กับสือจื่อจิ้น เพราะเธอไม่ถนัดเรื่องนี้
หลังจากทั้งสามคนกินบะหมี่สำเร็จรูปแล้ว ซูเถาก็โทรหาอดีตผู้นำกองทัพ และอธิบายความตั้งใจของตัวเองสั้น ๆ
เสียงของอดีตผู้นำดูเหนื่อยล้ามาก และเขาก็ถอนหายใจออกมา
“มันคงจะดีมากถ้าเธอได้มาครอบครอง แต่เธอต้องเข้าใจว่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ตอนนี้ในสวนในไร่ไม่มีอะไรเลยนอกจากช่างเทคนิคสี่คนและกองเมล็ดพันธุ์ที่ยังไม่ผ่านการหมัก หากต้องการฟื้นฟูให้กลับมาใหม่ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ต้องใช้ทั้งเวลาและแรงงานเยอะมาก”
ซูเถาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และเอ่ยอย่างแน่วแน่ “ฉันอยากลองดูค่ะ หากไม่ได้ผลและต้องล้มเลิกฉันก็จะไม่รู้สึกเสียใจ”
เมื่อเห็นว่าเธอมุ่งมั่นมาก อดีตผู้นำกองทัพก็ไม่ลังเล และให้ข้อมูลติดต่อช่างเทคนิคทั้งสี่คน และอดีตผู้จัดการสองคนกับซูเซา
“เด็กดี ที่เหลือขึ้นอยู่กับเธอแล้ว”
ฉันหวังว่าเธอจะนำพื้นที่สีเขียวกลับมาให้ประชาชนของตงหยางและเถาหยางอีกครั้ง ในคืนนั้นซูเถาติดต่อคุณแม่เฉียน ด้วยหวังว่าจะจ้างเธอเป็นผู้จัดการไร่อีกครั้ง
แต่ไม่ใช่ในฐานะไร่ของตงหยาง แต่เป็นไร่ของเถาหยาง
คุณแม่เฉียนกุมมือปิดปากด้วยความไม่เชื่อ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงพูดขึ้น
“…เถ้าแก่ซูนี่เป็นเรื่องยุ่งเหยิงมากเลยนะ ตอนนี้อุณหภูมิก็สูงมาก ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้นเลย ผลิตอะไรออกมาก็ไม่เพียงพอเลย ถ้าปลูกไม่ดีคนก็ด่า”
ซูเถากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เพราะมันยุ่งเหยิง ฉันจึงมีคุณสมบัติที่จะรับช่วงต่อ ถ้ามันดี คงไม่ถึงมือฉัน ฉันยังได้ช่างเทคนิคอีกสี่คนและผู้จัดการที่ดีของคุณอีกสองคนรวมถึงเมล็ดพันธุ์อันล้ำค่า ที่ฉันไม่ได้จ่ายเงินเลยแม้แต่น้อย”
ชีวิตที่ไร้ค่ากลายเป็นของขวัญเมื่อถึงมือเธอ
คุณแม่เฉียนชื่นชมเธอในใจ กัดฟันและพูดว่า
“เถ้าแก่ซูหากคุณคิดว่าทำได้ สำหรับฉันแล้วไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวฉันก็จะไปกับคุณ”