ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 90 ทำภารกิจที่ซ่อนอยู่ได้สำเร็จ
ตอนที่ 90 ทำภารกิจที่ซ่อนอยู่ได้สำเร็จ
ตอนที่ 90 ทำภารกิจที่ซ่อนอยู่ได้สำเร็จ
ซูเถาก็รู้ดีว่าการขายที่มากเกินไปจะดึงดูดคนโลภและสร้างปัญหาให้กับตนและทีมได้ง่าย ความจริงกวานจือหนิงไม่เห็นด้วยมากนัก แต่ก็ยังถามว่า “คุณวางแผนจะขายเท่าไหร่”
“น้ำห้าร้อยมิลลิลิตรสิบขวด และน้ำมันเชื้อเพลิงห้าจิน*[1] ไม่มากใช่ไหม” ซูเถากล่าว
ตามราคาที่น่าตกใจของที่นี่ เธอก็น่าจะสามารถทำรายได้ได้ 200,000-300,000 ซึ่งเธอก็พอใจแล้ว
กวานจือหนิงเอ่ย “ฉันจะถามพลตรีสือก่อน”
ซึ่งไม่คิดเลยว่าสือจื่อจิ้นจะตอบตกลง แต่ไม่เห็นด้วยกับเธอที่จะตั้งแผงลอยกลับโทรเรียกผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจุดแวะพักมาแทน และขอให้ซูเถาไปพูดคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว
กวานจือหนิงยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับปืนที่แนบไว้ที่เอว ผู้จัดการใจร่วงหล่นลงไปที่ตาตุ่ม นำรายงานราคาซื้อที่สมเหตุสมผลให้กับซูเถา
“หากเป็นน้ำ หนึ่งขวด 8,000 เหลียนปัง เชื้อเพลิงหนึ่งจิน 6,000 เหลียนปัง รวมแล้ว 110,000 เหลียนปัง คุณซู ราคานี้ผมให้สูงกว่าปกตินิดหน่อย เพราะถือว่าสานสัมพันธ์ฉันท์มิตร…”
ซูเถาเห็นด้วยอย่างยิ่ง และจําได้ว่าห้วงมิติของหลินฟางจือยังคงมีของใช้ประจําวันอีกมากที่ยังไม่ได้ใช้ ทั้งแชมพู เจลอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวใหม่เอี่ยม และผ้าอนามัยอีกจำนวนไม่น้อย…
อีกไม่กี่วัน เธอจะได้กลับไปที่เถาหยาง หากจะพาของพวกนี้กลับไปก็คงไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ สู้เอามาขายที่นี่น่าจะดีกว่า
ดังนั้นเธอจึงพูดกับผู้จัดการว่า “ฉันยังมีของอื่น ๆ อีกนิดหน่อย”
เธอขอให้หลินฟางจือกลับไปที่ขบวนรถเพื่อนำของออกมา โดยขนย้ายกล่องของใช้จําเป็นในชีวิตประจําวันที่เป็นส่วนเกินออกจากห้วงมิติ
เมื่อผู้จัดการเห็นสินค้าก็ตระหนักได้ทันทีว่าสิ่งจําเป็นในชีวิตประจําวันเหล่านี้สามารถช่วยปรับปรุงสภาพที่พักของที่พักได้อย่างมาก และสามารถสร้างรายได้ได้มากขึ้น
“คุณมีเท่าไหร่ ผมเหมาหมดเลย!”
“มีไม่เยอะ แค่ในกล่องนี้” ซูเถาเอ่ย
“ราคา…คุณจะคิดยังไง?”
ซูเถาครุ่นคิดอย่างคนโลภ
“200,000 เหลียนปัง”
ผู้จัดการสีหน้าย่ำแย่ “ถ้าเป็นน้ำที่ดื่มก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นของที่แม้ว่าจะเป็นของหายาก แต่ก็ไม่จําเป็น…คุณซู ราคานี้แพงเกินไป”
ซูเถาถามอีกครั้ง “ไม่เป็นไรใช้สิ่งของมาแลกก็ได้ คุณมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ หนังสือ หรือของหายากอื่น ๆ ไหม”
ผู้จัดการพูดอย่างขมขื่น “คุณซู ที่แห่งนี้ของเราเป็นเพียงจุดแวะพักเล็ก ๆ จะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้ยังไง ยิ่งหนังสือยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย คนที่มาส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชาย ซึ่งไม่มีใครรู้หนังสือเลยสักคน”
พูดจบเขาก็มองไปที่ของใช้ประจำวันในกล่องอย่างไม่เต็มใจ ในใจครุ่นคิดว่าจะเอาอะไรมาแลก
ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “คุณต้องการของของซอมบี้ไหม มันเป็นผลึกนิวเคลียสในหัวของมัน ก่อนหน้านี้มีผู้สิ้นหวังเดินผ่านมาและแลกมันกับน้ำเพื่อดื่ม เอาของนั่นไว้กับพวกเรา เราก็ไม่รู้ว่าจะเอามันไปใช้ทำอะไร แต่ก็รู้ว่าเป็นของหายาก ดังนั้นจึงเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด”
พูดจบก็ให้ลูกน้องไปเอามา ผ่านไปครู่หนึ่งก็ถือกล่องไม้เล็ก ๆ ออกมา เมื่อเปิดดูภายในก็เป็นผลึกนิวเคลียสของซอมบี้จริง ๆ
ซูเถารู้สึกประหลาดใจพอสมควร และตัดสินใจแลกเปลี่ยนมันกับของใช้ประจำวันทันที เพื่อที่เธอจะได้มีผลึกนิวเคลียสชิ้นที่สี่มา ทั้งสองฝ่ายได้เปลี่ยนไปในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ซึ่งถือได้ว่าเป็นความร่วมมือที่น่าสนใจ
เมื่อผู้จัดการจากไป กวานจือหนิงก็เอ่ยขึ้น
“นี่คุณได้เปรียบมากเลย หลังจากที่อาวุธพลังงานนิวเคลียสเป็นที่นิยม ผลึกนิวเคลียสก็จะประเมินค่าไม่ได้”
ซูเถายิ้มตาหยี “แต่ตอนนี้จะว่าไปแล้วเราก็ได้แลกเปลี่ยนกันอย่างยุติธรรมนะ ตอนนี้พวกเขาเก็บผลึกนิวเคลียสไว้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร จะดีกว่าถ้ามาใช้แลกสิ่งของกับฉัน”
“ขูดเลือดขูดเนื้อ คุณพูดถูกทุกอย่าง เรากลับไปกันเถอะ” กวานจือหนิงบ่นพึมพำ
จุดแวะพักเสียงดังและมีแสงไฟสว่างไสวตลอดทั้งคืน ซูเถาจึงไม่สามารถนอนหลับสนิทได้ วันรุ่งขึ้นที่ขบวนรถออกเดินทางเธอก็ยังรู้สึกสะลึมสะลืออยู่ และเมื่อตื่นมาอีกครั้ง จุดแวะพักที่อยู่ด้านหลังรถก็กลายเป็นจุดสีดําเล็ก ๆ ค่อย ๆ หายลับไปจากสายตา
ซูเถาถอนหายใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความอิจฉา “จุดแวะพักเล็ก ๆ แห่งนี้ เป็นเหมือนโลกจักรพรรดิ คืนเดียวไม่รู้ว่าทำเงินไปได้เท่าไหร่”
กวานจือหนิงที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับก็ไม่ตอบอะไร
“บางทีคุณน่าจะถามคำถามนี้กู้หมิงฉือคู่หูของคุณนะ เขาเข้าไปพัวพันกับธุรกิจลับ ๆ ที่จุดแวะพักนั่น”
ซูเถาตกตะลึง “ธุรกิจอะไรเหรอ”
“ก่อนสิ้นโลกธุรกิจของเขาถูกเรียกว่าการค้ามนุษย์ และเขาเชี่ยวชาญในการซื้อเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปี จากผู้ลี้ภัย ผู้อพยพและผู้รอดชีวิตที่ยากจน เขาไม่กล้าทําสิ่งนี้ในตงหยาง เขาจึงรวบรวมเด็ก ๆ ไปที่จุดแวะพักเพื่อเลี้ยงดูพวกเขา”
“ถ้าเมื่อคืนคุณได้เดินไปทางไปด้านหลังของที่พัก คุณจะเห็นอาคารเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยเด็ก ๆ ที่กู้หมิงฉือเลี้ยงไว้”
หัวใจของซูเถาเย็นเยียบ “ซื้อเด็กจํานวนมากไว้เพื่ออะไร โรคจิตเหรอ? ล่วงละเมิดเหรอ”
ถ้าเป็นแบบนั้น ความร่วมมือของเธอกับกู้หมิงฉือก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือและสนับสนุนให้มีการล่วงละเมิดใช่ไหม!
กวานจือหนิงพูดไม่ออก “… เธอคิดว่าไงล่ะ ไม่ใช่แค่การล่วงละเมิด เขาใช้เงินจํานวนมากเพื่อซื้อเด็กไว้เลี้ยงดู ซึ่งก็เลี้ยงดูพวกเขาค่อนข้างดี และหาผู้หญิงเร่ร่อนจํานวนมากเพื่อดูแลเด็กเหล่านี้”
ซูเถามีท่าทีสงบ “งั้นนี่ไม่ใช่เรื่องดีเหรอ?”
กวานจือหนิงเอ่ยเสียงเรียบ “แม้ว่าเขาจะช่วยชีวิตเด็กเหล่านี้เป็นการตบตา และให้ชีวิตที่มั่นคงที่มีทั้งอาหารและเสื้อผ้าแก่พวกเขา แต่เขาก็ล้างสมอง เด็ก ๆ ตั้งแต่อายุยังน้อย และนับถือกู้หมิงฉือเป็นพระเจ้าเพียงคนเดียว เด็ก ๆ สามารถบุกน้ำลุยไฟเพื่อเขาได้เลย”
“มีแม้กระทั่งเด็กบางคนที่สามารถปลุกพลังวิเศษได้ตอนอายุสิบแปดปี ส่วนคนที่ไม่สามารถตื่นได้จะกลายเป็นคนสนิทของเขา เพื่อให้จงรักภักดีต่อเขาไปตลอดชีวิต”
ซูเถาเข้าใจแจ่มแจ้งในทันที “ดูเหมือนเขาทะเยอทะยานไม่น้อยเลยนะ”
กวานจือหนิงโค้งคํานับ “ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่จะให้คุณระมัดระวังเขา ผู้ชายคนนี้มีความปรารถนาของมนุษย์แรงกล้ามาก และไร้ศีลธรรม”
ขบวนรถเคลื่อนต่อไปอีกครึ่งวัน แล้วจู่ ๆ ก็พบกับฝูงซอมบี้ขนาดใหญ่ที่มีอย่างน้อยหนึ่งร้อยตัว และในกลุ่มนั้นยังมี ‘เคียวโลหิต’ อีกสามตัวด้วย!
สือจื่อจิ้นประกาศการป้องกันให้ครอบคลุมทันที โดยล้อมรอบยานพาหนะที่สําคัญที่สุดสองคันที่อยู่ตรงกลางไว้ และรีบป้องกันศัตรูพร้อมกับแกนสู้รบหลัก
ซูเถาฟังการต่อสู้และเสียงตะโกนข้างนอก ซ่อนตัวอยู่ในรถด้วยความหวาดกลัว เมื่อคิดอยากจะดูกวานจือหนิงก็ไม่เปิดม่านให้เธอ
เสวี่ยเตาตื่นเต้นเป็นพิเศษเมื่อได้ยินเสียงปืน พยายามข่วนประตูเพื่อให้ได้ออกไป
ซูเถาทนไม่ไหว และรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า “มันเป็นอะไร”
กวานจือหนิงเอ่ย “มันคิดว่ามันต้องเข้าร่วมในการต่อสู้ด้วย ตอนเด็ก ๆ มันถูกฝึกบ่อยเกินไป จนฝังอยู่ในกระดูกตัวเองแล้ว”
ซูเถาฟังแล้วทุกข์ใจเล็กน้อย วัยชราของสุนัขทหารที่ไม่สงบสุข
การต่อสู้กินเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง และเมื่อม่านถูกเปิดขึ้นซูเถาก็เห็นคราบเลือดสาดกระเซ็น ทั่วบริเวณเต็มไปซากศพที่ไม่รู้ว่าของคนหรือซอมบี้ ดังนั้นจึงดึงม่านลงอีกครั้งทันที
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็กัดฟันแล้วดึงมันขึ้นมาอีกครั้ง เธอต้องมีความกล้าหาญ นี่คือความจริงของยุควันสิ้นโลก
ในเวลานี้ สือจื่อจิ้นที่เปื้อนเลือดปรากฏขึ้นในสายตาของเธอ เขากําลังพิงด้านหลังของรถ หยิบบุหรี่ออกมาจากเสื้อแจ็กเก็ต กดที่ไฟแช็กด้วยนิ้วที่เปื้อนเลือดแล้วจุดไฟ
หลังจากนั้นไม่นานควันก็ลอยปกคลุมใบหน้า บดบังสีหน้าของเขา
แต่ซูเถาเห็นได้ชัดว่ามือของเขาสั่น
หัวหน้าฝ่ายพลาธิการมารายงาน
“… พลตรี มีผู้เสียชีวิตแปดราย บาดเจ็บสาหัสสิบหกราย และติดเชื้อยี่สิบสี่ราย ได้เรียกให้หมอเจี่ยนไปตรวจแล้ว”
สือจื่อจิ้นบดบุหรี่ที่เผาไหม้อยู่บนปลายนิ้ว กลับมามีความสุขและความโกรธอีกครั้ง “รับทราบ รายงานรายชื่อผู้เสียชีวิตในสนามรบให้ฉัน…และค้นหาศพให้เร็วที่สุด”
เนื่องจากการโจมตีครั้งนี้ พวกเขาจึงไม่สามารถไปถึงภูเขาผานหลิวได้ในเวลาที่วางแผนไว้ และในคืนนั้นก็เผาผู้พลีชีพที่เสียชีวิต จนเหลือเพียงกล่องเล็ก ๆ
ร่างของซูเถาแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้
เธอดูชื่อบนกล่อง บางคนก็ยังเป็นคนที่เพิ่งจะพูดคุยหยอกล้อกัน พวกเขาอายุน้อยสุดเพียงอายุสิบเก้า อายุมากสุดก็ไม่เกินสี่สิบ
ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง หยินหยางก็แตกสลาย*[2]
เธอมองไปที่สือจื่อจิ้นซึ่งไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร แต่กลับเห็นริมฝีปากที่สั่นเครือเล็กน้อยของเขา ในใจรู้ว่าไม่มีใครเจ็บปวดเท่าเขาแล้ว
เธอเดินไปโอบกอดเขาเบา ๆ โดยไม่พูดอะไร
สือจื่อจิ้นหลับตาและปล่อยให้เธอกอดเขานิ่ง ๆ
กล่องบรรจุอัฐิถูกทยอยนําขึ้นรถทีละคน และขบวนรถก็ออกเดินทางต่อไป
ในที่สุดก็ถึงภูเขาผานหลิวซานท่ามกลางความเงียบ
เมื่อซูเถาลงจากรถ และเห็นประตูโรงรถร้างที่เชิงเขา จู่ ๆ ระบบก็ส่งเสียงเตือน
[ตรวจพบว่าโฮสต์ถึงปลายทางแล้ว เรียกใช้ภารกิจที่ซ่อนอยู่ โปรดรับสิทธิ์การจัดการของพื้นที่ภายในสามวัน เงื่อนไขคือต้องใช้ผลึกนิวเคลียสระดับหนึ่งจำนวนห้าอัน]
ซูเถาเบิกตากว้าง รีบเปิดหน้าระบบ และแน่นอนว่าเหนือแผนที่ดั้งเดิมของเถาหยาง เธอพบพื้นที่ริบหรี่เล็ก ๆ ดูเหมือนจะรอให้เธอยืนยัน
หรือว่าการใช้ผลึกนิวเคลียสระดับหนึ่งห้าชิ้น สามารถจัดการพื้นที่นี้ได้เหมือนที่เถาหยาง?
นิวเคลียสระดับหนึ่งคืออะไร? วิวัฒนาการของผลึกนิวเคลียสซอมบี้เหรอ?
[1] 1 จิน มีน้ำหนักเท่ากับ 500 กรัม
[2] หยินหยางแตกสลาย หมายถึง สภาวะหลังตายไปหยินหยางจะแยกออกจากกัน